429- การปรากฏตัวของอัศวินแห่งความตาย
1740 - การปรากฏตัวของอัศวินแห่งความตาย
ฮ่อง!
สือฮ่าวก้าวไปข้างหน้ากระบี่เซียนของเขาตัดแยกท้องฟ้าเป็นสองส่วนทันที
การแสดงออกของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป แม้ว่าเขาจะเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งมากที่สุดคนหนึ่งในอาณาจักรปลดปล่อยตนเอง แต่ตอนนี้หัวใจของเขายังคงสั่นเล็กน้อย
“ฮวงเลิกหยิ่งผยองได้แล้ว!”
บางคนจากอีกด้านหนึ่งพูดออกมาแม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดก็ยังเต็มไปด้วยความเย็นชาต้องการที่จะสังหารเขา
“ใครกล้าขยับตัวมันต้องตายทันที!” เมิ่งเทียนเจิ้งกล่าวอย่างเย็นชา แผนภาพสิบพิภพลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาและปลดปล่อยความต้องการที่จะลงมือที่นี่
ยิ่งไปกว่านั้นเขาถามว่า
“พวกเจ้าทุกคนไม่มีความกล้าพอที่จะยอมให้มีการต่อสู้ที่ยุติธรรมหรือ?”
“ใครบอกว่าเราไม่กล้า? ข้ามาที่นี่เพื่อสังหารฮวงโดยเฉพาะ!” ชายวัยกลางคนบินออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและความอัปยศอดสู
เขาโยนศีรษะที่อยู่ในมือทิ้งโดยใช้ญาณวิเศษของบรรพบุรุษที่ทรงพลังที่สุด เขาคำรามพุ่งเข้าโจมตีสือฮ่าวเต็มกำลัง
ฮ่อง!
พลังกระบี่พุ่งเข้าสู่สวรรค์ สือฮ่าวไม่ได้พูดอะไรเลยกระบี่เซียนของเขาโจมตีออกไปด้วยพลังที่สามารถพลิกคว่ำสวรรค์ได้
มันดูเรียบง่ายแต่การโจมตีครั้งนี้มีพลังมหาศาลจนเกินกว่าที่สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรปลดปล่อยตนเองจะสามารถต้านทาน
ดวงตาของชายวัยกลางคนมีความเคร่งเครียด เขาต้องการหลีกเลี่ยงท่าสังหารนี้แล้วโจมตีจากด้านข้าง
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเขาก็สิ้นหวัง ปราณของกระบี่กระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง รอบๆตัวเขาเต็มไปด้วยไอสังหารของสือฮ่าวโดยปิดผนึกร่างกายของเขาไว้ไม่ให้สามารถขยับเขยื้อนไปไหน
ชายวัยกลางคนไม่สามารถหลบหนีได้ราวกับว่าเขาตรงเข้าหากระบี่เล่มนั้นด้วยตนเอง
กล่าวได้เพียงว่าเจตจำนงกระบี่ของอีกฝ่ายนั้นทรงพลังเกินไปทำให้แม้แต่เขาที่อยู่ในขอบเขตปลดปล่อยตนเองก็ยังรู้สึกสิ้นหวัง!
ฮ่อง!
นี่มันไม่เหมือนกับกระบี่แม้แต่น้อยแต่เป็นเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ที่พุ่งลงมา
ญาณวิเศษของบรรพบุรุษที่ผู้เชี่ยวชาญคนนี้แสดงให้เห็นก็พังทลายลง พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องร่างกายของเขากระจัดกระจายไม่สามารถต่อต้านได้แม้เพียงชั่วครู่
เขาหวาดกลัวอย่างสิ้นเชิงไม่สามารถหยุดรัศมีกระบี่ที่สั่นสะเทือนโลก มันเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของสือฮ่าวสุดที่เขาจะต้านรับได้จริงๆ!
นี่คือกระบี่ที่เอื้อมไปถึงสวรรค์ รัศมีกระบี่นั้นหนาหนักแม้แสงที่ถูกปลดปล่อยออกมาก็ยังหนากว่ายอดเขากวาดไปทั่วดินแดนรกร้างอันยิ่งใหญ่
ปู!
ผู้บ่มเพาะวัยกลางคนถูกกวาดผ่านจากรัศมีกระบี่ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างหนักตามที่คาดไว้
ร่างกายของเขาระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงหมอกโลหิตฉีดกระจายไปทั่วสถานที่ ชีวิตของเขาดับสูญไปไม่เหลือแม้แต่กระดูก!
