ตอนที่ 563+564 คุยกับพี่สาว
ตอนที่ 563 คุยกับพี่สาว
“นี่พี่สาวฉันค่ะ ไม่ต้องห่วง” เจียงเหยามีรอยยิ้มบนใบหน้า ขณะที่แนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน “พี่คะ นี่ผู้จัดการซุนคะ เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากเลยค่ะ”
“ถ้าอยากจะคุยกัน ก็ไปคุยที่ห้องฉันสิ” ลู่อี้ชิงมองไปที่ผู้จัดการซุนและเจียงเหยา ก่อนที่จะพาพวกเขาไปที่ห้องพักของเธอ
แม้ว่าเธอจะมาที่นี่เพื่อท่องเที่ยว แต่ลู่อี้ชิงได้จองห้องชุดสำหรับธุรกิจไว้ที่โรงแรมโดยบังเอิญ ห้องบิสซิเนสสวีทจะมีห้องนั่งเล่นแยกจากห้องนอน เป็นที่ที่เหมาะกับการพูดคุยกันได้เป็นอย่างดี
เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ผู้จัดการซุนก็มองหาที่ที่เขาจะนั่งและนั่งลงทันที
เขากล่าวขอบคุณเจียงเหยา หลังจากที่เธอยื่นขวดน้ำให้เขาก่อนที่จะพูดธุระที่พูดค้างไว้เมื่อสักครู่ “ธนาคารได้ตอบเราแล้วครับ มากที่สุดที่พวกเขาสามารถจะปล่อยกู้ได้คือยี่สิบล้าน เพราะคุณยังเป็นนักศึกษาและไม่มีสินทรัพย์ คุณเจียงเป็นเรื่องยากมากสำหรับธนาคารที่จะจัดหาให้ได้มากกว่านี้”
“ยี่สิบล้านเหรอคะ? จะไปพออะไร!” ลู่อี้ชิงกล่าว เธอมองไปที่เจียงเหยาและพูดว่า “เธอกำลังจะจำนองหุ้นของโรงพยาบาลเฉิงอ้ายเหรอ? ธนาคารนี่ตระหนี่เสียกระไร! ขนาดเอาหุ้นโรงพยาบาลเฉิงอ้ายเป็นหลักประกันน่ะเนี้ย...”
ลู่อี้ชิงพูดยังไม่ทันจบประโยค เธอก็ส่ายหน้าและพูดต่อ “นี่ไม่พอให้สร้างสำนักงานเสียด้วยซ้ำ”
และนี่คือเรื่องจริง
“เธอดูแลทั้งสถาบันวิจัยและบริษัทผลิตยาเพียงลำพังอย่างนั้นเหรอ?” ลู่อี้ชิงถาม
“กับเพื่อนของชิงสีค่ะ เหวยฉีและซวีเหยา เขาสองคนบอกกับฉันว่าอยากจะลงทุนด้วย แต่ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเขาวางแผนจะลงทุนด้วยเงินเท่าไหร่” โทรศัพท์มือถือของเจียงเหยาดังขึ้น ขณะที่เธอกำลังพูด
เป็นสายจากลู่ชิงสี
“พี่กับฉันเพิ่งจะกลับมาจากงานเลี้ยงเปิดตัวบริษัทฟินิกซ์ทองค่ะ เรากำลังหารือกับผู้จัดการซุนเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทผลิตยาและสถาบันวิจัยที่ห้องพักในโรงแรมของเธอ” เจียงเหยารายงานสั้น ๆ เกี่ยวกับวันนี้ของเธอให้ลู่ชิงสีทราบในทันที “ก็เพราะคุณเฟิงคัดค้านนั่นแหละ ฉันเลยไม่สามารถเอาโรงพยาบาลเฉิงอ้ายไปจำนองได้ ฉันเลยต้องขอสินเชื่อโดยในนามฉันเอง แต่น่าเสียดายที่ได้มากที่สุดก็แค่ยี่สิบล้านหยวนเท่านั้นค่ะ”
เจียงเหยาคร่ำครวญ “แม้แต่พี่ยังบอกเลยว่าธนาคารน่ะงกเกินไป!”
