99 - ผู้ป่วยทางจิตคนใหม่
99 - ผู้ป่วยทางจิตคนใหม่
วี้หว่อ วี้หว่อ วี้หว่อ
รถพยาบาลขับเข้าไปในโรงพยาบาลจิตเวชชิงซานพร้อมไฟฉุกเฉินที่กระพริบอยู่ตลอดเวลา
แพทย์และพยาบาลวิ่งขึ้นไปบนรถเข็นเปลฉุกเฉินอย่างชำนาญ
“คนไข้อยู่ที่ไหน”
พวกเขาคุ้นเคยกับโรงพยาบาลจิตเวทชิงซานมากเกินไป
ความคุ้นเคยก็เหมือนได้กลับไปโรงพยาบาลของตัวเอง
พวกเขาแทบจะจินตนาการได้เลยว่าผู้ป่วยต้องเป็นเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินเสียงรถพยาบาลเฉินเซียงก็รู้สึกโล่งใจ เขารู้สึกว่าเขาสามารถมีชีวิตอยู่และในที่สุดก็ไม่ต้องตาย เขายอมรับว่าเขาทำผิดพลาด ถ้าเขาสนใจเพียงเล็กน้อย เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น
แพทย์และพยาบาลที่ผลักรถเปลฉุกเฉินเห็นเฉินเซียง กำหน้าท้องของเขาและหลินฟ่านยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดวงตาของพวกเขาแสดงความผิดหวังออกมาเล็กน้อย
มันไม่ใช่เขา
“ผอ.ฮ่าว คนไข้รายนี้เป็นผู้ป่วยทางจิตคนใหม่หรือเปล่า?” หมอถาม
หากเป็นผู้ป่วยทางจิตพวกเขาต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการป้องกันเมื่อคนไข้ถูกนำขึ้นรถพยาบาลอย่างกะทันหัน หากปล่อยให้พวกเขามีอิสระอาจเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นก็ได้
เฉินเซียงกล่าวว่า "หมอ ผมไม่ได้ป่วยทางจิต โปรดช่วยผมด้วย ผมรู้สึกหนาวไปทั้งตัว"
หมอไม่สนใจเฉินเซียง แต่มองไปที่ผอ.ฮ่าว ที่นี่มีเพียงผอ.เท่านั้นที่บอกว่าใช่หรือไม่ใช่
ผอ.ฮ่าว ไม่ตอบแต่พยักหน้าเบา ๆ
หมอดูเคร่งขรึมสั่งการให้ลูกน้องของเขาจัดการเฉินเซียงด้วยความระมัดระวังอย่างถึงที่สุด มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ผู้ป่วยทางจิตจะไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนบ้า
ทฤษฎีนี้ถูกต้อง
ในตอนที่ทุกคนกำลังสนใจกับการปฐมพยาบาลเฉินเซียง หลินฟ่านก็จับจ้องไปที่เตาแก๊สพร้อมกับชี้ให้เหล่าจางลงมือให้เร็วที่สุด
เหล่าจางเข้าใจความหมายของหลินฟ่าน เขารีบยัดเตาแก๊สขนาดเล็กเข้าไปในอกเสื้อพร้อมกับหันหลังเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าหน้าอกของเหล่าจางจะโปนแต่ด้วยความละมุนของเหตุการณ์ทำให้ไม่มีใครสังเกตุเขา
"ผมอยากนอนแล้วๆ" หลินฟ่านกล่าวและเดินออกไปข้างนอก
ผอ.ฮ่าวกล่าวตามหลังว่า "หลินฟ่านคุณอย่ารู้สึกไม่ดีเลยนะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ พวกเราทุกคนเข้าใจ"
"อืม ผมรู้" หลินฟ่านพูดจบก็เดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลานั้นหมอและพยาบาลของโรงพยาบาลจิตเวชก็มองผอ.ฮ่าวด้วยความชื่นชมและเสียงปรบมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง
พวกเขาเชื่อว่าตราบใดที่ผอ.ฮ่าวอยู่ที่นี่ เรื่องทุกอย่างจะถูกจัดการอย่างง่ายดาย
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเดินเข้ามาแล้วกระซิบเบาๆว่า
"ผอ.เด็กหนุ่มคนนั้นคือนักทฤษฎีสามัญสำนึกที่คุณพูดถึงก่อนหน้านี้หรือเปล่า"
“ผมไม่มีความหมายอื่นใด แต่จากประสบการณ์หลายปีของผม ผมรู้สึกว่าสภาพจิตใจของเขาอาจมีปัญหาเล็กน้อย ผมต้องทดสอบเขาก่อนที่เขาจะสร้างปัญหาให้เรามากกว่านี้?”
ผอ.ฮ่าวตบไหล่หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยและกล่าวว่า
"วิสัยทัศน์ของคุณดีเสมอมา"
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยกล่าวอย่างนอบน้อม
"ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผอ.สอนผมมาดี"
ผอ.ฮ่าว พยักหน้าอย่างพึงพอใจ คำพูดก่อนหน้านี้ของเขาก็เพียงเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามตอบกลับมาเช่นนี้อยู่แล้ว
ในตอนกลับมาที่ห้องทำงานผอ.ฮ่าวก็กดโทรศัพท์โทรออกอย่างรวดเร็ว
เขาโทรหาอาจารย์ใหญ่เฉินเซียงและต้องการคุยกับฝ่ายตรงข้ามเป็นการส่วนตัว
“ผอ.ฮ่าวสบายดีไหม เฉินเซียงเป็นยังไงบ้าง ผมพูดได้เลยว่าเขาเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยสอน แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีประสบการณ์มากนัก แต่ความรู้เชิงทฤษฎีของเขาก็ยอดเยี่ยมมาก
ผมรู้สึกว่าวิทยาลัยของเราสามารถร่วมมือกับโรงพยาบาลชิงซานเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์ของผมได้ช่วยเหลือคนไข้เหล่านั้นอย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการตกงานอีกด้วย"
อาจารย์ใหญ่ฉินกำลังวาดฝันอย่างสวยงาม
สาขาวิชาทฤษฎีสามัญสำนึกคือหลักสูตรที่เขาคิดค้นขึ้นเอง และถือได้ว่าเป็นหลักสูตรเพิ่มเติมในวิทยาลัย ในอนาคตหากนักเรียนคนใดสามารถมีชื่อเสียงระดับนานาชาติได้ ผู้ก่อตั้งก็จะมีชื่อเสียงเช่นกัน
ผอ.ฮ่าวกล่าวว่า “พี่ฉินผมต้องขอโทษพี่ด้วยแต่ลูกศิษย์คนโปรดของพี่ทำให้ตัวเองต้องไปนอนอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว เรื่องนี้อย่าหาว่าผมไม่เตือนคุณ ไม่ว่าคุณทำอะไรอยู่ขอให้คุณถอนตัวทันทีก่อนที่มันจะสายเกินไป”
"คุณหมายถึงอะไร?"
“คุณพอจะมีเวลาว่างไหมผมอยากคุยกับคุณที่โรงพยาบาลชิงซานของผม”
“ขอบคุณสำหรับคำเชิญ ผมจะไปแน่นอนถ้ามีโอกาส แต่คุณยังไม่ได้บอกเลยว่ามีอะไรเกิดขึ้น”
ผอ.ฮ่าวไม่คิดจะพูดอะไรต่อและกดตัดสายทันที มีความรู้สึกว่ารุ่นพี่ของเขาอาจจะมีความจำเป็นในการรักษาอย่างเร่งด่วน
………….
ภายในรถพยาบาล.
