472- มอบภรรยาให้
1783 - มอบภรรยาให้
ในระหว่างขั้นตอนนี้สือฮ่าวปฏิเสธพวกเขาอย่างมีชั้นเชิง จากการโต้ตอบกับมหาอำนาจต่างๆเขาก็รู้วิธีกลับสู่ดินแดนที่ต่ำกว่าอย่างปลอดภัย
เขาถามคนเหล่านั้นทั้งหมดว่าจะมุ่งหน้าไปตามเส้นทางโบราณที่เล่าลือเหล่านั้นได้อย่างไร
น่าเสียดายที่ไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลที่แม่นยำได้โดยมีเบาะแสเพียงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามสือฮ่าวมีความคิดบางอย่างและรู้ว่าจะมุ่งเน้นความพยายามของเขาในทิศทางใด เขามองเห็นโอกาสของตัวเองได้อย่างชัดเจน
จากนั้นบุคคลสำคัญจากสำนักเสริมฟ้าก็ปรากฏตัวขึ้นทำให้สือฮ่าวตกใจเล็กน้อย
นี่คือนิกายที่ชิงยี่สังกัดอยู่ซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกที่ทรงพลังที่สุดของเก้าสวรรค์สิบพิภพ
“สหายน้อยเราตระหนักดีถึงเรื่องของเจ้า ในท้ายที่สุดไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็มีกรรมต่อชิงยี่และเยว่ฉานหากเจ้ายินยอมรับข้อเสนอของเราข้าสามารถทำให้ความปรารถนาของเจ้าสำเร็จได้”
รอยยิ้มของผู้อาวุโสคนนี้เป็นมิตรมา การแสดงออกของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง
เขาพูดตรงมากสำนักเสริมฟ้ามีวิธีการที่สามารถนำทุกคนจากตระกูลหินผามาที่นี่ได้โดยตรงโดย พวกเขาบอกว่าสือฮ่าวไม่ต้องกังวลเลย ตราบเท่าที่เขาเต็มใจพวกเขาสามารถทำสิ่งนี้ได้ทันที
“ข้าเองที่อยากจะลงไปไม่ใช่พาพวกเขาขึ้นมาที่นี่” สือฮ่าวส่ายหัว สิ่งเหล่านี้เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน
เก้าสวรรค์เบื้องบนอันตรายแค่ไหน? ไม่มีใครเข้าใจเรื่องนี้ดีไปกว่าเขา!
ตระกูลหวังเฝ้าดูเขาเหมือนเสือที่เฝ้ามองเหยื่อในขณะที่จินไท่จุนก็ยังไม่ตาย!
แม้ว่าผู้สูงสุดมากมายจะได้รับบาดเจ็บ และตอนนี้พวกเขาพักฟื้นอยู่ แต่การที่จินไท่จินยังมีชีวิตอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องดีของสือฮ่าวอย่างแน่นอน
แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่สุด ก่อนหน้านี้ใครกันที่ยอมเข้าร่วมกับอีกฝ่าย? ตระกูลใดที่ทรยศต่อเมืองจักรพรรดิ์? แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้
ยิ่งไปกว่านั้นโลกนี้ยังมีสิ่งอมตะ เขาเคยได้ยินข้อมูลลับว่ามีสิ่งมีชีวิตระดับนั้นที่ไม่เปิดเผยตัวออกมา
เขาเป็นศัตรูของคุนเผิงว่ากันว่าสาเหตุที่ตระกูลสือถูกกล่าวหาว่าเป็นสายเลือดคนบาปก็เป็นเพราะเขา!
และสิ่งที่ทำให้สือฮ่าวเกลียดชังผู้อมตะคนนั้นมากที่สุดก็เพราะว่า แม้การต่อสู้อันยิ่งใหญ่ในชายแดนรกร้างจะอันตรายถึงเพียงนี้แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ปรากฏตัวขึ้น
สิ่งนี้นำไปสู่การตายของเมิ่งเทียนเจิ้ง!
ผู้อมตะสองคนนั้นซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดหากพวกเขาเต็มใจที่จะออกมาต่อสู้เมิ่งเทียนเจิ้งก็อาจจะไม่ตายไปด้วยความคับแค้นถึงขนาดนี้!
เพราะไม่มีใครออกไปต่อสู้ดังนั้นผู้อาวุโสใหญ่จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตัดอนาคตของตัวเอง!
เมื่อเขาคิดถึงสิ่งเหล่านี้สือฮ่าวทำได้เพียงถอนหายใจและกำหมัดแน่น
นั่นคือเหตุผลที่เขาตัดสินใจที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ และกลับสู่บ้านเกิดของตัวเอง แม้ว่าสถานที่นั้นจะเป็นเหมือนคุก
สถานที่ที่คุนเผิงหนีไปด้วยความพ่ายแพ้ย่อมนับได้ว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจากผู้อมตะเหล่านั้น
เขาต้องการเวลาในการฟื้นตัวต้องการที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองในอาณาจักรที่ต่ำกว่า
แล้ววันที่เขาผงาดขึ้นจะมาถึง เขาจะเค้นหาความลับที่ผู้อมตะเหล่านั้นไม่ปรากฏตัวออกมาในเวลาที่สำคัญที่สุด!
“แม้ว่าสถานที่จะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ในด้านทรัพยากรบ่มเพาะของดินแดนล่างนั้นมีน้อยมากเกินไปมันไม่เพียงพอที่จะทำให้เจ้าพัฒนาตัวเองขึ้น” ผู้อาวุโสสำนักเสริมฟ้ากล่าว
“สำนักเสริมฟ้ามีวิธีทำให้ข้าลงไปด้านล่างหรือไม่” สือฮ่าวถาม
เมื่อผู้อาวุโสได้ยินดังนั้นเขาก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย
ความยากลำบากในการนำคนจากสถานที่แห่งนั้นขึ้นมาไม่ถือว่าลำบากมากนัก
ระดับบ่มเพาะของผู้คนจากหมู่บ้านหินผาจะสูงแค่ไหน?
ในขณะเดียวกันสือฮ่าวตอนนี้อยู่ในอาณาจักรปลดปล่อยตนเอง ซึ่งเป็นระดับการดำรงอยู่ที่เกือบจะสูงที่สุดของโลกฝั่งนี้แล้ว
ในอดีตพวกเขาเคยส่งบุคคลที่มีระดับบ่มเพาะต่ำต้อยลงไปด้านล่างก็ต้องใช้ทรัพยากรอันมหาศาลรวมทั้งโชควาสนาอันยิ่งใหญ่ถึงจะทำสำเร็จ
ตอนนี้การส่งผู้ฝึกฝนขอบเขตการปลดปล่อยตนเองลงไปด้านล่างนั้นมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
หากพวกเขาไม่พบเส้นทางโบราณก็ไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนี้อีก
หากพวกเขาส่งใครบางคนลงไปยังดินแดนที่ต่ำกว่า สือฮ่าวจะต้องตายอย่างแน่นอน มิหนำซ้ำคนอื่นยังได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นเดียวกัน!
“ข้าได้ยินว่าเจ้ากับชิงยี่มีกรรมร่วมกัน เจ้าจะใจร้ายโดยทิ้งนางไว้ที่นี่อย่างนั้นหรือ”
ผู้อาวุโสไม่มีทางเลือกในที่สุดก็กลั้นใจพูดคำเหล่านี้ออกมา
จากสิ่งนี้เราสามารถเห็นได้ว่าพวกเขาต้องการให้สือฮ่าวอยู่ต่อไปมากแค่ไหน แม้แต่สำนักเสริมฟ้าที่ทรงพลังก็ยังมองเห็นความรุ่งโรจน์ในอนาคตของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องให้ใครพูดอะไร ทุกตระกูลในเก้าสวรรค์รู้ดีว่าสือฮ่าวนั้นน่ากลัวเพียงใด ต่อหน้าเมืองจักรพรรดิ์เขาลงมือสังหารทายาทของราชาอมตะจากต่างมิติอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่ลังเล
ในขณะเดียวกันในเก้าสวรรค์มีกี่คนที่สามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ?
ตระกูลจักรพรรดิ์เป็นมหาอำนาจที่ทรงพลังที่สุด แต่เมื่อต่อสู้ในระดับเดียวกันพวกเขายังคงถูกสับเหมือนผักถูกฆ่าจนเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทะเลทรายอันยิ่งใหญ่ซากศพของพวกเขากองท่วมด้านหน้าของเมืองจักรพรรดิ์
นี่คือต้นอ่อนของเทพสงคราม หากให้เวลาอีกสักนิดเขาจะสามารถครองสวรรค์เบื้องบนและปฐพีเบื้องล่างได้อย่างแน่นอน!
บางทีเขาอาจไม่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นต้นอ่อนเพราะตอนนี้เขาเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตการปลดปล่อยตนเองแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีอายุเพียงแค่ยี่สิบปีต้นๆ แม้แต่ยุคเซียนโบราณอันยิ่งใหญ่ก็ไม่เคยมีใครที่จะแข็งแกร่งมากถึงขนาดนี้
ไม่มีผู้ฝึกฝนตนเองที่อายุน้อยกว่าเขาที่จะสามารถต่อสู้กับเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นโลกไหนก็ตาม
อย่างน้อยที่สุดบุคคลผู้นั้นก็ยังไม่เกิดขึ้นมา!
นั่นคือเหตุผลที่ตราบใดที่พวกเขาสามารถผูกสือฮ่าวไว้ได้มันก็คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายอย่างแน่นอน
หากพวกเขามอบความรุ่งโรจน์ให้กับเจ้าหนูคนนี้อีกครั้งเขาจะกลายเป็นคนที่ไม่มีใครเทียบได้ภายใต้สวรรค์สักวันหนึ่งเขาอาจจะกลายเป็นราชาอมตะของเก้าสวรรค์คนต่อไป!
นี่เป็นสิ่งที่มหาอำนาจต่างๆของเก้าสวรรค์ล้วนมองเห็นได้ นั่นเป็นสาเหตุที่พวกเขาพยายามให้ทายาทของตัวเองเป็นคู่บำเพ็ญของสือฮ่าว
“ถ้าสำนักเสริมฟ้ามีความตั้งใจจริงๆพวกท่านก็ให้ชิงยี่ติดตามข้าไป ตราบใดที่นางเต็มใจข้ายืนยันว่าจะดูแลนางให้ดีที่สุด?” สือฮ่าวกล่าว
“เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา!”
ผู้อาวุโสคนนี้อาจจะรู้แล้วว่าเจตจำนงของสือฮ่าวนั้นมั่นคงจริงๆ เขาจึงพยักหน้ายอมรับการตัดสินใจของสือฮ่าวและสนทนากันในเรื่องอื่น
สือฮ่าวตกใจ อีกด้านหนึ่งที่เด็ดขาดจริงๆ
“อย่างไรก็ตามเจ้าควรรู้ดีว่านางเป็นหนึ่งเดียวกับเยว่ฉาน หากแยกกันนานเกินไปจะมีปัญหา” ผู้อาวุโสคนนั้นกล่าว
สือฮ่าวขมวดคิ้ว เป็นเพราะเมื่อมาถึงขอบเขตบ่มเพาะระดับนี้ เขาเข้าใจถึงวิชาโบราณบางอย่างเและตระหนักถึงข้อห้ามเหล่านี้เป็นอย่างดี
“พวกนางทั้งสองคนจะผสานร่างกันในไม่ช้า ไม่เช่นนั้นผลไม้เต๋าของพวกนางจะถูกทำลาย คำแนะนำของข้าคือให้เจ้าเดินทางไปอาณาจักรล่างหลังจากที่พวกนางรวมตัวกันแล้วหากนางปรารถนานางจะตามหาเจ้าเอง” ผู้อาวุโสแนะนำอย่างจริงใจ
สือฮ่าวหัวเราะไม่พูดอะไร
“สหายน้อยเจ้าอาจคิดว่าข้าทำอะไรครึ่งๆกลางๆ อย่างไรก็ตามข้าไม่ได้พยายามที่จะยื้อเจ้าไว้แม้แต่น้อย เกี่ยวกับเรื่องนี้ข้าจะคุยกับเยว่ฉานให้นางไปด้วยกันชิงยี่และมุ่งไปหาเจ้าที่หมู่บ้านหินผาทั้งสองคนจะรวมร่างกันที่นั่นเอาอย่างนี้เป็นไง?” ผู้อาวุโสคนนั้นถาม
สือฮ่าวตกตะลึงและจากนั้นเขาก็หัวเราะพูดว่า“ผู้อาวุโสท่านกำลังจะมอบภรรยาให้ข้าถึงสองคนเลยเหรอ?”
ผู้อาวุโสคนนั้นไม่ได้กล่าวอะไรเขาลุกขึ้นและเดินจากไป ความตั้งใจของเขาชัดแจ้งอย่างยิ่ง เขากำลังจะดำเนินการทุกอย่างตามที่บอกกล่าวออกมา
สือฮ่าวรู้สึกมึนงง เขาพบว่ามันยากที่จะจินตนาการได้ว่าเยว่ฉานจะมีปฏิกิริยาแบบไหนนางต่อต้านเขาและแสดงตัวเป็นศัตรูกันมาโดยตลอด
ในช่วงหลายวันนี้มีบุคคลจากมหาอำนาจต่างๆพยายามเข้าหาสือฮ่าว พวกเขาต้องการผูกมัดสือฮ่าวไว้ให้เป็นผู้พิทักษ์ของนิกายหรือตระกูลของตัวเอง
ทุกคนรู้ดีว่าอนาคตของเขาจะต้องกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ นี่คือต้นอ่อนของราชาสวรรค์!
อย่างไรก็ตามทุกคนล้มเหลวไม่สามารถรั้งสือฮ่าวให้อยู่ต่อได้ ความตั้งใจของเขานั้นมีความแน่วแน่เป็นอย่างมาก