ลู่ชิงสีตอบสั้น ๆ ว่า “ส่งโทรศัพท์ให้อี้ชิงหน่อยสิ ผมอยากคุยกับเธอ”
“พี่คิดว่าไงบ้าง?” ลู่ชิงสีกล่าวหลังจากที่ลู่อี้ชิงรับสาย
เขาไม่สนใจความคิดเห็นของเธอมากนัก เพราะท้ายที่สุดเขาก็มักจะตัดสินใจด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสำคัญขนาดไหนก็ตาม
เขาสนับสนุนเจียงเหยามากและต้องการปกปิดความจริงเหล่านี้จากครอบครัวของเขา ยังไงเสียภรรยาของเขายังเป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัย ดูเหมือนว่าเธอจะไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบทำสิ่งเหล่านี้
แต่ลู่ชิงสีเชื่อใจเธอ
ไม่ได้หมายความว่าครอบครัวของเขาจะรู้สึกเช่นเดียวกับตัวเขา เพราะเขาเป็นคนเดียวที่รู้ความลับของเจียงเหยา ครอบครัวของเขาคงไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจเช่นนี้ของพวกเขา
__
ตอนที่ 564 การโอนสินทรัพย์
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลู่อี้ชิงได้รู้จักกับน้องชายของเธอ เธอหัวเราะ “ฉันจะพูดอะไรได้ล่ะ? เรื่องนี้มันเรื่องของนาย ฉันไม่แสดงความคิดเห็นอะไรทั้งนั้น”
เธอกลัวว่าคำตอบของเธอจะคลุมเครือเกินไป เธอจึงกล่าวเสริม “ตราบใดที่พี่ไม่ขอเงินจากพ่อกับแม่ นายก็มีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตามที่พี่ต้องการ เพราะยังไงนายก็แต่งงานและเป็นผู้ใหญ่แล้วนี่ ฉันไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของนายไม่ใช่เหรอ”
“ขอบใจนะ” ลู่ชิงสีกล่าว
“ฉันเชื่อว่านายเป็นคนฉลาด ถ้านายโอเคกับสิ่งที่ภรรยาของพี่ทำ ฉันก็เหมือนกัน ฉันจะอยู่ที่หนานเจียงสักพัก ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลย ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทำอะไรที่จะทำให้เจียงเหยาไม่มีความสุขหรอก”
ลู่อี้ชิงคืนโทรศัพท์ให้กับเจียงเหยาและเยาะเย้ย “ดูเจ้าเด็กคนนี้สิ บางครั้งฉันสงสัยว่าเขาเป็นน้องชายของฉันจริง ๆ หรือเปล่า เขาบอกว่าต้องการคุยกับฉัน แต่ในความเป็นจริง เขาแค่กลัวว่าฉันจะทำร้ายเธอ”
เจียงเหยารู้สึกอับอาย เธอไม่รู้จะพูดอะไรกับลู่ชิงสี
เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องแบบนี้กับลู่อี้ชิง
อย่างไรเสีย เธอก็ยินดีที่ได้รู้เรื่องนี้
เพราะไม่ว่าลู่ชิงสีจะทำอะไร เขาก็มักจะให้ความสำคัญกับเจียงเหยาก่อนเสมอ
“อย่ากังวลเรื่องเงิน ผมมีสินทรัพย์อยู่มาก ทั้งทรัพย์สิน รถยนต์ หุ้น พันธบัตร ผมจะให้ทนายไปพบคุณในวันพรุ่งนี้ และลงชื่อในเอกสาร จะสามารถนำมันไปจำนองกู้เงินได้ ถ้ายังไม่พอ ยกเว้นหุ้นของผมในบริษัทของพี่เหลียง คุณสามารถใช้เงินในบัญชีที่เหลือได้ ก็น่าจะพอนะ”
บางทีเขาอาจจะรู้สึกไม่พอ เขากล่าวเสริมว่า “ถ้ายังไม่พอจริง ๆ คุณลาหยุดสักสองสามวันแล้วมาที่เมืองจินโดไหมล่ะ? เราไปกู้เงินจากธนาคารด้วยกัน ที่นี่ผมพอจะรู้จักคนอยู่บ้าง”
เจียงเหยาไม่ได้ตระหนักถึงมูลค่าทรัพย์สินของลู่ชิงสีทั้งหมดว่ามีเท่าไหร่ เธอประเมินว่ามันค่อนข้างมาก บางทีอาจมากกว่าจำนวนเงินที่เธอคิดเสียด้วยซ้ำ
จำนวนเงินเหล่านั้น หากถูกใช้ไปก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าความไม่สะดวกเพียงเล็กน้อยของเขา
“นี่คุณวางแผนจะโอนทรัพย์สินทั้งหมดของคุณให้ฉันอย่างนั้นเหรอคะ” เจียงเหยาไม่รู้จะตอบลู่ชิงสีอย่างไร “ฉันควรจะหัวเราะหรือแกล้งปฏิเสธดีล่ะ”
ลู่อี้ชิงและผู้จัดการซุนไม่ได้ยินคำพูดของลู่ชิงสี แต่พวกเขาก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากได้ยินคำตอบของเจียงเหยา
น่าขันเสียนี่กระไร
คนคนหนึ่งต้องการให้คุณค่าและความไว้วางใจกับอีกคนมากเพียงใดในการเปิดเผยทุกสิ่งที่เขามีด้วยความเต็มใจ และมอบทั้งหมดที่เขามีให้กับอีกฝ่าย
ลู่อี้ชิงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ พี่ชายที่งี่เง่าของเธอ ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต แต่ต้องสะดุดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความรัก
เจียงเหยาต้องปฏิบัติต่อเขามากขึ้นแล้วล่ะ เพื่อให้ตอบสนองอย่างไม่มีเงื่อนไขเช่นนี้