499 - สังหารผู้อมตะ
1810 - สังหารผู้อมตะ
สือฮ่าวเริ่มคิดกับตัวเอง เขามีไพ่ลับอีกสองสามใบที่สามารถพึ่งพาได้ แต่มันอาจจะไร้ประโยชน์หากฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้อมตะที่แท้จริง
“สิ่งนั้นจะได้ผลหรือไม่!” เขานึกถึงสิ่งของชิ้นหนึ่ง มันเต็มไปด้วยความเศร้าโศกสำหรับเขา
ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งไม่ได้ใช้มันแม้ว่าเขาจะถูกฆ่าตายในสนามรบก็ตาม ในตอนนั้นเขาทิ้งมันไว้ให้สือฮ่าว เขาบอกว่าเขาจะไม่ใช้มันอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาจะตายก็ตาม
“เจ้าคือผู้อมตะจริงๆ? ร่างกายของเจ้าอยู่ที่ไหน? บางทีเจ้าอาจเสียชีวิตไปนานแล้ว!”
สือฮ่าวสงบสติอารมณ์ เขาจ้องมองเข้าไปในเปลวไฟภายในวังทองแดงและกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
“ร่างกายของข้าจะอยู่เคียงคู่กับโลกไปชั่วนิรันดร์ แต่น่าเสียดายที่ร่างกายของข้าได้รับบาดเจ็บมากเกินไปมันเป็นเรื่องยากที่จะรักษาหาย” ภายในวังทองแดงเปลวไฟนั้นปล่อยเสียงออกมา
“ข้าเป็นเพียงรอยประทับของวิญญาณดั้งเดิมที่แยกออกมาเพื่อร่วมกับเปลวไฟแห่งสวรรค์นี้ อย่างไรก็ตามมันเพียงพอแล้วที่จะเผาเจ้าให้เป็นเถ้าถ่าน”
สิ่งที่เขาพูดคือความจริง แม้แต่รอยประทับก็เพียงพอที่จะฆ่าศัตรูทั้งหมดที่อยู่ด้านล่างของอาณาจักรแห่งความเป็นอมตะ!
นั่นคือระดับพลังที่แตกต่างกัน การแยกระหว่างเต๋ามนุษย์และเต๋าอมตะเป็นเหมือนความแตกต่างระหว่างฟ้าดิน
“เฮ้อ!” สือฮ่าวถอนหายใจเบา ๆ
แม้แต่เมิ่งเทียนเจิ้งก็ไม่ได้ใช้มัน ตอนนี้เขาต้องใช้มันด้วยตัวเองแล้วหรือ?
ถ้าเขาไม่ใช้มันเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!
"เจ้ารู้รึเปล่า? การฆ่าแมลงอย่างเจ้าไม่ได้ทำให้ข้ารู้สึกถึงความสำเร็จเลยมีแต่ความรังเกียจ” ภายในวังทองแดงเสียงนี้ดังมาจากภายในเปลวไฟนั้น
ในสายตาของเขาไม่ว่าเจ้าหนูคนนี้จะมีศักยภาพมากแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาก็ยังถือว่าเป็นเพียงมดเท่านั้น เขายังไม่ได้กลายร่างไม่เคยบินขึ้นไปบนท้องฟ้าย่อมไม่เป็นภัยคุกคามใดๆแก่เขา
“เจ้าช่างโอหังจริงๆ” สือฮ่าวรู้สึกโกรธอยู่ข้างในและถามว่า
“ข้าไม่เข้าใจ เราสองคนไม่เคยมีความขัดแย้งกันเหตุไฉนเจ้าต้องมุ่งมั่นสังหารข้ามาโดยตลอด”
“เจ้าเป็นผู้สืบสายเลือดของคนบาปแม้กระทั่งได้รับมรดกของคุนเผิง อีกทั้งพรสวรรค์ของเจ้ายังสูงส่งอย่างยิ่ง แทนที่จะมีความขัดแย้งกับเจ้าในอนาคต ข้าคิดว่าควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลมจะดีกว่า” เสียงสงบดังมาจากเปลวไฟในวังทองแดง ถ้าเขาต้องการที่จะฆ่าสือฮ่าวเหตุผลมันก็ง่ายๆแค่นี้
“เจ้าไม่เคยปรากฏตัวที่ชายแดนรกร้าง อาการบาดเจ็บของเจ้าก็เกิดจากการต่อสู้กับคุนเผิง แต่ตอนนี้เจ้าคิดจะลงมือกับข้า เจ้ายังกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นผู้อมตะของเก้าสวรรค์สิบพิภพอีกหรือ” สือฮ่าวเยาะเย้ย
“เจ้าก็แค่มดแมลงจะเข้าใจอะไร ต่อให้เจ้าแข็งแกร่งมากกว่านี้อีกสิบเท่าก็ไม่อาจสร้างผลกระทบต่อข้า?” เสียงที่ไร้ความปรานีดังขึ้นจากแสงไฟอันร้อนแรงนั้น
ตอนนี้สือฮ่าวมีเปลวไฟแห่งความโกรธที่ลุกโชนอยู่ภายในตัวเขาแล้ว
เขาไม่ได้ใช้วัตถุผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งทิ้งไว้ให้เขา แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในร่างกายของเขาแสดงเจตจำนงว่าต้องการสังหารผู้อมตะคนนี้
“เอาล่ะถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว อย่ารบกวนการนอนของข้าอีกถึงแม้ว่าการสังหารเจ้าจะเป็นการทำให้มือของข้าแปดเปื้อนไป แต่ก็ถือเป็นการป้องกันหายนะที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วย” เสียงอันเยือกเย็นนี้ดังมาจากภายในวังทองแดง
ฮ่อง!
