336- ลูกหลานเก้าสวรรค์
1646 - ลูกหลานเก้าสวรรค์
แม้ว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่จะเป็นสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรเดียวกัน แต่ความรู้สึกที่มีต่อจักรพรรดิผู้ไม่ดับสูญคนนี้ก็มีเพียงความหวาดกลัวเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากอันหลาน ซือถู ที่พวกเขาเปลี่ยมไปด้วยความเคารพอย่างถึงที่สุด
ที่ด้านหลังมีผู้คนมากมายรู้สึกเสียใจ ทำไมพวกเขาต้องเตือนฮวง? พวกเขาควรปล่อยให้ฮวงแสวงหาความตายด้วยตัวเอง
ในดินแดนโบราณกลิ่นอายแห่งความตายแพร่กระจายไปในอากาศ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของเจตจำนงอันทรงพลังและน่าสะพรึงกลัว หากมองอย่างผิวเผินมันก็เป็นเหมือนพลังงานเซียนเนื่องจากทั้งสองเป็นสสารในระดับเดียวกัน
สือฮ่าวไม่มีทางเข้าไปที่นั่นแน่นอน เพียงแต่ว่าเขากำลังยืนหลับตาราวกับว่ากำลังรู้แจ้งในเต๋า แต่ก็เหมือนกับว่าเขากำลังไตร่ตรองในเรื่องบางอย่าง
หลังจากผ่านไปหนึ่งวันสือฮ่าวก็ขยับตัว เขายืดแขนขาออกสร้างรอยประทับอย่างต่อเนื่องโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดโดยสิ้นเชิง
หลังจากเวลาผ่านไปนานสือฮ่าวก็ได้เดินทางไปรอบๆสถานที่แห่งนี้แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน
โดยปกติแล้วสือฮ่าวย่อมไม่ดื้อรั้นบุกเข้าไป เขามาที่นี่เพียงเพราะเขาเคยได้ยินชื่อเสียงอันชั่วร้ายของจักรพรรดิแดงเท่านั้น
การมาถึงที่นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาพอใจแล้ว ต่อให้จักรพรรดิ์แดงมีชีวิตอยู่หรือตายไปก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาให้ความสนใจมากนัก
สือฮ่าวเดินทางต่อไปทางทิศตะวันตก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็มาถึงหนองน้ำแห่งหนึ่ง เขามองไปรอบๆอย่างเงียบๆโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
เป็นเพราะเขารู้สึกได้ถึงคลื่นแห่งความเศร้าที่นี่ซึ่งสะท้อนกับเขาอย่างลึกลับ
“ สัญชาตญาณของเจ้าเฉียบคมจริงๆ เจ้ารู้สึกได้ใช่มั้ย? เหตุผลที่สถานที่แห่งนี้เป็นหนองน้ำก็เพราะว่ามันถูกสร้างขึ้นจากเลือดเนื้อนั่นเอง
ในตอนนั้นกลุ่มทาสได้ก่อกบฏพวกเขาจึงก็ถูกสังหารที่นี่ อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นกลุ่มกบฏที่แข็งแกร่งแม้ว่าพวกเขาจะเสียชีวิตเลือดของพวกเขาก็ยังไม่แห้งทำให้แผ่นดินใหญ่กลายเป็นหนองน้ำ "
มีใครคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาเห็นได้ชัดว่ากำลังยั่วยุสือฮ่าว คนพวกนี้ตามเขามาที่นี่แต่ไม่กล้าลงมือ การยั่วโมโหสือฮ่าวด้วยคำพูดย่อมไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำให้เขาได้รับอันตราย พวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะทำเมื่อมีโอกาส
สือฮ่าวรู้ว่าทาสพวกนี้ควรจะเป็นเชลยจากเก้าสวรรค์ซึ่งถูกจับมาในตอนที่แพ้สงคราม
เป็นเพราะเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มามากกว่าหนึ่งครั้ง โดยเมื่อมีการต่อสู้เริ่มขึ้นผู้คนจากฝั่งนี้จะเริ่มยั่วยุเขาด้วยการกล่าวถึงบรรพบุรุษของเก้าสวรรค์ที่ตกเป็นทาส
สือฮ่าวยืนอยู่ที่นี่เป็นเวลานานโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ในที่สุดเขาก็หันกลับมาและจากไปทันที
