503 - ขอดูความจริงใจของท่าน
1814 - ขอดูความจริงใจของท่าน
หลายคนจากตระกูลเทพสวรรค์ก็เสียใจเช่นเดียวกัน แต่เดิมอัจฉริยะที่ทรงพลังคนนี้เป็นสหายกับพวกเขาชัดๆ แต่เป็นเพราะพวกเขาบีบบังคับฝ่ายตรงข้าม จึงเป็นเหตุให้ตระกูลเทพสวรรค์อาจจะล่มสลายในวันนี้
“ฮวงเจ้าไม่คิดว่ารังแกคนอื่นมากเกินไปเหรอ!”
เด็กรุ่นหลังของตระกูลเทพสวรรค์บางคนตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าสือฮ่าวแข็งแกร่งเพียงใดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้นเขาก็มาที่นี่กับสัตว์ขี่ตัวหนึ่งเท่านั้น!
เมื่อผู้อาวุโสหลายคนได้ยินสิ่งนี้ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ผู้อาวุโสบางคนถึงกับตบหน้าเด็กหนุ่มคนนั้นให้เขาหุบปาก กลัวว่าเขาจะสร้างหายนะให้กับตระกูล
โฮก!
สือฮ่าวไม่ได้พูดอะไร แต่สิงโตทองคำของเขาส่งเสียงคำรามออกมาทันที แสงสีทองพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเสียงสั่นสะเทือนทั้งสวรรค์และปฐพี
“เลิกพูดจาเรื่องไร้สาระ หากพวกเจ้าไม่พอใจก็ออกจากเมืองมารับรองว่าข้าจะบดขยี้พวกเจ้าทุกคน!”
แม้แต่สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งยังกล้าตะคอกใส่หน้าพวกเขา อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ใดตอบโต้กลับไป
ต้องเข้าใจว่าสิงโตตัวนี้คือทายาทของราชสีห์ผู้กล้า บรรพบุรุษของมันคือตระกูลอมตะตระกูลหนึ่ง ซึ่งมีสถานะยิ่งใหญ่มากกว่าตะกูลเทพสวรรค์เสียอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเทพสวรรค์ เขาเคยไปที่เมืองจักรพรรดิด้วยตัวเอง เขาเข้าใจลึกซึ้งถึงสถานะของราชสีห์ผู้กล้าตัวนี้เขาจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้าโศก
แม้ว่ายุคเซียนโบราณจะผ่านไปแล้ว แต่เผ่าพันธุ์นี้ก็ยังคงมีผู้ทรงพลังอยู่ตลอดเวลา!
“ทำไมเราต้องกลัวเขา? ผู้เชี่ยวชาญของตระกูลเทพสวรรค์เรามีมากพอๆกับเมฆบนท้องฟ้า อย่าบอกนะว่าเรายังต้องก้มหัวให้เด็กคนหนึ่ง? เหตุไฉนเราไม่ใช้ค่ายกลสังหารเซียนฆ่าเขาซะ” ใครบางคนกล่าวเบาๆ
แม้ว่าหลายคนจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ยังมีผู้คนไม่กลัวตายมากมายภายในตระกูล จะอย่างไรซะพวกเขาก็เป็นถึงผู้บ่มเพาะคนหนึ่ง จะให้หวาดกลัวเด็กน้อยอายุยี่สิบปีนั้นถือว่าไม่สมเหตุผล
“พี่ชายอู๋เจ้าเคยต่อสู้กับเขามาก่อนไม่ทราบว่าเขาแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงหรือ?” เด็กรุ่นหลังคนหนึ่งกล่าวเบาๆ
อู๋ยู่เป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งของตระกูลเทพสวรรค์ ในอดีตไม่มีใครเทียบกับเขาได้ แม้แต่ในสามพันแคว้นเขาก็ถือเป็นบุคคลที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตามหลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่กับฮวง ร่างกายของเขาระเบิดออกจากกันจนพิการไปหลายปีแม้แต่หินอาณัติแห่งสวรรค์ของเขาก็ยังถูกยึดไป
โชคดีเพียงอย่างเดียวคือตระกูลสามารถช่วยให้เขาฟื้นตัวได้ในที่สุด และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาเดินตามเส้นทางของตัวเองโดยเริ่มแสดงสัญญาณของการกลับสู่ตัวตนที่แท้จริงของเขา
มีบางคนบอกว่าตอนนี้เขาน่ากลัวกว่าเมื่อก่อนเสียอีก!
