427- การต่อสู้ของอัจฉริยะที่แปรปรวนสวรรค์
1738 - การต่อสู้ของอัจฉริยะที่แปรปรวนสวรรค์
หงหลง!
ตอนนี้ด้านหน้าของเมืองจักรพรรดิ์มีแสงจากอาวุธเซียนส่องสว่างอยู่ นี่เป็นอาวุธเซียนที่ได้รับความเสียหายแต่ถึงจะอย่างไรมันก็เป็นอาวุธชั้นเซียนที่มีความสามารถในการทำลายเมืองจักรพรรดิได้
สถานการณ์วิกฤตมาก!
“ใครจะออกไปพร้อมกับข้า” เมิ่งเทียนเจิ้งกล่าว
บนกำแพงเมืองเงียบลงทันที
เมิ่งเทียนเจิ้งกำลังจะออกจากเมืองเผชิญหน้ากับศัตรู นี่จะเป็นอันตรายอย่างแน่นอน!
หลายคนเข้าใจเจตนาของเขา หากพวกเขาต้องการปกป้องเมืองจักรพรรดิ์ พวกเขาก็ต้องเสี่ยงชีวิต เป็นเพราะอีกฝ่ายใช้อาวุธเซียนบางทีพวกเขาอาจสามารถบุกทะลวงเมืองที่เสียหายในตอนนี้ได้
แม้ว่าค่ายกลเซียนของเมืองจักรพรรดิจะถูกใช้ออกมาแล้ว แต่ต่อหน้าอาวุธชั้นเซียนก็ไม่มีใครมั่นใจได้ว่าจะสามารถต่อต้านมัน
เมิ่งเทียนเจิ้งทำเช่นนี้เพื่อต่อต้านภัยพิบัติและขับไล่ศัตรูที่อยู่หน้าเมือง
"ข้าจะไปเอง!"
สือฮ่าวกล่าวเขาเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย ตอนนี้เขากำลังจะลงไปต่อสู้กับศัตรูอีกครั้ง
ทุกคนตกตะลึงเล็กน้อย สือฮ่าวได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมเมื่อไม่นานมานี้โดยเขาสามารถหยุดการรุกรานจากจักรพรรดิผู้ไม่ดับสูญทั้งสองนี่เป็นผลงานอันน่าเหลือเชื่อ
อย่างไรก็ตามตอนนี้พลังจากโลหิตหมดลงไปแล้วเขายังจะสามารถต่อสู้ได้อีกหรือ? เขาไม่กลัวว่าจะถูกฆ่าโดยสิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดของอีกฝ่าย?
เมิ่งเทียนเจิ้งถอนหายใจเบาๆเขาไม่ต้องการที่จะนำสือฮ่าวออกไป เขากลัวว่าอัจฉริยะที่แปรปรวนสวรรค์จะถูกฆ่าที่ด้านหน้าของเมืองจักรพรรดิ์
อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดเขาก็ไม่ลงมือขัดขวางเพราะเขาจะส่งสือฮ่าวกลับเมืองจักรพรรดิในช่วงที่วิกฤตที่สุด
ท้ายที่สุดแล้วอีกด้านหนึ่งก็มีผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์หลายคนมาด้วยเช่นกัน
การที่พาสือฮ่าวมาด้วยย่อมเป็นการดีกว่าที่จะเสียสละชีวิตของผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์ของเก้าสวรรค์
“เหตุไฉนพวกเราไม่ป้องกันอยู่ในเมือง” จินไท่จุนกล่าว
นางต้องพูดแบบนี้เพราะสิ่งมีชีวิตสูงสุดของเมืองมีจำกัดและนางคือหนึ่งในนั้น
“ในเมื่อพวกมันต้องการให้เราไปต่อสู้ งั้นเราก็ไปสงเคราะห์พวกมันกันเถอะ” เซียนอมตะหวังกล่าว เขามีรูปลักษณ์ของชายหนุ่มที่หล่อเหลาและโดดเด่น
หลายคนตะลึงแม้แต่สือฮ่าวก็ยังประหลาดใจ!