จากนั้นเขาก็เข้าไปในภูเขาแห่งหนึ่งซึ่งมีหน้าผาขนาดใหญ่ หน้าผาแห่งนี้มีชื่อของบุคคลอันยิ่งใหญ่สลักอยู่มากมาย ชื่อของบางคนมีความสุกใสกระจ่างแผ่รัศมีความกดดันออกมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
สือฮ่าวค่อนข้างตกใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ มันมีรัศมีที่น่าเกรงขามอยู่ในรายชื่อมากมายที่ถูกสลักอยู่ที่นี่
“ทุกคนที่สามารถสร้างญาณวิเศษอันล้ำค่าในระดับชั้นสวรรค์ขึ้นไป สามารถฝากชื่อของพวกเขาไว้ที่นี่ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม และสิ่งนี้เป็นเครื่องบันทึกความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา” มีคนพูดจากด้านข้าง
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่สถานที่ปกติ สือฮ่าวไม่สามารถเข้าไปได้เพราะสถานที่แห่งนี้ถูกปิดตายเขาสามารถเฝ้าดูได้จากระยะไกลเท่านั้น
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ชื่อที่สลักไว้บนหน้าผานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเต๋าอันยิ่งใหญ่เผยให้เห็นความเข้าใจบางอย่างของพวกเขาเกี่ยวกับ เส้นทางบ่มเพาะ
เพียงแค่ได้เฝ้าดูจากระยะไกลก็ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลแล้ว
สือฮ่าวนั่งทำสมาธิอยู่ที่นี่เป็นเวลาหลายวันก่อนจะเดินทางจากไป
“สหายคนนี้สามารถรักษาความสงบได้จริงๆ เพียงแค่เดินไปรอบๆก็สามารถบรรลุความรู้แจ้งในเต๋าได้จริงๆหรือ?” ใครบางคนพูดด้วยเสียงต่ำพร้อมกับขมวดคิ้ว
เหตุการณ์เช่นนี้ยังคงดำเนินไปอีกหนึ่งเดือน สือฮ่าวไปยังสถานที่ต่างๆมากมายแม้กระทั่งเข้าไปในดินแดนโบราณของตระกูลราชาหลายแห่ง รวมถึงพื้นที่ด้านนอกของดินแดนบรรพบุรุษตระกูลจักรพรรดิ
วันนี้สือฮ่าวยังคงเดินทางต่อไป เมื่อเขาผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่งเขาก็พบว่าผู้คนที่อยู่ข้างในนั้นค่อนข้างสูงอายุ หลายคนสวมเสื้อผ้ารุงรังเปื่อยยุ่ย การปรากฏตัวของพวกเขาดุร้ายเหมือนโจร
“พวกเขามาจากตระกูลไหน?” สือฮ่าวค่อนข้างตกใจ
ตั้งแต่มาถึงอาณาจักรแห่งนี้เขาไม่เคยเห็นชุมชนที่ยากไร้เช่นนี้มาก่อน หมู่บ้านแห่งนี้ทรุดโทรมและเก่าแก่ ยิ่งกว่านั้นยังสกปรกมากราวกับว่าที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มคนเร่ร่อน
“พวกเขามาจากที่เดียวกับเจ้า” ใครบางคนกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ
เมื่อสือฮ่าวได้ยินดังนั้นเขาก็ตกใจไม่น้อย จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปใกล้หมู่บ้าน
“พวกเจ้าทั้งหมดมาจากเมืองจักรพรรดิหรือ?” สือฮ่าวถาม
เมื่อได้ยินคำถามนี้ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็แสดงความระมัดระวังออกมา ไม่มีใครยินดีที่จะตอบกลับ
“ข้าเป็นคนที่มาจากเมืองจักรพรรดิ์!” สือฮ่าวบอกพวกเขา
"จริงๆ? เจ้าสิ้นเนื้อประดาตัวและไร้บ้านไม่มีใครเต็มใจที่จะรับเจ้าไปเป็นคนรับใช้ในตอนนี้หรือ” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับปลดปล่อยไอสังหาร
ในเวลาเดียวกันคนอื่นๆก็เคลื่อนตัวมาปิดล้อมสือฮ่าวไว้อย่างแน่นหนา
“มอบของมีค่าและของวิเศษทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้าออกมาไม่งั้นตาย!” กลุ่มคนเหล่านี้เต็มไปด้วยความดุร้าย แน่นอนว่าพวกเขากำลังปล้นสือฮ่าว