อู๋ยู่ถอนหายใจเบาๆ
“ ตอนนั้นข้าต่อสู้กับเขาอย่างเข้มข้นความแตกต่างระหว่างพวกเรามีไม่มากนักแต่สุดท้ายข้าก็พ่ายแพ้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาข้าอยู่ในความสันโดษมาโดยตลอดโดยทำความเข้าใจกับเส้นทางอื่นในการบ่มเพาะพลังของตัวเอง
แต่เดิมข้าเชื่อว่าถ้าข้าได้พบเขาอีกครั้งข้าจะท้าเขาต่อสู้เพื่อเรียกศักดิ์ศรีของตัวเองคืนมา อย่างไรก็ตามตอนนี้หลังจากที่ได้มองเห็นเขาข้าก็รู้ว่าในรุ่นเดียวกันนับจากนี้จะไม่มีผู้ใดไล่ตามเขาทันได้อีกแล้ว”
อู๋ยู่ไม่ได้รู้สึกหดหู่ใจเมื่อกล่าวคำพูดนี้ออกมา ทุกคนรู้สึกได้ว่าเขาเชื่อมั่นในคำพูดของตัวเองว่ามันสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนตกใจ นี่เป็นถึงอู๋ยู่ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งของตระกูลโดยปกติเขาจะเป็นคนที่หยิ่งผยองเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาสูญเสียความตั้งใจเดิมที่ต้องการจะต่อสู้กับฮวงไปแล้ว
เขาเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีใครในเด็กรุ่นหลังจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้กับฮวงได้!
“ดูเหมือนว่าประสบการณ์ในชายแดนรกร้างจะทำให้คนผู้หนึ่งแข็งแกร่งขึ้นอย่างแท้จริง เขาพบเจออะไรที่นั่นบ้าง?” ผู้คนมากมายได้แต่ถอนหายใจ
ฮวงถูกลิขิตให้กลายเป็นคนที่ไม่มีใครเทียบได้และไม่สามารถปราบปรามได้ สิ่งนี้ได้กลายเป็นความรู้ทั่วไปของหลายๆคนไปแล้ว
"แล้วเขาล่ะ? เขาสามารถเอาชนะฮวงได้หรือไม่?” มีคนถามด้วยเสียงเบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และมองไปยังทิศทางหนึ่ง
ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นเขามีฉายาว่าราชาหินสวรรค์สามก้อน ผู้สืบทอดที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลเทพสวรรค์
แน่นอนว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด
เขาไม่ใช่คนในยุคนี้ ก่อนหน้านี้เขาหายตัวไปเป็นเวลานานด้วยเหตุผลบางอย่างร่างกายของเขาถูกปิดผนึกไว้จนถึงตอนนี้เขามีลักษณะไม่แตกต่างจากชายหนุ่มคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตามราชาหินสวรรค์สามก้อนยังคงสงบนิ่งตลอดเวลาโดยไม่มีเจตนาที่จะลงมือแม้แต่น้อย
“หากมีการสู้รบข้าก็จะพ่ายแพ้ในที่สุด”
ราชาหินสวรรค์สามก้อนพูดขึ้นมาอย่างสงบโดยไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา
แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเขาทุกคนต่างก็สั่นสะท้านด้วยความตกใจ
“สหายน้อยเราย่อมรู้ถึงความผิดของตัวเองเราจะชดเชยให้เจ้าอย่างแน่นอนเพื่อที่จะทำให้พวกเราคืนดีกันดั้งเดิม” บรรพบุรุษอาวุโสของตระกูลเทพสวรรค์ยอมก้มหัวแล้ว
ท่าทีของเขาไม่มีความแข็งกร้าวแม้แต่น้อยเขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตระกูลสามารถดำรงสืบต่อไป คำพูดของเขาทำให้ทุกคนในตระกูลเทพสวรรค์สั่นสะท้านแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล่าวคัดค้านออกมา
สือฮ่าวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ตะกูลเทพสวรรค์ยอมก้มศีรษะจริงๆ จากสิ่งที่เขาเคยสัมผัสมาเขารู้ว่าคนพวกนี้ล้วนเป็นผู้กล้าหาญไม่กลัวความตายหากไม่ได้ต่อสู้กันพวกเขาไม่น่าจะยอมแพ้ง่ายๆอย่างนี้
“เมื่อพวกเจ้ายอมรับผิดก็ต้องจ่ายมา ข้ามาที่นี่เพื่อทวงหนี้ของตัวเอง” สือฮ่าวกล่าวสายตาของเขากวาดผ่านทุกคนในเมืองอย่างรวดเร็ว
“เชิญกล่าวเถอะ ไม่ว่าเจ้าต้องการอะไรพวกเรายินดีมอบให้” บรรพบุรุษอาวุโสของตระกูลเทพสวรรค์กล่าว ผู้คนมากมายจากตระกูลเทพสวรรค์ต่างหันมามองอวิ๋นซี
สิ่งนี้ทำให้อวิ๋นซีตกตะลึง
สือฮ่าวหัวเราะและกล่าวว่า “มันง่ายมาก ข้าต้องการขอยืมศิลาสวรรค์อมตะของพวกเจ้า”
คำพูดนี้ทำให้ใบหน้าของผู้คนมากมายบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็อดกลั้นตัวเองไว้ได้
ศิลาสวรรค์อมตะคืออะไร? มันเป็นสมบัติล้ำค่าของตระกูล!