ในขณะนี้เปลวไฟนั้นพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ มันเต็มไปด้วยพลังแห่งเต๋าอมตะ ซึ่งเป็นสิ่งที่สือฮ่าวไม่สามารถหลบพ้น
สือฮ่าวยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามเปลวไฟอันร้อนแรงขนาดเท่ากำปั้นก็พุ่งออกมาจากหน้าอกของเขา
เปลวไฟนี้มันอยู่ในร่างกายของเขามาหลายปีโดยไม่เคยมีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลย
แต่วันนี้มันเคลื่อนไหวด้วยความตื่นเต้น ความร้อนของมันมีมากมายมหาศาลมันพุ่งเข้าหาเปลวไฟเซียนของผู้อมตะคนนั้นพร้อมกับกลืนกินลงไปอย่างหิวกระหาย
“ไม่อา…”
รอยประทับนั้นกรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัว เสียงคำรามของมันดังกึกก้องทั่วทั้งอาณาจักรวิญญาณ มันกำลังดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้สามารถหลบหนีออกไปได้
แสงที่เร่าร้อนของเปลวไฟทั้งสองล้นขึ้นสู่สวรรค์ในทันที
อย่างไรก็ตามไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของเปลวไฟผู้อมตะคนนั้นที่จะสามารถดิ้นรนหลบหนีไปได้ มันถูกกลืนกินโดยเปลวไฟที่อยู่ในร่างกายของเขาเสียงกรีดร้องของมันยังคงดังออกมาไม่หยุด
“เจ้าก็แค่เศษซากของเซียนเท่านั้น” สือฮ่าวเฝ้าดูทุกอย่างด้วยความสงบ
เขาคือผู้อมตะแม้ว่าเขาจะเหลือพลังชีวิตเพียงครึ่งเดียว แต่ก็ไม่มีใครกล้ามองเขาเหมือนมด เขายังคงทรงพลังเกินกว่าจะที่สิ่งมีชีวิตในโลกจะสามารถต่อต้านได้!
เหตุผลที่สือฮ่าวพูดเช่นนี้ก็เพื่อล้อเลียนเขา เป็นเพราะเมื่อไม่นานมานี้ผู้อมตะในวังทองแดงแสดงความดูหมิ่นเขาออกมา โดยกล่าวว่าการลงมือสังหารเขารังแต่จะทำให้มือของตัวเองสกปรกเท่านั้น
แสงอันร้อนแรงนั้นเจิดจ้าส่องประกายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!
ไม่มีใครสามารถคาดเดาผลลัพธ์นี้ได้แม้แต่สือฮ่าวเองก็ยังไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้ ดวงจิตของเซียนอมตะที่แท้จริงกำลังจะถูกกลืนกินลงไปทั้งหมด!
เดิมทีดวงจิตของเซียนอมตะที่อยู่ในวังทองแดงนั้นถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟเซียนที่แท้จริงของเขาเอง แต่ตอนนี้มีเปลวไฟที่แท้จริงอีกดวงปรากฏขึ้นและต้องการที่จะฆ่าเขา!
“นี่คือ…ไม่!”
เซียนอมตะกรีดร้องออกมา เขาไม่เต็มใจจริงๆแมลงตัวนี้กำลังจะฆ่าเขา ต่อให้เป็นใครก็ไม่ยอมเชื่อเรื่องนี้อย่างแน่นอน?
เปลวไฟสีทองของสือฮ่าวลุกโชนมากขึ้นกว่าเดิมแสงที่ส่องสว่างของมันงดงามอย่างไม่น่าเชื่อ แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเป็นมงคลสำหรับคนอื่นๆ
แต่สำหรับเซียนอมตะคนนี้นี่คือนรกขุมนรกที่เขาตกลงไป มันยากเกินกว่าที่เขาจะดิ้นรนเป็นอิสระ เปลวไฟนี้คือพลังทำลายล้างที่ดูดกลืนพลังชีวิตของเขาให้เหี่ยวแห้งไป!