ใช้เพียงกระบี่เดียวในการทำลายผู้ยิ่งใหญ่งอาณาจักรปลดปล่อยตนเองขั้นสูงสุด ความแข็งแกร่งของเขานับว่าเหลือเชื่อเกินไปจริงๆ!
กระบี่เล่มนี้ทำให้ทุกคนหวั่นไหว อย่างน้อยที่สุดผู้ฝึกฝนในอาณาจักรปลดปล่อยตนเองลงมาต่างก็ตกตะลึง แม้แต่ทายาทของตระกูลจักรพรรดิก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
มันครอบงำเกินไปการตัดเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรปล่อยตนเองที่แข็งแกร่งมากที่สุด!
“ทุกคนที่ยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้สามารถเข้ามาได้ตลอดเวลา!” สือฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา เขามองไปที่ผู้คนจากตระกูลจักรพรรดิ
สือฮ่าวต้องการที่จะสังหารพวกเขาเพื่อทำลายสายเลือดของตระกูลจักรพรรดิให้ดับสูญจนหมดสิ้นในรุ่นนี้
อา..!
บนกำแพงเมืองจักรพรรดิผู้คนนับไม่ถ้วนส่งเสียงคำรามออกมา คราวนี้มันไม่ใช่เสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น แต่เป็นการปลดปล่อยอารมณ์ที่อัดอั้นอยู่ในใจของพวกเขามาตลอด
"ฆ่าพวกมัน!" บนกำแพงเมืองผู้บ่มเพาะหลายคนคำรามเสียงดัง
“เมืองจักรพรรดิ์จะถูกทำลายในวันนี้!” ผู้สูงสุดคนหนึ่งกล่าวออกมา
หลายคนก้าวไปข้างหน้าอาวุธเซียนของพวกเขาปลดปล่อยแรงกดดันเข้าใส่เมืองจักรพรรดิ์
เมิ่งเทียนเจิ้งและเซียนอมตะหวังก็เคลื่อนไหวเช่นกันเท้าพวกเขาก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับปลดปล่อยไอสังหาร
“พวกเจ้าเร่งรีบอะไรกัน? เด็กรุ่นหลังของพวกเรายังลงมือไม่เท่าไหร่เลย? ให้พวกเขามีการต่อสู้กันก่อน” ผู้สูงสุดในอีกด้านหนึ่งกล่าว
มันเป็นเพราะเขาก็มีความหวาดกลัวเช่นเดียวกัน ในฝั่งของเมืองจักรพรรดิมีอาวุธชั้นเซียนที่สมบูรณ์อยู่ไม่น้อย
แม้ว่าสิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดของพวกเขาจะมีเพียงไม่กี่คน แต่ภัยคุกคามจากอาวุธชั้นเซียนนั้นเทียบได้กับผู้อมตะคนหนึ่ง การที่พวกเขาจะลงมือแตกหักกันนั้นกว่าจะได้รับชัยชนะคงสูญเสียกันไม่น้อยเลยทีเดียว
ผู้สูงสุดคนนั้นรู้ดีว่าเด็กรุ่นหลังของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าผู้คนจากเมืองจักรพรรดิ์ นอกเหนือจากฮวงแล้วคนอื่นๆก็เป็นเพียงเศษสวะกลุ่มหนึ่ง
เขาต้องการให้ทายาทตระกูลจักรพรรดิ์เคลื่อนไหวและทำการกวาดล้างเด็กรุ่นหลังของเมืองจักรพรรดิให้หมดสิ้น จากนั้นพวกเขาค่อยรุมสังหารเมิ่งเทียนเจิ้งเพื่อทำลายขวัญกำลังใจของศัตรู
“เจ้าคิดว่าเราจะกลัวพวกเจ้าเหรอ? เด็กๆของพวกเจ้ามีเท่าไหร่ส่งเข้ามาให้หมด!”
นี่คือเสียงของราชันย์สิบสมัยเขาต้องการที่จะลงมือตอนนี้โดยชี้ไปที่ทายาทของตระกูลจักรพรรดิ์เหล่านั้นด้วยความมั่นใจ
“ใครอยากจะสู้กับข้า” ผู้อมตะที่ถูกเนรเทศก็ก้าวออกไปโดยไม่ลังเล แต่ดวงตาของเขามีความตั้งใจในการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์
ในฝั่งของเมืองจักรพรรดิ์เด็กหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดต้องการต่อสู้เพื่อขัดเกลาตนเอง
ในอีกด้านหนึ่งสายตาของผู้คนมากมายก็สุกใสเปล่งประกาย
“ถ้าเจ้าปรารถนาเช่นนั้นก็มาเถอะ มาดูกันว่าข้าเพียงคนเดียวจะตัดหัวพวกเจ้ามาได้กี่คน!” มีคนกล่าว
“หากวันนี้ข้าไม่สามารถตัดหัวของเจ้าลงมาก็เสียชื่อที่ข้าครอบครองมรดกของมังกรที่แท้จริงแล้ว!” ราชันย์สิบสมัยเต็มไปด้วยความมั่นใจคำพูดของเขาเป็นแรงผลักดันให้กับผู้อื่น
ก้าวเดินของเขาเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ ไอสังหารที่ถูกปลดปล่อยออกมาทำให้ผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์จากต่างมิติสั่นสะท้านด้วยความตกใจ
“ข้าขอสู้ด้วย ใครจะเผชิญหน้ากับข้า” ในตอนนี้จินซานก็ไม่ยอมอยู่เฉยด้านหลังเช่นเดียวกัน
เขายืนอยู่ในทะเลทรายอันยิ่งใหญ่ต้องการต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญของอีกฝ่ายในระดับเดียวกันโดยใช้สิ่งนี้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง
“เจ้าคนไร้ชื่อ เจ้าไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของข้า!” ทายาทของตระกูลจักรพรรดิที่ถือหอกมีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับสือฮ่าวเท่านั้น
สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของจินซานเย็นชาเต็มไปด้วยไอสังหาร
“ฮ่าๆ คนนิรนามให้ข้าส่งเจ้าไปตามทางของเจ้าเถอะ!” มีคนตอบกลับหัวเราะเสียงดัง
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาเป็นผู้ฝึกตนที่อายุน้อยมาก แม้ว่าจะเป็นทายาทของตระกูลจักรพรรดิแต่เขาไม่ได้อยู่ในอาณาจักรปลดปล่อยตนเอง
จินซานรู้สึกอับอายใบหน้าของเขาเขียวคล้ำ เขาคำรามเดินไปข้างหน้าพร้อมจะลงมือต่อสู้กับศัตรู
ด้านหลังหวังซีซึ่งสวมชุดสีขาวกำลังเฝ้าดูเช่นกัน
ต่อหน้าเมืองจักรพรรดิ์ใครคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์? มีเพียงการต่อสู้ที่ขมขื่นและโหดร้ายเท่านั้นถึงจะสามารถบ่งชี้ออกมาได้
หงหลง!
พื้นดินสั่นสะเทือนความภาคภูมิใจแห่งสวรรค์รุ่นเยาว์บางคนก้าวออกมาจากเมืองจักรพรรดิ์โดยไม่หวั่นเกรงต่อความตาย
พวกเขาต้องการพิสูจน์ว่าพวกเขามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นของพวกเขาหรือไม่
“น่าสนุกสนานจริงๆ”
ในระยะไกลเสียงถอนหายใจดังขึ้น เด็กบางคนเดินออกมาพร้อมกับรัศมีลึกลับ พวกเขาเป็นอัศวินแห่งความตาย!
อัศวินแห่งความตายมากมายปรากฏตัวขึ้น พวกเขามีทั้งชายและหญิงล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์ทั้งสิ้น รถม้าศึกสีทองของออกมาจากพื้นพิภพโดยที่ไม่มีผู้ใดตั้งตัวทัน
ดินแดนพื้นที่ฝังศพโบราณอยู่ไม่ไกลจากสถานที่แห่งนี้ พวกเขาออกมาจากเส้นเลือดของพื้นที่ฝังศพโบราณ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญทำให้สถานการณ์การรบซับซ้อนขึ้น
“อย่าเข้าใจผิดเรามาที่นี่เพื่อร่วมสนุกเท่านั้นไม่มีเจตนาที่จะลงมือใดๆ หลังจากหลับไหลมาอย่างยาวนานเราเพียงแค่ต้องการเห็นว่าวีรบุรุษของโลกทั้งสองใบนั้นแข็งแกร่งมากขึ้นแค่ไหน” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นี่คือคลื่นพลังที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน คนพวกนี้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางการต่อสู้นับได้ว่าบังอาจอย่างแท้จริง?
แต่ถึงกระนั้นผู้เชี่ยวชาญจากต่างมิติทั้งหลายก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากคัดค้าน
แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งมาก สามารถมองสิ่งมีชีวิตจากเก้าสวรรค์พิภพด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม แต่หากเป็นสิ่งมีชีวิตจากพื้นที่ฝังศพโบราณนั้นพวกเขาไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย!
เป็นเพราะเมื่อไม่นานมานี้บรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขาได้ไปเยี่ยมชมส่วนลึกของพื้นที่ฝังศพเป็นการส่วนตัวและยังให้ความชื่นชมเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของพวกเขาอย่างยิ่ง