บทที่ 614 ไม่สำนึกบุญคุณ(ตอนฟรี)
บทที่ 614 ไม่สำนึกบุญคุณ
หวังหู่พุ่งตัวไปทางหลิวเจ๋อจุนอย่างรวดเร็วและเตะตำรวจที่ขวางทาง จากนั้นก็รีบไปช่วยพยุงชายชราที่ล้มลงกับพื้นและถามด้วยความเป็นกังวลว่า “ผู้อำนวยการ เป็นอะไรหรือเปล่า?!”
หวังซินก็รีบวิ่งมาเช่นกัน เธอจ้องเขม็งไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่บริหารเมืองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ
ในขณะที่หลิวเจ๋อจุนมองเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายที่อยู่ข้างๆเขาด้วยสายตาอันตราย ดวงตาของเขาเหลือบมองไปที่ขาและเข่าของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเป็นระยะๆ ราวกับกำลังคิดอยู่ว่าจะทุบตีตรงจุดไหนดีถึงจะเจ็บปวดมากกว่ากัน กระดูกท่อนไหนทำลายง่ายที่สุด!
หวังหู่และหวังซินตรวจสอบร่างกายของผู้อำนวยการเฒ่าอย่างละเอียดเพื่อดูว่ามีบาดแผลหรือบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่
ผู้อำนวยการเฒ่ามีอายุมากแล้ว กระดูกไม่ได้แข็งแรงเท่ากับคนหนุ่มคนสาว การกระแทกเพียงเล็กน้อยอาจหักได้ง่าย ดังนั้นทั้งสองคนจึงเป็นกังวลมาก
โชคดีที่ผู้อำนวยการเฒ่าดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรมาก นั่นทำให้หวังหู่และหวังซินถอนหายใจเบาๆด้วยความโล่งอก แต่เมื่อนึกถึงคนที่ลงมือทำร้ายร่างกายคนแก่แบบนี้ได้ลงคอ ใบหน้าของพวกเขาก็กลับมามืดครึ้มอีกครั้ง พวกเขาจ้องมองเจ้าหน้าที่บริหารเมืองด้วยความโกรธแค้นจากนั้นก็กวาดสายตาที่ดุร้ายไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและชายหนุ่มที่ใส่ชุดสูท
“คุณเป็นใคร?!” ชายหนุ่มในชุดสูทมองไปที่จี้เฟิงและคนอื่นๆ ที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้น ในใจของเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นสะท้าน ฉากที่หลิวเจ๋อจุนเตะตำรวจจนกระเด็นและหักขาของเจ้าหน้าที่บริหารเมือง มันทำให้เขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนงงจนกระทั่งตอนนี้เขาเพิ่งจะมีอาการตอบสนอง จึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“แล้วคุณล่ะ เป็นใคร?” จี้เฟิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จากสถานการณ์ทั้งหมด จะสังเกตได้ว่าชายหนุ่มในชุดสูทคนนี้เป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้ จี้เฟิงคาดเดาอยู่ในใจเกี่ยวกับตัวตนของผู้ชายคนนี้เอาไว้แล้ว เพียงแต่เขายังไม่ค่อยแน่ใจ
“นี่คือหัวหน้าเซี่ยแห่งสำนักก่อสร้างเมืองของเรา พวกแกเป็นใคร กล้าทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของเราโดยไม่มีเหตุผล การกระทำแบบนี้เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้และถือว่าเป็นการก่ออาชญากรรม รู้ตัวหรือเปล่า!” ตำรวจนายหนึ่งเอ่ยอย่างภาคภูมิใจและชี้หน้าจี้เฟิงด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ก่ออาชญากรรม?!” จี้เฟิงแค่นเสียงพลางมองตำรวจด้วยสายตาดูถูกและถามเสียงเรียบว่า “คุณกล้าทุบตีชายชราที่ไม่มีทางสู้ แบบนี้ต่างหากล่ะที่เรียกว่าก่ออาชญากรรม! คนที่อยู่ในระบบราชการโดยเฉพาะตำรวจแต่กลับกล้าฝ่าฝืนกฎหมายทำร้ายร่างกายประชาชนแบบนี้... ควรที่จะถูกลงโทษเป็นสองเท่า!”
“ไอ้เวรนี่! ปากดีนักนะ!” ตำรวจโวยวายและชี้หน้าจี้เฟิงอีกครั้งอย่างโกรธแค้น “ถ้านายยังกล้าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่อีก ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”
“ฮ่าๆๆ~! คุณจะทำอะไรล่ะ? จะจับฉันเหรอ?” จี้เฟิงหัวเราะอย่างดูถูกและพูดอย่างไม่แยแสว่า “เอาสิ ฉันยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าอยากจะจับฉัน คุณก็เข้ามาจับตรงนี้ได้เลย ฉันก็อยากเห็นเหมือนกันว่าคุณจะจับฉันได้หรือเปล่า!”
“นาย...” ตำรวจฉุนจัด แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปจับจี้เฟิง คนที่ยืนอยู่ข้างจี้เฟิงเป็นใครก็ไม่รู้ รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาดุร้ายอย่างกับเสือ ไม่เห็นหรือว่าเขาเพิ่งจะเตะตำรวจแล้วก็หักขาของผู้จัดการเมืองไป?!
“ฉันไม่เคยเห็นคุณมาก่อน ดังนั้นคุณจึงไม่น่าจะเป็นคนที่มีสายสัมพันธ์กับผู้อำนวยการเฒ่าได้... หรือว่าคุณเป็นเพื่อนของหวังหู่และหวังซิน?!” ชายในชุดสูทและรองเท้าหนังเงาวับมองไปที่จี้เฟิงและคนอื่นๆอย่างเย็นชา “แต่ช่างเถอะ ฉันไม่สนหรอกว่าคุณเป็นใคร อย่ายื่นจมูกมาในสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ไม่อย่างนั้นกฎหมายของประเทศอาจจะทำให้คุณตายได้!”
“โอ้โหแฮะ! ช่างใหญ่โตอะไรขนาดนี้ กล้าอ้างกฎหมายระดับประเทศ!”
ใบหน้าของจี้เฟิงมืดมนลง เขาแค่นเสียงอย่างเย็นชา “คุณคือเซี่ยหงจุนใช่มั้ย? ตาฉันคงบอดไปแล้วจริงๆ คุณดูเหมือนผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ แต่ไม่คิดว่าภายในจะเป็นเพียงแค่สัตว์เดรัจฉาน!”
“พูดจาอะไรกรุณาระวังปากด้วย!” ใบหน้าของเซี่ยหงจุนก็มืดมนลงเช่นกัน ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เขากลับมาถูกจี้เฟิงด่า แล้วเขาจะยอมเสียหน้ายืนให้ด่าเฉยๆได้อย่างไร?
ตำรวจที่อยู่ถัดจากเซี่ยหงจุนก็พ่นลมหายใจอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ตอนนี้พวกคุณถือได้ว่าก่ออาชญากรรมแล้ว รู้ตัวหรือเปล่า?!”
“เงียบๆหน่อย ตรงนี้ไม่มีที่ให้คุณพูด!” จี้เฟิงเหลือบมองไปที่ตำรวจอย่างเย็นชา
ดวงตาที่คมกริบและไอสังหารของจี้เฟิงที่แผ่ซ่านออกมาดูเหมือนจะทิ่มแทงเข้าไปในใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้เขารู้สึกหนาวสั่นและทำได้แค่ปิดปากเงียบอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าที่จะสอดปากอีกต่อไป
มีตำรวจ เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่บริหารเมืองรวมกันกว่าสามสิบคน แต่เมื่อสายตาที่เยือกเย็นของจี้เฟิงกวาดผ่านมา ไม่มีใครกล้าพูดอะไร และมีเพียงไม่กี่คนที่กล้ามองหน้าจี้เฟิง
“เซี่ยหงจุนใช่มั้ย?” จี้เฟิงเงียบไปครู่หนึ่งและต่อว่า “ครั้งนี้เราเจอกันโดยบังเอิญก็จริง แต่ถึงยังไง ฉันก็ต้องไปหาคุณอยู่ดี ฉันมีอะไรจะถามหน่อย ผู้อำนวยการของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคนนี้ทำอะไรผิด ทำไมคุณถึงอยากทำแบบนี้กับเขา ในฐานะที่เป็นมนุษย์ ต่อให้คุณไม่รู้วิธีตอบแทนผู้มีพระคุณ แต่ก็ไม่ควรทำร้ายผู้มีพระคุณหรือฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
“นายพูดจาเพ้อเจ้ออะไรของนาย!” ในที่สุดเซี่ยหงจุนก็ไม่สามารถข่มกลั้นอารมณ์ของเขาได้อีกต่อไป เขาตะโกนออกคำสั่งเสียงดังทันที “จับกุมพวกเขาทั้งหมด หากใครขัดขืนต่อต้าน ก็ใช้มาตรการขั้นรุนแรงได้เลย!”
จี้เฟิงขมวดคิ้วทันทีและแค่นเสียงอย่างดุดัน “จับไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่มาให้ฉัน!”
“ครับ!” อี้ซิงเฉินและคนอื่นๆ ตะโกนตอบรับเสียงดังจบก็กระโจนเข้าใส่เซี่ยหงจุนทันที
จี้เฟิงคว้าตัวเหยาจื่อเจี้ยนที่กำลังจะพุ่งตัวตามคนอื่นไป และกล่าวว่า “การต่อสู้ระยะประชิดไม่ใช่ทางของนาย นายอยู่ตรงนี้แหละ แค่เหล่าอี้กับคนอื่นๆก็เหลือเฟือแล้ว!”
อย่างที่คาดไว้ การเคลื่อนไหวของอี้ซิงเฉินรวดเร็วแต่หนักหน่วงมาก เพียงแค่หมัดเดียว เขาก็ทุบเจ้าหน้าที่บริหารเมืองที่อยู่ตรงหน้าเขาจนล้มลง เป้าหมายต่อไปของเขาก็คือเซี่ยหงจุน!
เซี่ยหงจุนเห็นแบบนั้นก็ตกใจทันทีและรีบตะโกน “หยุดพวกเขาไว้! เร็วเข้า! หยุดพวกเขาไว้ให้ได้!”
ตำรวจและผู้บริหารเมืองทั้งหมดตีวงล้อมรอบอี้ซิงเฉินกับคนอื่นๆ แต่ก็ไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขาได้ การโจมตีของพวกเขาเหมือนกับเสือโคร่งที่กระโจนเข้าใส่เหยื่อตัวเล็กๆ ตำรวจและผู้บริหารเมืองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย โดยเฉพาะเวลานี้ที่พวกเขากำลังอยู่ในอารมณ์โกรธจัด มีหรือที่คนที่มีประสบการณ์การต่อสู้น้อยอย่างเจ้าหน้าที่พวกนี้จะมาเทียบกับอี้ซิงเฉินและคนอื่นๆได้?!
“ผัวะ—! พลั่ก—!”
“โครม—!”
อี้ซิงเฉินและอีกสี่คนป้อนหมัดรัวๆสามสี่หมัดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่บริหารเมืองที่อยู่ใกล้พวกเขา และก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆที่เหลือจะพุ่งมาถึงตัว อี้ซิงเฉินและคนอื่นๆได้รีบวิ่งไปที่ด้านหน้าของเซี่ยหงจุนแล้ว
“ฟึ่บ—!”
ทันใดนั้นอี้ซิงเฉินก็คว้าตัวเซี่ยหงจุนและลากเขาไป “มานี่!”
“เปรี้ยง—!”
ตำรวจที่อยู่ใกล้เซี่ยหงจุนที่สุดไปเอากระบองมาจากที่ไหนก็ไม่รู้และเดินจ้ำอ้าวตรงไปที่อี้ซิงเฉิน
ทันใดนั้นอี้ซิงเฉินก็ก้าวถอยหลังและเหลือบมองตำรวจอย่างเย็นชา และเมื่อเขายกเท้าขึ้น กระบองที่อยู่บนพื้นก็ไปอยู่ในมือของเขาแล้ว
“ฟึ่บ—!”
ทันใดนั้นมือข้างที่ถือกระบองของอี้ซิงเฉินก็ยกขึ้นสูง และฟาดไปที่ตำรวจอย่างแรง
ตำรวจสะดุ้งรีบยกกระบองในมือขึ้นเพื่อสกัดกั้น อย่างน้อยก็เห็นได้ว่าตำรวจนั้นมีพื้นฐานในการต่อสู้และป้องกันตัว แต่ดูเหมือนว่ามันถูกทิ้งร้างไว้นานเกินไป การเคลื่อนไหวเลยดูติดๆขัดๆเหมือนกับขึ้นสนิม แล้วแบบนี้จะไปเทียบกับอี้ซิงเฉินที่เกลือกกลิ้งอยู่ในสนามแห่งความตายมาตลอดชีวิตได้ยังไง?!
อย่างไรก็ตาม หลังจากต่อสู้กันไปสามครั้ง ตำรวจก็ถูกกระบองในมือของอี้ซิงเฉินจ่อที่คอ ตราบใดที่แขนของอี้ซิงเฉินออกแรงอย่างกะทันหัน กระดูกคอของตำรวจจะแตกทันที!
“เพี๊ยะ—!”
อี้ซิงเฉินตบกะโหลกเซี่ยหงจุนที่กำลังก้าวถอยหลังช้าๆด้วยความหวาดกลัวจนเขาเซถลาและกำลังจะล้มลง แต่อี้ซิงเฉินก็คว้าเขากลับมาและบีบคอของเซี่ยหงจุนเอาไว้จนทำให้เขาไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก !
ทุกคนต่างตกตะลึง ตำรวจและเจ้าหน้าที่บริหารเมืองที่มีกันมากมายกลับถูกคนไม่กี่คนบุกทะลวงมาจับตัวหัวหน้าอย่างเซี่ยหงจุนไปได้อย่างง่ายดาย!
“ฮึ่ม!” อี้ซิงเฉินพ่นลมอย่างเย็นชาและปล่อยกระบองในมือลง เขาขยุ้มไปที่หัวของเซี่ยหงจุนและลากเขาไปหาจี้เฟิงทั้งแบบนั้น
เซี่ยหงจุนดูเหมือนจะหวาดกลัวอย่างมาก ร่างกายของเขาสั่นเทิ้ม เมื่อตอนที่เขาถูกพาตัวไปหาจี้เฟิงเขาแทบจะไม่กล้าสบตากับจี้เฟิงได้แต่สอดส่ายสายตาไปทางอื่นแทน แต่เขายังคงต้องการแสดงความสง่างามในฐานะหัวหน้าส่วน
“ฉันขอเตือนพวกคุณ ไม่ว่าพวกคุณจะเป็นใคร สิ่งที่พวกคุณทำอยู่ตอนนี้ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง พวกคุณกำลังโจมตีเจ้าหน้าที่ของรัฐ!” เซี่ยหงจุนกล่าวเสี่ยงเข้ม แต่ดูเหมือนว่าความเย่อหยิ่งในตอนแรกจะจางหายไปแล้ว เขาพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่อยากกลายเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย ก็ปล่อยพวกฉันไปทันที ไม่อย่างนั้นความผิดของพวกคุณจะยิ่งหนักมากกว่านี้อีกสองเท่า!”
อย่างไรก็ตาม เซี่ยหงจุนที่ถูกอี้ซิงเฉินขยุ้มหัวอยู่นั้น ต้องเอียงศีรษะของเขาตลอดเวลาที่พูด ซึ่งไม่เพียงแต่เขาจะดูเสียบุคลิกอย่างร้ายแรง แต่มันยิ่งทำให้ดูเหมือนตัวตลกไม่ก็ละครลิงที่กำลังแสดงให้ทุกคนดู!
ในใจของเซี่ยหงจุนเต็มไปด้วยความอับอายและความโกรธแค้น
จี้เฟิงมีหรือที่จะสนใจคำขู่ของเขา?
“เหอะ!” จี้เฟิงแค่นเสียงอย่างเย็นชาและโบกมือ
อี้ซิงเฉินคว้าเซี่ยหงจุนเดินตามจี้เฟิงที่กำลังเดินไปหาผู้อำนวยการเฒ่าทันที
เซี่ยหงจุนพยายามดิ้นรนให้ตัวเองเป็นอิสระ แต่อี้ซิงเฉินจับผมของเขาไว้แน่นมากจนเขาไม่สามารถดิ้นหลุดได้เลย
หวังหู่และหวังซินจ้องมองเซี่ยหงจุน ทั้งสองคนส่งเสียงฮึ่มอยู่ในลำคอด้วยความไม่พอใจแทบจะตลอดเวลา สายตาที่ดุร้ายของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาพร้อมที่จะพุ่งตัวไปขย้ำคอของเซี่ยหงจุนได้ตลอดเวลา!
ผู้อำนวยการเฒ่ามองไปที่เซี่ยหงจุนซึ่งถูกขยุ้มหัวมายืนต่อหน้าเขา ดวงตาที่ค่อนข้างขุ่นมัวของชายชราฉายแววที่ซับซ้อนมาก มีทั้งความผิดหวังและความเสียใจ มีแม้กระทั่งความกลัวและความสงสารเวทนา ดูเหมือนเขาจะเจ็บปวดกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามากเหลือเกิน!
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อย สัตว์ชั้นต่ำหรือสัตว์เดรัจฉานยังรู้วิธีให้อาหารพ่อแม่ของมัน
แต่มนุษย์คนหนึ่งกลับรังแกชายชราที่ทำงานอย่างหนักเพื่อมาเลี้ยงดูตัวเองได้ยังไง? คนๆนี้ปล่อยให้ชายชราไร้ที่อยู่อาศัยได้ยังไง?
“เซี่ยหงจุน เงยหน้าขึ้นและมองชายชราที่อยู่ตรงหน้าของนายให้ดี นายรู้จักเขาหรือเปล่า?” จี้เฟิงถามเบาๆ “คนๆนี้ที่เลี้ยงดูนายมา แต่นายกลับจะทำให้เขาไม่มีที่ซุกหัวนอน นายทำไปได้ยังไง?!”
เดิมทีเซี่ยหงจุนเป็นคนที่มีปมด้อยและมีตรรกะที่ผิดเพี้ยน มีหรือที่เขาอยากจะมองหน้าชายชรา? แต่เป็นเพราะอี้ซิงเฉินยังคงจับผมของเขาเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างช่วยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เซี่ยหงจุนรู้สึกว่าเขาได้รับความอัปยศอดสูอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะไอ้แก่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวกลุ่มนี้เข้ามาเสือกไม่เข้าเรื่อง มีหรือที่เขาจะต้องอับอายขายขี้หน้าแบบนี้?!
ทันใดนั้นเซี่ยหงจุนก็ลืมตาขึ้นและจ้องมองไปยังผู้อำนวยการเฒ่า แต่แววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง
“เพี๊ยะ—!”
หวังหู่ตบหน้าเซี่ยหงจุนอย่างแรง เสียงคำรามดังมาจากลำคอของเขา “ไอ้สันดานหมา คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”
…จบบทที่ 614~❤️
คุยกันท้ายบท
สวัสดีปีใหม่ไทย 2565 นะคะผู้อ่านทุกๆท่าน มีใครเดินทางกลับภูมิลำเนากันบ้างหรือเปล่าเอ่ย? ถ้ายังไงก็ขอให้เดินทางปลอดภัยได้ใช้เวลาอยู่กับคนที่รักให้เต็มที่เลยนะคะ ส่วนใครที่ไม่ได้เดินทางไปไหนก็อ่านนิยายของเนตรนารีสีชมพูให้เต็มที่ไปเล้ย~
ดูแลตัวเองให้ดีๆ เพื่อตัวเราเองและคนที่เรารัก แต่ถ้าไม่มีใครรัก ก็ยังมีเนตรนารีสีชมพูคนนี้นะคะที่รักคุณ... ฮี่ฮี่ ♡ ~ (≧ ε ≦ σ)
ปล. เปิดให้อ่านฟรีฉลองเทศกาลสงกรานต์กันไปเล้ย
เรารักพวกเธอขนาดนี้ พวกเธอจะไม่รักเราลงเหรอ (〃> _ <; 〃)
ด้วยรักและห่วงใย
เนตรนารีสีชมพู