โฮ่ว!
ผู้อมตะคนนั้นยังคงกรีดร้องออกมาไม่หยุด แสงที่ร้อนแรงเอ่อล้นเข้าท่วมท้องฟ้าเบื้องบนและปฐพีเบื้องล่าง ยอดภูเขาที่อยู่รอบๆถูกเผาจนเป็นสีแดงกลายเป็นหินหนืดและจากนั้นก็เหือดแห้งไป
ไม่มีอะไรหยุดพลังนี้ได้ นี่คือเปลวไฟที่แท้จริงของผู้อมตะซึ่งเป็นตัวแทนของพลังเต๋าอมตะมันสามารถทำลายทุกสิ่งได้
อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถฆ่าสือฮ่าว เพราะเขาได้รับการปกป้องโดยเปลวไฟเซียนอีกก้อน
“เป็นไปได้ยังไง?!” เขากรีดร้องออกมา
ร่างกายของเขาแตกออกจากกันจิตวิญญาณเซียนของเขาถูกแยกออกเป็นชิ้นๆ เขากำลังจะถูกทำลาย
คชา!
เซียนอมตะคนนั้นกรีดร้องออกมาเป็นครั้งสุดท้าย แสงเพลิงทั้งหมดได้ระเบิดออกไปด้านนอกรัศมีพลังเผาผลาญพื้นที่ไปกว่าหมื่นลี้
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่โดยรอบกลายเป็นเถ้าถ่าน เซียนอมตะของเก้าสวรรค์สิบพิภพคนนั้นตายไปง่ายๆแบบนี้นี่เอง!
ในท้ายที่สุดเมื่อทุกอย่างสงบลงเปลวไฟสีทองเท่านั้นที่ยังคงอยู่ตรงหน้าสือฮ่าว มันมีขนาดเท่ากำปั้นสัญลักษณ์เต๋าอมตะหมุนวนอยู่รอบตัวมัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันดูดซับเปลวไฟที่แท้จริงของผู้อมตะคนนั้นก่อนจะหลอมรวมให้กลายเป็นพลังของตัวเอง
ทุกอย่างจบลงเพียงแค่นี้ราวกับว่ามันเป็นเพียงฝันร้ายตื่นหนึ่ง รอยประทับของผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรแห่งความเป็นอมตะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์!
สถานที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่รกร้างโดยสิ้นเชิง ทุกสิ่งในช่วงหลายแสนถึงล้านลี้ถูกทำลายภูเขาและแม่น้ำพังพินาศจนหมดสิ้น!
นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างถึงที่สุด การโจมตีหนึ่งครั้งจากเปลวไฟเซียนทั้งสองถึงกับทำให้โลกทั้งใบแทบจะสูญสลาย
ซุป!
วังทองแดงแห่งนั้นพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยปรารถนาที่จะออกจากอาณาจักรวิญญาณแห่งนี้มันมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเองและตอนนี้มันกำลังหวาดกลัว
สือฮ่าวมีสายตาเหม่อลอยอยู่ชั่วขณะ แต่เมื่อวังทองแดงขยับดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
ร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นแสงสีทองก่อนจะออกจากอาณาจักรวิญญาณอย่างรวดเร็ว
ในห้องทำสมาธิร่างที่แท้จริงของสือฮ่าวลืมตาขึ้น พวกมันเป็นกกองไฟสองกองที่กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง ทำให้ห้องห้องศิลาสว่างขึ้นในทันที! ผีเสื้อจักรพรรดิ์บินออกไปจากไหล่เขาด้วยความตกใจ
สือฮ่าวกระโดดขึ้นมาจากท่านั่ง เขาลนลานออกตามหาพ่อแม่รวมทั้งเซียนอมตะฉิน เขากำลังจะพาครอบครัวของเขาออกไปจากที่แห่งนี้ทันที
เป็นเพราะเขาได้สังหารผู้อมตะที่แท้จริง นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่สั่นสะเทือนทั้งเก้าสวรรค์เบื้องบนและสิบพิภพเบื้องล่าง พายุใหญ่กำลังจะปั่นป่วนแน่นอนว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงอย่างยิ่ง!
ถ้าเขาสังหารเซียนอมตะคนนั้นไปแล้วจริงๆนั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่เขาทำลายรอยประทับที่อยู่ในอาวุธเซียนของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น สิ่งนี้น่าจะนำมาซึ่งหายนะครั้งใหญ่
ภายใต้สถานการณ์แบบนั้นเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบหนีออกไปให้เร็วที่สุด!