388- โลกหลังเขื่อน
1698 - โลกหลังเขื่อน
ขณะที่เดินไปตามเขื่อนระหว่างทางพวกเขาเห็นศพโบราณสี่ศพ พวกเขาเสียชีวิตไปนานหลายปีโดยไม่ทราบว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มาจากยุคใด
พวกเขาแบ่งปันลักษณะทั่วไปอย่างหนึ่งที่คล้ายกันซึ่งก็คือพวกเขาทั้งหมดทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อถึงร่างกายจะแห้งเหี่ยวไปแล้ว แต่เลือดของพวกเขายังคงมีพลังแห่งความเป็นอมตะอยู่
“ศพที่สี่คือเผ่าพันธุ์ใดกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน” สือฮ่าวเฝ้าดูจากระยะไกล เขาไม่เคยเห็นเผ่าพันธุ์นี้มาก่อนในเก้าสวรรค์แม้แต่ตอนที่ถูกจับเป็นเชลยก็ไม่เคยเห็นเช่นกัน
สิ่งมีชีวิตตนนี้แม้ว่ามันจะตายไปหลายชั่วอายุคนแล้ว แต่มันก็ยังไม่ธรรมดา เมื่อมันยังมีชีวิตอยู่มันจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญแห่งรุ่นของตัวเองอย่างแน่นอน
แม้ว่าร่างกายของมันจะเหือดแห้งไป แต่ก็ยังปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมาอย่างต่อเนื่อง!
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญยังคงเป็นเลือดที่เหลืออยู่บนพื้น! โดยรอบๆบริเวณนั้นสามารถเห็นมิติที่พังทลายแล้วฟื้นฟูจากนั้นก็พังทลายลงอีก สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเลือดพวกนั้นมีพลังแข็งแกร่งมากแค่ไหน
ระดับบ่มเพาะของมันจะอยู่ขั้นไหนกันแน่เมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่?
มันมีศีรษะของมนุษย์แต่ใบหน้าของมันแบนมากโดยมีดวงตาแนวตั้งดวงที่สามบนหน้าผากซึ่งมีประกายสีทอง ร่างกายของมันเหี่ยวเฉาไปแล้ว แต่ยังสามารถปลดปล่อยแรงกดดันออกมา
รูปร่างของมันเหมือนกับมนุษย์ แต่มีเกล็ดสีเงินปกคลุมหนาแน่นด้านหลังมีหางสิงโตห้อยอยู่
“ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่…ดูเหมือนว่าจะคล้ายกับกลุ่มเทพสามตาที่สูญพันธุ์ไปแล้วในยุคโบราณ พวกเขายังคงมีลูกหลานอยู่บ้าง แต่รูปลักษณ์และความสามารถของพวกเขาเมื่อเทียบกับสายเลือดบรรพบุรุษนี้ต่างกันเกินไป” ซานซางกล่าว
ตามสิ่งที่เขาพูดเผ่าพันธุ์นี้คือศัตรูของผู้อมตะที่แท้จริงพวกมันทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อตาที่สามเปิดขึ้นสวรรค์และปฐพีจะจะถูกทำลายอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามตระกูลของพวกมันถูกกำจัดไปแล้วสายเลือดของบรรพบุรุษที่แท้จริงตอนนี้สูญสลายไปหมดสิ้น
มีเพียงลูกหลานบางคนเท่านั้นที่แต่งงานกับตระกูลอื่นๆ ทำให้เกิดเผ่าพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะภายนอกแตกต่างไปจากเดิม
พวกที่ยังมีดวงตาที่สามเหลืออยู่ประมาณห้าในสิบส่วนเท่านั้นของเผ่าพันธุ์ทั้งหมด
“มันแข็งแกร่งมาก!”
ทั้งสามคนสำรวจด้วยความระมัดระวัง พวกเขาไม่สามารถเข้าใกล้สิ่งมีชีวิตตัวนี้ได้ แม้ว่ามันจะตายไปแล้วโลหิตของมันก็ยังสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆอย่างพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
“ตัวที่ห้า!”
สือฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ เมื่อพวกเขาเดินตามเขื่อนพวกเขาก็เห็นสิ่งมีชีวิตตัวที่ห้า
มันมีรูปร่างเช่นเดียวกับมนุษย์ยุคใหม่ มีเพียงผิวของมันเท่านั้นที่คล้ายกับถูกเคลือบไปด้วยทองคำมีความเปล่งปลั่งอย่างถึงที่สุด
“กระดูกและผิวหนังสีทองร่างกายวัชระไม่แตกหักไม่เพียงพอที่จะอธิบายถึงความแข็งแกร่งของเขา เมื่อเขายังมีชีวิตอยู่เพียงการระเบิดพลังออกมาครั้งเดียวก็สามารถทำลายอาณาจักรโบราณได้แล้ว นี่คือสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวอย่างยิ่ง!” เสิ่นหมิงกล่าว
นางก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่ถึงแม้ว่านางจะถอยหลังไปครึ่งก้าวแล้ว แต่ร่างกายของนางก็แทบจะปริแตกจกพลังที่ปลดปล่อยออกมาจากสิ่งมีชีวิตตนนั้น
สือฮ่าวและคนอื่นๆค้นพบว่าตราบใดที่พวกเขาอยู่ห่างจากเขื่อนพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบราวกับว่ามีกำแพงที่ไร้รูปแบบอยู่ตรงหน้าพวกเขา
มันสามารถตัดความผันผวนของพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เหลืออยู่ของสิ่งมีชีวิตพวกนี้ออกไปได้
พวกเขาค้นพบศพทั้งหมดห้าศพทุกศพน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้ เพียงแค่มองไปที่ซากศพพวกนั้นพวกเขาก็แทบจะก้มลงกราบด้วยความหวาดกลัว
แม้ว่าสิ่งมีชีวิตพวกนี้จะตายไปนานแล้ว แต่มีรัศมีอันยิ่งใหญ่อำนาจที่สามารถกดขี่สวรรค์อย่างหาที่เปรียบมิได้ของพวกเขาก็ยังคงอยู่
สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังประเภทนี้ตายได้อย่างไร?
สือฮ่าวแน่ใจว่าสิ่งมีชีวิตที่มีโลหิตเซียนไหลเวียนอยู่ในร่างกายย่อมถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งความเป็นอมตะ
อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงตายอยู่ที่นี่? นี่เป็นเพราะพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในอีกด้านหนึ่งของเขื่อนหรือไม่?
ทั้งห้าคนมีลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่ง คือร่างกายของพวกเขาแห้งและเหี่ยวไร้พลังจากโลหิตแก่นแท้
มีเพียงเลือดที่กระเซ็นออกมาจากร่างพวกเขาก่อนเสียชีวิตเท่านั้นที่มีพลังบางอย่าง ซึ่งตอนนี้มันยังคงปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่
พวกเขาตายอย่างสมบูรณ์แม้กระทั่งพลังงานที่สำคัญก็กระจัดกระจาย เหตุใดโลหิตสองสามหยดของพวกเขาจึงไม่สูญสลายไปด้วย?
“อาการบาดเจ็บแบบนี้เกิดจากอะไร? เหตุใดจึงมีเพียงโลหิตสองสามหยดเท่านั้นที่ยังมีพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่”
“หรืออาจจะเป็นการบอกว่าแก่นแท้ภายในร่างกายของพวกเขาถูกกลืนกินโดยบางสิ่ง”
พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเช่นนี้ถึงตายที่นี่
พวกเขายังจะก้าวไปข้างหน้าอีกหรือไม่? พวกเขาลังเล ต้องเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตทั้งห้านั้นคลานมาจากอีกด้านหนึ่งของเขื่อนหลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัสจากนั้นก็เสียชีวิตไปก่อนที่จะข้ามมาได้
ถ้าพวกเขาทั้งสามข้ามไปนี่จะไม่เท่ากับการเอาชีวิตของตัวเองไปทิ้งหรอกหรือ?
เทพหลิวเดินผ่านไปแบบนั้นไม่มีคำเตือนเหรอ? สือฮ่าวคิด
“ไปหาส่วนอื่นของเขื่อนที่ไม่มีซากศพแล้วมาดูว่าอีกด้านคืออะไรกันแน่!” เสิ่นหมิงกล่าว
ถ้าพวกเขาไม่ได้ดูมันก็ยากที่จะยอมรับกับสถานที่แบบนี้จริงๆ
สิ่งมีชีวิตอมตะเหล่านี้พวกมันเดินตามเส้นทางโบราณเข้าสู่สถานที่แห่งนั้น แต่สุดท้ายก็กลับมาพร้อมกับบาดเจ็บหนักและตายอยู่ที่ด้านบนของเขื่อนนี่มันลึกลับเกินไป
ในที่สุดพวกเขาก็พบสถานที่ที่เหมาะสมซึ่งไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือร่องรอยเปื้อนเลือด มันหนาวมากเขื่อนมีร่องรอยถูกโจมตีอย่างหนักจนได้รับความเสียหาย
“มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดาว่ามันถูกสร้างมากี่ปีแล้ว!” ซานซางสงสัยว่าเขื่อนแห่งนี้มีมานานแล้วตามการคาดเดาของเขาน่าจะอยู่ในยุคที่จักรพรรดิร่วงหล่น
ในเมื่ออัศวินแห่งความตายยังกล่าวว่าสิ่งนี้เกิดมาในยุคโบราณ ความเก่าแก่ของมันเป็นที่ทราบได้
การนอนหลับเพียงครั้งเดียวของอัศวินแห่งความตายก็กินเวลายาวนานมากกว่าครึ่งยุคสมัยไปแล้ว!