พวกเขาจะยอมมอบของชิ้นนี้ให้กับฮวงได้อย่างไร? พวกเขารู้ว่าฝ่ายตรงข้ามมาเพื่อสร้างปัญหา แต่ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาเรียกร้องจะมากถึงขนาดนี้
บรรพบุรุษของตระกูลเทพสวรรค์รู้สึกหนักใจเขากล่าวว่า
“เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่? พวกเราขอมอบญาณวิเศษประจำตระกูลให้เจ้าจะว่าอย่างไร”
ทุกคนต่างสะเทือนใจผู้คนของตระกูลเทพสวรรค์ต่างเกิดความโกลาหลขึ้น เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งของพวกเขากับฮวงพวกเขาถึงกลับต้องยอมมอบคัมภีร์ประจำตระกูลออกไปเลยหรือ?
อย่างไรก็ตามสือฮ่าวส่ายหัวอย่างไม่แยแสและกล่าวว่า
“ข้ามีคัมภีร์มากมายอยู่แล้วไม่ต้องการเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีก”
ทุกคนพูดไม่ออก คนผู้นี้ท้าทายสวรรค์แค่ไหน? พวกเขาเสนอคัมภีร์ประจำตระกูลที่แม้แต่บางคนยังไม่สามารถเรียนรู้ได้แต่เขากลับปฏิเสธอย่างไม่ใยดี
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขานึกถึงตำนานของชายแดนรกร้าง พวกเขาก็รู้ว่าญาณวิเศษประจำตระกูลของพวกเขาไม่ได้มีอะไรเลยเมื่อเทียบกับที่ฮวงมี
เป็นเพราะมีข่าวลือที่น่ากลัวว่าฮวงมีวิชาโบราณหลายประเภทมีทั้งของสิบอสูรผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งยังมีคัมภีร์ที่ไม่อาจหยั่งรู้รวมไปถึงคำภีร์อมตะอีกเล่ม ดังนั้นหากเขาจะไม่ต้องการวิชาประจำตระกูลเทพสวรรค์ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
“ข้าต้องการแค่ศิลาสวรรค์อมตะ!” สือฮ่าวกล่าว
ย้อนกลับไปตอนที่เขาอยู่ในตระกูลเทพสวรรค์เขาเคยเห็นหินก้อนนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้ทำลายขีดจำกัดและสามารถยกมันขึ้นเหนือศีรษะ
ในอดีตแม้แต่ผู้สูงสุดก็ยังไม่มีใครสามารถเคยยกศิลาก้อนนี้ขึ้นเหนือศีรษะมาก่อน
ในขณะเดียวกันครั้งนั้นสือฮ่าวได้รับผลประโยชน์มากมาย พลังจากหินก้อนนี้ช่วยเหลือเขาให้ฟื้นฟูกระดูกสูงสุดรวมถึงเลือดสูงสุดที่อยู่ในร่างกายของเขาให้กลับมา
เมื่อเขายังเด็กมีคนควักกระดูกของเขาออกไป ทำให้ญาณวิเศษประจำตัวของเขาได้รับความเสียหายไม่สมบูรณ์ แต่ศิลาสวรรค์อมตะสามารถฟื้นฟูมันให้กลับมาเป็นปกติได้
ด้วยประโยชน์นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้มันท้าทายสวรรค์แล้ว?
นั่นคือเหตุผลที่สือฮ่าวจดจำมันได้เสมอ
อีกทั้งยังมี 'บทเพลงอมตะ' อยู่ในก้อนหินนี้ซึ่งมีคุณประโยชน์มากมาย หากได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยพลังเซียนอย่างถูกต้องมันจะมอบคัมภีร์โบราณที่ท้าทายสวรรค์ให้อย่างแน่นอน
“สหายน้อยเจ้าทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากจริงๆ เอาอย่างนี้เป็นไง? เราจะนำศิลาสวรรค์อมตะมาวางไว้บนกำแพงเมือง เพื่อให้สหายน้อยได้ตรวจสอบมันจากระยะไกล” บรรพบุรุษตระกูลเทพสวรรค์กล่าว
หลังจากนั้นเขาก็กลับไปนำศิลาสวรรค์อมตะมาที่นี่