ในความเห็นของสือฮ่าว ตระกูลหวังและตระกูลจินนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะทรยศเก้าสวรรค์ อย่างไรก็ตามตอนนี้เซียนอมตะหวังกำลังจะเผชิญหน้ากับศัตรู?
“ข้าจะไปด้วย!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่ในแท่นบูชาบรรพบุรุษกล่าวออกมา
จากนั้นผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งก็เดินออกไปด้วยความปรารถนาที่จะต่อสู้กับศัตรู
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนตกใจเป็นเพราะไม่มีใครจำเขาได้ แท้จริงแล้วเขาเป็นผู้สูงสุดซึ่งไม่เปิดเผยตัวเองในเมืองจักรพรรดิ!
จินไท่จุนขมวดคิ้ว ในท้ายที่สุดนางก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องก้าวไปข้างหน้า
คนอื่นๆออกไปเผชิญหน้ากับศัตรูแล้วนางเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มีอำนาจสูงสุดเพียงไม่กี่คนดังนั้นนางจึงไม่มีเหตุผลที่จะถอยกลับ
“เราจะไปด้วย!”
ผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรปลดปล่อยตนเองหลายคนกล่าวออกมาพร้อมกับเดินไปสมทบกับเหล่าผู้อาวุโสระดับผู้สูงสุด
ด้านนอกนั้นฝั่งศัตรูต่างมิติก็มีผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรปลดปล่อยตนเองอยู่เป็นจำนวนมาก ในเมื่ออยู่ในระดับเดียวกันผู้คนในเมืองจักรพรรดิก็มีความกระเหี้ยนกระหือรือที่จะลงมือไม่น้อย
“สือฮ่าวกระบี่ของเจ้า!” ชิงยี่เรียกเขาแล้วโยนกระบี่เซียนเล่มนั้นให้เขาเพื่อใช้ในการป้องกันตัว
จิ!
แสงหลากสีที่แผ่ออกมาเป็นวงกว้าง คนเหล่านี้เดินทางออกจากเมืองจักรพรรดิ์เข้าสู่ทะเลทรายอันยิ่งใหญ่
“เฮ้ฮ่าฮ่าพวกเจ้ากล้าออกมาจริงๆ! นี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ!” มีผู้คนจากอีกด้านหนึ่งที่คำรามด้วยเสียงหัวเราะและหน้าด้านสุด ๆ
ในทันใดนั้นไอสังหารก็ท่วมท้นสวรรค์และปฐพี
ดวงตาของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังกลุ่มหนึ่งกลายเป็นเย็นชาเหมือนสัตว์ร้ายที่จ้องมองเหยื่อ พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปที่ประตูเมือง
“ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะวิจารณ์พวกเจ้าทุกคนหรอกนะ หากว่าเกิดการต่อสู้อย่างแท้จริงสิ่งที่เรียกว่าผู้เชี่ยวชาญของพวกเจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากสุนัขและไก่ พวกเจ้าจะถูกสังหารจนหมดสิ้นอย่างแน่นอน!”
ในอีกด้านหนึ่งมีคนพูดด้วยความดูถูกเหยียดหยามเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง คำพูดของเขาครอบงำอย่างมาก
จากคำพูดของเขานั้นแสดงให้เห็นได้ว่าพวกเขาไม่เคยเห็นผู้คนจากเมืองจักรพรรดิอยู่ในสายตาเลย!
“มาเถอะ!”
ในสวรรค์อเวจีมีผู้คนมากมายเดินออกมาจากง้าวทองแดง คนเหล่านั้นมีทั้งคนรุ่นอาวุโสและผู้เชี่ยววชาญรุ่นเยาว์ มีหลายคนที่สือฮ่าวรู้จักและมีหลายคนที่เขาไม่เคยเห็น
พวกเขาสองสามคนมีดวงตาที่ลุกโชนจ้องมองไปที่สือฮ่าวทันที เห็นได้ชัดว่าพวกเขามาเพื่อสังหารสือฮ่าวเป็นการเฉพาะ
“เจ้าหนูโชคดีจะไม่อยู่ข้างเจ้าเสมอไป เมื่อเจ้ามาแล้วก็ลืมเรื่องที่จะกลับไปได้เลย” ชายชราคนหนึ่งพูดอย่างเย็นชา
ผู้สูงสุดคนหนึ่งต้องการที่จะสังหารสือฮ่าวก่อนที่จะเติบโตเป็นภัยคุกคามในภายภาคหน้า
"ข้าจะตัดหัวเจ้าลงมาก่อนที่เจ้าจะมีโอกาสได้ลงมือ!" เมิ่งเทียนเจิ้งพูดพร้อมกับชี้ไปที่สิ่งมีชีวิตสูงสุดนั้น
“ใครเป็นคนแรกที่จะเข้ามาฆ่าข้า” สือฮ่าวถาม
"ข้าเอง!"
"ข้าต่างหาก!"
…
ในทันใดนั้นด้านหน้าของเมืองจักรพรรดิมีผู้เชี่ยวชาญมากมายที่แย่งชิงโอกาสในการต่อสู้กับสือฮ่าวเป็นคนแรก
ตั้งแต่เด็กจนถึงชราแม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดก็ยังต้องการที่จะเป็นคนได้รับโอกาสนั้น
“คนที่ต้องการให้ข้าตายก็ล้างคอของตัวเองไว้แล้วค่อยๆคลานเข้ามา!” สือฮ่าวกล่าวน้ำเสียงเต็มไปด้วยความด้วยความเหยียดหยาม ทำให้ทุกคนที่อยู่ด้านหน้าของเมืองจักรพรรดิตกตะลึง
จิ!
ภายในเมืองจักรพรรดิ์มีคนอีกสองสามคนที่เดินออกจากเมืองเข้าสู่สนามรบ
มีคนหนุ่มสาวบางคนในหมู่พวกเขาทั้งหมดเป็นชนชั้นสูงใน เมืองจักรพรรดิ์
“ทำไมเจ้าถึงออกมา” จินไท่จุนขมวดคิ้วเพราะนางเห็นจินซาน
“ข้าต้องการที่จะต่อสู้กับผู้ที่มาจากอีกด้านหนึ่ง!” จินซานพูด เขามีอารมณ์ที่ขัดแย้งกัน
นับตั้งแต่ที่เขาพ่ายแพ้ให้กับสือฮ่าวในตอนนั้นเขาก็ต้องการการต่อสู้มาโดยตลอดและต้องการพิสูจน์ตัวเอง
บางทีนี่อาจจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของชายแดนรกร้างและสือฮ่าวได้สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมไปแล้ว ส่วนเขาไม่เคยแม้แต่จะลงมือ สิ่งนี้เป็นหนามคอยทิ่มแทงหัวใจเขาอยู่ตลอดเวลา
หากสถานการณ์การต่อสู้ของชายแดนรกร้างสิ้นสุดลงและพวกเขากลับไปที่เก้าสวรรค์เช่นนั้นเขาจะมีใบหน้าแบบไหน?
เขามักจะถูกมองว่าเป็นคนที่มีความโดดเด่นในหมู่คนรุ่นใหม่ เขาถูกวางตัวให้เป็นผู้นำของคนรุ่นใหม่แต่เขากลับพ่ายแพ้ให้กับสือฮ่าวโดยที่ไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อย
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ฉายาผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของเขานั้นเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น
ตอนนี้เขาต้องการพิสูจน์ตัวเองและต่อสู้อย่างรุ่งโรจน์ให้ทุกคนในเมืองจักรพรรดินี้ได้เห็นว่าเขาก็มีความกล้าหาญไม่แพ้ฮวง!
หวังซีก็ปรากฏตัวขึ้นชุดยาวสีขาวของนางพริ้วสะบัดเป็นภาพงดงามบาดตา
นอกเหนือจากนี้ทัวปาอู่หลง, ราชันย์สิบสมัย, ผู้อมตะที่ถูกเนรเทศ(ไอ้นี่หายไปซะนานเลย) ฉีโต้ว, ราชันย์สวรรค์น้อย และคนอื่นๆ
ทั้งหมดมารวมตัวกันแล้ว ความภาคภูมิใจของสวรรค์ในยุคปัจจุบันทุกคนต้องการที่จะต่อสู้ครั้งสุดท้าย