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงด้านบนของเขื่อนและเห็นฉากอีกด้านหนึ่ง
มันเป็นความมืดที่ลึกซึ้งและไม่อาจหยั่งรู้ได้ หมอกข้างหน้าหนาแน่นอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อมองลงมาจากด้านบนพวกเขาไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ที่นั่น
มันมืดมากหมอกสีดำปกคลุมอยู่ทุกที่
นี่เป็นสถานที่แบบไหนกันนะ? พวกเขายังไม่เข้าใจ
เมื่อพวกเขาใช้ความสามารถอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรับรู้ถึงสิ่งนั้นพวกเขาก็เห็นบางอย่าง!
มันมองเห็นได้อย่างแผ่วเบาราวกับว่ามีเสียงของกระแสน้ำขึ้นและลงส่งสัญญาณอย่างไม่ชัดเจน
มันอยู่ไกลมากราวกับว่าพวกเขาถูกแยกออกจากกันด้วยกาลเวลาที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“มันเหมือนทะเลซึ่งอยู่ไกลจากที่นี่มาก มีคลื่นตกกระทบอยู่ตลอดเวลา?” เสิ่นหมิงกล่าว นางรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระนี่คือความหวาดกลัวครั้งใหญ่เบื้องหลังเขื่อนหรือไม่!
มันไม่ควรเป็นอย่างนี้มันน่าจะมีอันตรายอื่นอีกแน่นอน! แต่พวกเขามองไม่เห็นเท่านั้นเอง
ซานซางหยิบนกกระเรียนไม้ออกมา มันมีขนาดเท่าหัวแม่มือเล็กมากและเรียบเนียนราวกับแกะสลักจากหยก
นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์วิเศษที่สามารถกักเก็บพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ เมื่อมันปะทุขึ้นจะทำให้พลังของผู้ใช้แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
ภายในเวลาอันสั้นมันจะทำให้ผู้ครอบครองสามารถทะลวงอาณาจักรบ่มเพาะขึ้นไปอย่างน้อยหนึ่งขั้นทันที ซึ่งมันเป็นสมบัติลับล้ำค่ามากที่สุดของซานซาง
อย่างไรก็ตามเมื่อนกกระเรียนไม้กางปีกบินเข้าไปในความมืดด้านหลังเขื่อนมันก็ระเบิดออกจากกันถูกทำลายในจุดนั้นทันที
ใบหน้าของซานซางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน นี่เป็นของวิเศษที่เขารักอย่างมากที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้นของวิเศษชิ้นนี้ยังถือได้ว่าเป็นของวิเศษชั้นครึ่งเซียนการที่มันถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วย่อมแสดงให้เห็นว่าพลังที่โจมตีมานั้นอยู่ในอาณาจักรเซียนอย่างแน่นอน
“นั่นหมายความว่าถ้าเราข้ามไปเราจะตายทันที!”
พวกเขาถอนตัวเริ่มค้นหาสิ่งที่อยู่รอบๆบริเวณนี้แทน
พื้นที่ด้านนี้ของเขื่อนก็กว้างใหญ่มากเช่นกัน หลังจากเดินเลียบเขื่อนไปไกลพอสมควรแล้วพวกเขาก็พบค่ายกลเคลื่อนย้ายอีกแห่ง
ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้มีขนาดใหญ่มากความใหญ่โตของมันเทียบได้กับดวงดาวดวงเล็กๆตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้า!
ยิ่งไปกว่านั้นถัดจากค่ายกลข้างเขื่อนก็มีป้ายหินอีกอันหนึ่ง
“มีอักษรสลักอยู่!”
มีอักขระที่เขียนด้วยภาษาของเซียนโบราณที่เก่าแก่ที่สุด
“คนที่ไม่ใช่อันดับหนึ่งของยุคอย่าพยายามข้ามไป!” ซานซางแปลความหมายของมันออกมา