“หมอครับ ผมก็เป็นหมอเหมือนกัน แต่ผมสอนวิชาทฤษฎีสามัญสำนึก อย่ามองว่าผมได้รับบาดเจ็บ มันเป็นแค่อุบัติเหตุ เท่านั้น”
เฉินเซียงสื่อสารกับแพทย์ ตอนนี้เขาถูกมัดแขนมัดขาอย่างแน่นหนามันทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก
“ผมเชื่อคุณ” หมอบอก
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร หมอก็เต็มใจที่จะเชื่อใจผู้ป่วยทางจิต ผอ.ฮ่าวเคยติวเข้มกับพวกเขาในเรื่องนี้ไว้แล้วดังนั้นพวกเขาจะไม่มีทางละเลยอย่างเด็ดขาด
“หมอ ทำไมผมถึงรู้สึกหนาวๆ หรือว่ามีดมันแทงเข้าไปในลำไส้ใหญ่ของผม” เฉินเซียงถาม
"คุณจะไม่เป็นไร" คุณหมอพูดด้วยรอยยิ้ม
โดยปกติแล้วหมอของประเทศจีนมักจะมีนิสัยเย็นชาและไม่ให้เกียรติคนไข้เท่าไหร่ แต่มันต่างกันโดยสิ้นเชิงเมื่อพวกเขาพบกับผู้ป่วยจิตเวช
เฉินเซียงเริ่มเกิดความรู้สึกแปลกๆจากรอยยิ้มที่เป็นมิตรของหมอและพยาบาลในรถ
“หมอครับ ทำไมผมรู้สึกว่าพวกคุณทำเหมือนผมเป็นผู้ป่วยจิตเวช”
เขาได้รับการศึกษาเรื่องจิตเวชมาอย่างลึกซึ้ง มันทำให้เขาค่อนข้างมั่นใจว่าหมอและพยาบาลพวกนี้กำลังมองว่าเขาเป็นผู้ป่วยทางจิต
หมอและพยาบาลทุกคนมองไปที่เฉินเซียง ความหมายในดวงตาของพวกเขาดูชัดเจนมาก คุณเป็นคนป่วยทางจิตไม่ใช่หรือ?
แน่นอน.
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่จิตแพทย์ของชิงซาน แต่พวกเขาก็มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมาหลายสิบปีแล้ว เรื่องพื้นฐานแบบนี้อย่างน้อยๆพวกเขาก็ต้องเรียนรู้มาบ้าง
“ฮ่าฮ่า เป็นไปได้ยังไง คุณจะเป็นคนไข้จิตเวชได้อย่างไร คุณไม่ต้องห่วงอีกเดี๋ยวเราจะไปถึงโรงพยาบาลแล้ว วางใจได้เลยว่าหมอในโรงพยาบาลของเราทุกคนจะช่วยเหลือคุณจนสุดความสามารถ” หมอคนนั้นพยายามปลอบใจ
เฉินเซียงรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆว่าอีกฝ่ายมองว่าเขาเป็นโรคจิต
“ผมไม่ได้โรคจิตสักหน่อย” เขาต้องการพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่ผู้ป่วย
"พวกเรารู้." หมอและพยาบาลพยักหน้าพร้อมกัน
"คุณไม่รู้อะไรเลยต่างหาก" เฉินเซียงกล่าว
“ใช่ เราไม่รู้ เราไม่รู้อะไรเลย” คุณหมอพยักหน้าอย่างหนักแน่น
เขารู้สึกว่าผู้ป่วยรายนี้ค่อนข้างจะรับมือยาก ถ้าเป็นหลินฟ่านและเหล่าจาง พวกเขามักจะนอนนิ่งอยู่ตรงนั้นและมองมาที่คุณด้วยรอยยิ้มหลังจากที่พวกเขายอมรับว่าคุณไม่ได้ป่วยทางจิต
แต่ตอนนี้ผู้ป่วยรายนี้ค่อนข้างรับมือได้ลำบากเห็นได้ชัดว่าอาการของเขารุนแรงกว่าหลินฟ่านมาก
เฮ้อ!
แน่นอนว่ายังคงมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างผู้ป่วยทางจิตและผู้ป่วยธรรมดา เช่นเดียวกับการเปรียบเทียบระหว่างเด็กที่เชื่อฟังกับเด็กที่ไม่เชื่อฟัง