นี่ไม่ใช่เรื่องตลกอย่างแน่นอน สือฮ่าวรู้สึกได้ถึงไอสังหารของพวกเขา หากพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไปแน่นอนว่าคนพวกนี้จะลงมาต่อเขาอย่างรวดเร็ว
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? สือฮ่าวจ้องมองอย่างว่างเปล่า
“ไสหัวออกไปให้พ้น!” ในเวลานี้ผู้อาวุโสชุดสีเทาที่ห้ามสือฮ่าวไม่ให้เข้าไปในสถานที่แห่งความสันโดษของจักรพรรดิแดงได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“ผู้สูงสุดที่มาจากตระกูลราชา? ไม่ทราบว่าท่านต้องการคนที่แข็งแรงเข้าสู่สนามรบหรือไม่?” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งถามอย่างระมัดระวัง
เขาจ้องมองไปที่เครื่องหมายบนแขนเสื้อของผู้อาวุโสที่สวมชุดสีเทาโดยตระหนักว่าเขาเป็นผู้สูงสุดจากตระกูลราชา
สือฮ่าวตะลึง นี่เป็นไปได้อย่างไร? พวกเขาอยากเป็นทหารรับใช้ในสนามรบจริงๆหรือ
“เจ้าเห็นหรือยัง? ไม่ใช่ว่าทุกคนในโลกจะทำตัวแข็งกร้าวเหมือนกับเจ้า!” ผู้อาวุโสที่สวมชุดสีเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
สือฮ่าวเงียบ เขายังจะสามารถพูดอะไรได้ในสถานการณ์เช่นนี้? ผู้คนเหล่านี้ปลูกฝังความเป็นทาสให้กับตัวเองมากเกินไป พวกเขาไม่สามารถยึดแผ่นหลังให้ตรงได้อีกแล้ว
ในตอนนี้เขาเข้าใจว่ามีหลายสิ่งที่แตกต่างจากที่เขาจินตนาการไว้ ลูกหลานของบรรพบุรุษในโลกนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะต่อสู้จนถึงที่สุด
คำที่กล่าวว่ายอมตายไม่ยอมสยบส่วนใหญ่เป็นเพียงเรื่องเพ้อเจ้อเท่านั้น
อย่างไรก็ตามสือฮ่าวก็รู้ว่าเขาไม่ควรตำหนิคนเหล่านี้ หลังจากเวลาผ่านไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดพวกเขาไม่ได้ถือว่าตัวเองเป็นคนจากเก้าสวรรค์อีกต่อไป
แม้แต่เผ่าพันธุ์อันยิ่งใหญ่อย่างตระกูลกู่ ตระกูลราชสีห์ผู้กล้าก็ยังยอมสยบให้กับศัตรู นับประสาอะไรกับคนธรรมดาเหล่านี้
สือฮ่าวได้แต่ถอนหายใจ เขาไม่ได้ตำหนิบุคคลเหล่านี้ แต่กลับรู้สึกเห็นใจพวกเขาแทน นี่เป็นกลุ่มคนที่น่าสมเพชจริงๆ
แน่นอนว่าหลังจากมุ่งหน้าต่อไปเขาก็พบหมู่บ้านลักษณะนี้อีกครั้ง ซึ่งมีสองสามหมู่บ้านที่เก็บตัวเงียบไม่ยินยอมเป็นข้ารับใช้ของผู้คนในอาณาจักรนี้
สือฮ่าวรู้สึกทำใจไม่ได้เขาจึงรีบออกจากพื้นที่แถบนี้อย่างรวดเร็ว
“ มีเพียงคนประเภทนี้เท่านั้นที่สามารถมีชีวิตยืนยาวขึ้น เจ้าได้เห็นแล้วว่าลูกหลานของเก้าสวรรค์ที่ทำตัวแข็งกร้าวนั้นเป็นอย่างไร
ชีวิตของพวกเขาจะยากลำบากเผชิญกับความเป็นความตายอยู่ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่นนักสู้ของสถาบันเทพสงครามชะตาชีวิตของพวกเขาถูกกำหนดให้ตายเท่านั้น” ผู้อาวุโสในชุดคลุมสีเทากล่าว
สองวันต่อมาสือฮ่าวได้รับบัตรเชิญที่เปล่งประกายแวววาวเจิดจรัสอย่างมาก
“ พวกเขาเชิญฮวงจริงๆเหรอ? '
ที่ด้านหลังมีผู้คนที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังในตัวของสือฮ่าวซึ่งไม่เคยจากไปไหน เมื่อพวกเขาเห็นบัตรเชิญนี้พวกเขาทุกคนตกใจมาก
“นี่เป็นโอกาสที่ดีเกินไป! ไม่มีเหตุผลที่จะเชิญเขาทำไมเขาถึงไปได้แต่ข้าไปไม่ได้!” มีคนจำนวนมากที่ไม่พอใจ
สือฮ่าวมองไปที่ผู้อาวุโสที่สวมชุดสีเทาคนนั้น
“นี่เป็นคำเชิญให้เข้าร่วมพิธีชงชาเฉพาะผู้มีความสามารถพิเศษเท่านั้นที่ได้รับเชิญ” ผู้อาวุโสชุดเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม