ตอนที่ 179 เทคนิคลับวายุไหลวน(อ่านฟรี)
ตอนที่ 179 เทคนิคลับวายุไหลวน
ลึกเข้าไปในพื้นที่ด้านหลังของเขตปราการดาราฟ้าตะวันออก บริเวณด้านหน้าของทุ่งหญ้ากิรา สถานที่ซึ่งกองโจรนำโดยกระทิงเขียวได้รวมตัวกันอยู่
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? ไม่ใช่ว่าพวกเราถอยกลับมาโดยไม่ทิ้งร่องรอยอย่างนั้นเหรอ” กระทิงเขียวพูดออกมาด้วยใบหน้าดำมืด
“หัวหน้าเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกนั้นหาฐานของพวกเราเจอได้ยังไง” หนึ่งในโจรระดับสูงก้มหน้าลงขณะที่พูด ด้วยกลัวว่าผู้นำของตนจะโมโห
“ไม่ได้เรื่อง พวกกลายเป็นโจรจริง ๆ ไปแล้วหรือยังไงกัน แค่การปกปิดร่องรอยยังทำไม่ได้ ไปสั่งการเตรียมย้ายฐานไปในคืนนี้และส่งข่าวไปบอกพวกมนุษย์ไฟพวกนั้นด้วย”
“ครับหัวหน้า”
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ลงมือทำสิ่งใด ตอนนั้นก็มีสัญญาณเตือนภัยและเสียงการต่อสู้ดังขึ้น
“หัวหน้าเราถูกโจมตี ทำยังไงดีครับ” มีโจรคนหนึ่งวิ่งตรงมารายงาน
“บ้าจริง พวกมันลงมือกันไวมาก ช่างมันเผาทุกอย่างอย่าให้เหลือร่องรอยและแยกกันหนี”
กระทิงเขียวกล่าวอย่างเด็ดขาด เขาตัดสินใจทำลายทุกอย่างเพื่อไม่ให้มีใครสาวถึงตัวได้ ซึ่งคำสั่งของเขานั้นทำให้ไม่นานทั้งค่ายก็เกิดเพลิงใหม่อย่างรุนแรง ทหารที่แฝงตัวเป็นโจร ต่างก็รวมตัวกัน ก่อนจะหายไปในเงามืด ส่วนโจรที่เข้าร่วมภายใต้การชักชวนนั้นกำลังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พวกเขาไม่แน่ใจว่ามันเกิดสิ่งใดกันแน่ในเวลานี้ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยสัญชาตญาณความเป็นโจร ทำให้รู้ว่าตอนนี้ถ้าอยู่สู้ก็มีแต่ตาย ทำให้โจรทั้งหมดพากันแตกพ่ายไปในทันที
ส่วนพวกที่หนีไม่ทันบ้างถูกจับ บ้างถูกฆ่าตาย
เวลาผ่านไปจนไฟมอดดับลง ในที่สุดสถานการณ์ก็ถูกควบคุมไว้ได้ ตอนนั้นเองก็มีคนเดินเข้ามาที่ซึ่งเคยเป็นสถานที่สั่งการ ตอนนี้ด้านในไม่เหลืออะไรเลยนอกจากเถ้าถ่าน
“ท่านโบเวน มีคนรอดสามคน พวกเขาถูกจับขังอยู่ในคุกน้ำทำให้รอดมาได้ ข้าสอบถามแล้วเขาบอกว่ามาจากที่เดียวกับท่าน สถาบันศาสตร์นักรบขอรับ” ทหารที่แต่งกายด้วยชุดเกราะกล่าวด้วยความเคารพ
“เจ้าไม่ต้องเรียกว่าท่าน แค่เรียกว่า โบเวนก็พอ ตอนนี้ข้าคือนักเรียนของสถาบันศาสตร์นักรบและกำลังทำหน้าที่ได้รับมาอยู่ จริงสิตอนนี้ทหารกำลังเสริมเป็นอย่างไรบ้าง” โบเวนพูดออกมาด้วยใบหน้าเงียบสงบ แต่ก็ยังคงความเฉยเมยไว้เช่นปกติ
“พวกเขามีปัญหาเรื่องเสบียงแต่ด้วยระยะถ้าเร่งเดินทางไปที่ป้อมปราการก็คงไม่มีปัญหามากนัก ส่วนพวกที่โดนยาพิษตอนนี้คงต้องแบ่งกำลังให้ปกป้องและให้ตามไปที่ป้อมปราการทีหลัง”
“อืม พาข้าไปดูสามคนนั้นหน่อย” โบเวนกล่าวก่อนจะหันหลังเดินออกไป โดยมีทหารนายนั้นนำทางไป
...
นอกค่ายกองโจรที่ย่อยยับ มีชายสามคนที่สภาพบาดเจ็บเสื้อผ้าฉีกขาดจากการถูกทรมาน ใบหน้าของทั้งสามนั้นเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
ในตอนนั้นเองพวกเขาก็เห็นคนคุ้นตาเดินมาพร้อมกับทหารชุดเกราะ
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” วิลเลียมถามด้วยความแปลกใจ
ส่วนลูคัสนั้นก็อึ้งอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังรักษาท่าทีไว้ได้และดูเหมือนเขาจะคิดอะไรออกจึงถามออกมาว่า “เจ้าเป็นผู้สั่งการกองทหารเหล่านี้เหรอ”
“อืม” โบเวนพยักหน้าตอบ
ทั้งสามคนนั้นถึงกับอึ้งไปเลยเมื่อได้ยินแบบนั้น โบเวนไม่สนใจวิลเลียมและลูคัส แต่หันไปมองโจชัว
“เจ้ามาติดตามข้าเป็นอย่างไง” โบเวนมองไปที่โจชัวด้วยสายตาจริงจัง
โจชัวงุนงงกับคำถามของโบเวน แต่หลังจากนั้นก็หันไปมองวิลเลียมและลูคัส ก่อนที่จะหันกลับมามองชายตรงหน้าเขา โจชัวไม่ได้โง่ เมื่อรู้ว่าโบเวนสามารถได้รับการแต่งตั้งให้สั่งการกองกำลังทหารนี้ก็ทำให้เขานั้นตัดสินใจติดตามในทันที
ส่วนวิลเลียมนั้น โจชัวไม่แม้แต่จะหันไปพูดกับเขาอีก หลังจากผ่านการทรมานในคุกนั้นมา โจชัวรู้แล้วว่าชายคนนี้ไม่มีทางทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้แน่นอน
“ข้ามีคำถามอยากจะถาม” โจชัวจ้องมองไปที่โบเวน
“ว่ามา”
“เจ้าเอาชนะกายได้ไหม”
ไม่มีใครคิดว่าโจชัวจะถามคำถามนี้ออกมา วิลเลียมและลูคัสต่างก็เงยหน้ามองโบเวน
โบเวนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “ได้แต่นั่นคือก่อนที่ข้ายังไม่รู้ว่าเขาคืออาจารย์ช่างโลหะ”
“อะไรนะ ทำไมเจ้านั่นถึงกลายเป็นอาจารย์ช่างโลหะไปได้กัน” วิลเลียมโพรงขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่ากายจะกลายมาเป็นอาจารย์ช่างโลหะไปซะได้
“ไม่เลยว่าเจ้านั่นจะพัฒนาเร็วแบบนี้” ลูคัสพูดด้วยสีน่าทึ่งเช่นกัน
โจชัวไม่ทันตั้งตัวเมื่อได้ยินว่ากาย ชายหนุ่มที่เขาเคยประลองด้วยไม่กี่เดือนก่อนตอนนี้กลายมาเป็นอาจารย์ช่างโลหะ มือทั้งสองของโจชัวกำแน่นก่อนจะถามต่อว่า “แล้วตอนนี้ละ”
“อาจจะตายตั้งครู่” โบเวนตอบไปตามตรงโดยไม่คิดว่าจะเป็นการดูถูกตัวเองเลยแม้แต่น้อย
นายทหารที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ตกใจเช่นกันเมื่อได้ยินโบเวนพูดแบบนี้
“เฮ้อ...” โจชัวถอนหายใจ ก่อนจะเงยหน้าและยิ้มออกมา
“ตกลงข้าจะติดตามเจ้าก็แล้วกัน แต่ถ้าเกิดว่าเจ้าอ่อนแอกว่าข้าเมื่อไหร่ เมื่อนั้นเจ้าก็ไม่ครู่ควรให้ข้าติดตามอีกต่อไป”
“อืม เราไปกันเถอะ” โบเวนพยักหน้าให้โจชัว ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนี้ แต่ก่อนไปเขายังหันไปบอกกับนายทหารชุดเกาะ “ฝากพาสองคนนั้นไปส่งที่ป้อมปราการตะวันออกด้วย”
“ขอรับ”
“เฮ้ยเดี๋ยวสิ ตกลงในช่วงที่ข้าถูกจับตัวไปมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” วิลเลียมตะโกนถาม ที่จริงแล้วหลังจากตามล่ากองโจรเพื่อทำภารกิจเลื่อนระดับ และถุกจับตัวขัง พวกเขาก็แทบไม่ได้รับข่าวสารจากภายนอกอีกเลย ทำให้ตอนนี้แทบไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เจ้าจะรู้เมื่อไปที่ป้อมปราการตะวันออก” โบเวนไม่สนใจทั้งสองอีก เดินออกไปจากตรงนี้ทันที โจชัวเองก็เดินรีบตามโบเวนไปด้วยเช่นกัน
...
ณ โรงตีเหล็กของป้อมปราการตะวันออก
ด้านหน้าเตาหลอมอาวุธ กายเริ่มลงมือหลอมชิ้นส่วนพร้อมกับปรับใช้เทคนิคแบบเดียวกับที่ใช้หลอมค้อนหลอมอัคคี แต่มันก็ไม่ได้ราบรื่นมากนัก ซึ่งมีหลายครั้งเกือบทำให้ชิ้นส่วนที่หลอมนั้นเสียหาย แต่สุดท้ายแล้วก่ยก็ลงมือทำมันจนสำเร็จ โดยมีอาร์เดลคอยช่วยอีกแรงอยู่ด้านข้าง
กายและอาร์เดลมองไปที่ชิ้นส่วนขนาดเท่าฝ่ามือที่ใช้เวลาสร้างถึง 4 ชั่วโมง
“ดูแล้วประสบการณ์การหลอมอาวุธของเจ้าจะไม่มากนัก แต่ก็ยังดีที่ทำได้สำเร็จ” อาร์เดลมองกายออกอย่างชัดเจน
ซึ่งกายก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ เพราะประสบการณ์ในการหลอมอาวุธของเขานั้นน้อยจริง ๆ ถ้าจะให้พูดมันน้อยซะยิ่งกว่าพวกช่างโลหะทั่วไปปกติเสีย แต่ก็จะโทษเขาไม่ได้ เพราะเขาต้องเดินทางไปทำนู่นทำนี่บ่อยมาก แม้แต่ร้านไร้ขอบเขตของตนเองก็ยังต้องทิ้งให้คนอื่นดูแล
“เจ้าจะต่อเลยไหม” กายปาดเหงื่อบนใบหน้าออก ก่อนจะมองอาร์เดล
“แน่นอน เจ้าควรถอยไปหน่อย” อาร์เดลกล่าว ก่อนจะหยิบชิ้นส่วนขึ้นมาวางลงบนโต๊ะโลหะเบื้องหน้า เธอหยิบบางสิ่งออกมานั้นก็คือเหรียญตรากักเก็บจิตวิญญาณ
ในที่สุดเราก็จะได้เห็นวิธีการในการผนึกจิตวิญญาณลงในอาวุธของช่างโลหะแล้ว
กายมองทุกการกระทำของอาร์เดลอย่างไม่ละสายตา แม้เขาจะมีฐานะเป็น อาร์จารช่างโลหะเหมือนกับเธอ แต่เขาก็ไม่เคยผลึกจิตวิญญาณลงในอาวุธแม้แต่ครั้งเดียว
เฮ้อ...
กายถอนหายใจกับคำว่าอาจารย์ช่างโลหะของเขาซะจริง ๆ จนคิดอยากจะคืนเข็มกลัดให้กับอาร์เดล แต่แน่นอนว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเธอคงไม่รับแน่นอน แม้เขาอยากจะคืนจริง ๆ
เขารีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป ก่อนจะหันมาสนใจเบื้องหน้าอีกครั้ง
อาร์เดลที่ตอนนี้ได้ยื่นเหรียญตรากักเก็บจิตวิญญาณไปตรงหน้าก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติว่า “ปลดปล่อยจิตวิญญาณ”
ทันใดนั้นจิตวิญญาณที่ถูกกักเก็บอยู่ในเหรียญตรากักเก็บจิตวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาเป็นคลื่นเปลวไฟอย่างรุนแรง
นี่นะเหรอจิตวิญญาณอัคคีระดับทองแดงขั้นกลาง เปลวไฟที่จิตวิญญาณอัคคีปล่อยออกมานั้นหร้อนมากจนแม้แต่กายที่คุ้นเคยกับความร้อนอยู่แล้วก็ยังต้องถอยหลังไปหลายก้าว
“ปกติแล้วหน้าไม้ยักษ์ดับตะวันจะใช้จิตวิญญาณอัคคีขั้นต่ำ แต่ถ้าต้องการดัดแปลงพิมพ์เขียวและให้ผลที่มีประสิทธิภาพขึ้นก็ควรจะใช้จิตวิญญาณอัคคีระดับทองแดงขั้นกลาง” อาร์เดลหันมาอธิบายให้กับกายฟัง
“เฮ้ ๆ ช่วยมีสมาธิหน่อยมันจะหนีแล้ว” กายชี้ไปทางจิตวิญญาณอัคคีด้านหน้า
แม้จิตวิญญาณธาตุจะเป็นจิตวิญญาณไร้สติปัญญา แต่มันก็ยังทำตามสัญชาตญาณได้อยู่นั้นคือการหนี
จิตวิญญาณอัคคีระดับทองแดงขั้นกลางดวงนี้มีลักษณะเหมือนกับกลุ่มก้อนเปลวเพลิงขนาดเท่าลูกบอล มันกำลังพุ่งไปที่เตาหลอมอาวุธ เพื่อตรงไปที่ท่อที่เชื่อมกับจิตวิญญาณอัคคีดวงอื่น เพื่อหมายจะหนี
แต่ในตอนนั้นเองอาร์เดลที่หันกลับมาเพราะคำเตือนของกาย ก็แสยะยิ้มออกมาอย่างดูถูก ก่อนจะคว้าเอาค้อนของตนเองออกมาจากนั้นก็ทุบลงไปที่จิตวิญญาณพร้อมกับใช้เทคนิคลับผนึกจิตวิญญาณของตน
ปัง!
ฉากที่ไม่น่าเชื่อปรากฏสู้สายตาของกาย เพราะค้อนที่ทุบลงไปนั้นกับทำให้จิตวิญญาณอัคคีนั้นโจมตีโดนตัวของมัน ทั้งที่จริงแล้วจิตวิญญาณนั้นไร้กายเนื้อ ทำให้ยากจะรับมือ
“ดูซะนี่คือเทถนิคลับของข้า ถ้าเจ้าอยากจะแลกเทคนิคย่อยของเจ้าก็บอกข้าได้เลย”
“เทคนิคลับวายุไหลวน” ค้อนของอาร์เดลซัดเข้าใส่อากาศที่ว่างเปล่าก่อนจะหมุนวนรอบจิตวิญญาณอัคคีจากนั้นก็ล้อมมันไว้ตรงกลางทำให้มันไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก
อาร์เดลจัดการต่อในทันทีค้อนในมือของเธอทุบลงไปห่างจากจิตวิญญาณอัคคี แต่ไม่ได้โดนตัวมันโดยตรง ถึงอย่างนั้นก็มีแรงลมจำนวนมหาศาลผลักให้จิตวิญญาณอัคคีลอยไปที่ชิ้นส่วนบนโต๊ะโลหะ
ปัง! ปัง! ปัง!
เธอกระหน่ำทุบลงไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสายลมที่พัดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่จิตวิญญาณอัคคีจะจมลงหายไปในชิ้นส่วนบนโต๊ะโลหะ ชิ้นส่วนลอยขึ้นพร้อมปลดปล่อยเปลวไฟออกมา ราวกับว่ามันจะระเบิดให้ได้ซะอย่างนั้น
“หืม เหลือเชื่อ เป็นเพราะเทคนิคในการสร้างชิ้นส่วนนี้ทำให้พอจิตวิญญาณถูกผลึกลงไปกับกลายเป็นว่ามันแข็งแกร่งขึ้น” อาร์เดลขมวดคิ้วเข้าหากัน ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ยอมแพ้ใช้ค้อนในมือทุบลงไปตรง ๆ จนชิ้นส่วนโลหะนั้นพุ่งลงไปตามแรงปะทะ ตกกระแทกกับโต๊ะเหล็กและนิ่งไปทันที