ตอนที่แล้วระบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 92 ดันเจี้ยนที่หายสาบสูญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 94 ต้องมีชีวิตรอด

ระบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 93 ฉันจะไม่สิ้นหวัง(ฟรี)


“ฉันอยู่นี่ อย่าเพิ่งหมดหวัง” วาเรี้ยนวัยเด็กพูดในขณะที่ปกป้องเซียที่อยู่ข้างหลังเขา

ข้างหน้าพวกเขามีตั๊กแตนตำข้าวขนาดใหญ่ มันไม่ใช่สัตว์เวทมนตร์แต่เป็นมอนเตอร์ระดับ 0

มีสัตว์ที่กลายพันธุ์เนื่องจากออร่าอยู่ แต่ไม่แข็งแกร่งพอที่จะไปถึงระดับ 1

มอนสเตอร์ดังกล่าวมีระดับ 0

วาเรี้ยนวัยเด็กและเซียกำลังเผชิญหน้ากับมันอยู่

ตอนนั้นทั้งคู่ดูจะอายุราวๆ 14 ปี

ร่างกายของวาเรี้ยนวัยเด็ก ได้รับการขัดเกลา แสดงให้เห็นว่าเขาผ่านการฝึกฝนที่ยากลำบากมา ถุงมือที่เขาสวมไม่ใช่สมบัติดวงดาวและมีรอยขีดข่วนมากมายเต็มไปหมด

เซียถือดาบสีดำ มือของเธอสั่นและมีน้ำตาไหลออกมา

มีบาดแผลลากยาวอยู่บนมือของเธอ ความเจ็บปวดทำให้เธอร้องไห้ออกมาและเธอก็พยายามหยุดน้ำตาของเธอ

"เซีย" เสียงของเขาดังขึ้น

เธอมองดูแผ่นหลังของเขาและหยุดสั่น

เสื้อของเขาขาดหว่อน มีบาดแผลที่มือและหลังของเขาหลายแผล อย่างไรก็ตามเขายืนตัวตรงและเหลือบมองไปยังคู่ต่อสู้ด้วยสายตาที่แน่วแน่

“ฉันไม่เคยฆ่าสัตว์เลย ฉันคิดว่าการฆ่านั้นไม่ดี แต่...” เขามองดูตั๊กแตนที่อยู่ข้างหน้าเขาและกำหมัดแน่น

"เพื่อปกป้องสิ่งที่สำคัญกว่า ฉันยอมที่จะเสียบางสิ่งไปได้" เขาพูดและพุ่งไปที่ตั๊กแตน

ฟึ้บ!

ตั๊กแตนตำข้าวยกใบของมันมีดขึ้น

"มาเลย" วาเรี้ยนพุ่งไปถึงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่และยกมือขึ้นเพื่อโจมตี

หวด!

ใบมีดตัดผ่านอากาศและเล็งไปที่คอของวาเรี้ยน

เขาหลบและเขาก็กระโดดขึ้น

"ตาย!"

เขาเหวี่ยงหมัดออกอย่างสุดกำลัง และถุงมือก็กระแทกเข้าที่หัวของตั๊กแตนตำข้าวอย่างจัง

ตู้ม

“สวบๆ!” (เสียงตั๊กแตนร้อง) (มั้งนะไม่เคยได้ยินเหมือนกัน5555)

ตั๊กแตนตำข้าวเดินโซเซและกรีดร้อง หัวของมันได้รับบาดเจ็บแต่มันยังไม่ตาย อย่างไรก็ตามหมัดของมันคงไปกระทบส่วนสมองของมันทำให้มันล้มลง

วาเรี้ยนทรุดตัวลงบนพื้นและหอบ

เขาเหยียดแขนและพึมพำ "เพื่อปกป้องสิ่งที่สำคัญ ต่อให้ฉันต้องฆ่าใครฉันก็จะทำ"

วาเรี้ยนตอนปัจจุบันมองทุกอย่างรอบตัวและสับสน

'นี่คือการฆ่าครั้งแรกของฉัน?'

'เกิดอะไรขึ้นกับความทรงจำของฉัน...'

เขามองดูไปที่เซีย

ผมสีทองของเธอเปื้อนฝุ่นและเธอมีรอยฟกช้ำมากมายที่แขนและขาของเธอ

'เธอก็คงต่อสู้ด้วยเช่นกัน'

“เซียหลับตาก่อนแปปนึงได้ไหม” วาเรี้ยนวัยเด็กพูด

"มะ..ไม่. ฉัน ฉันจะไม่ถอยกลับตอนนี้ ตอนนี้ฉันต้องการช่วยเธอตะ..ต่อสู้" เซียตัวสั่นและเดินไปหาเขา

ดวงตาของเธอมองไปที่ตั๊กแตนตำข้าวที่กำลังอ่อนแอ

วาเรี้ยนวัยเด็กเหลือบมองที่บาดแผลของเธอครู่หนึ่งแล้วหันกลับมาที่ตั๊กแตนตำข้าวที่ทรุดอยู่กับพื้น

"งั้นไม่เป็นอะไร" เขายิ้มให้เธอ

"เย้!" ริมฝีปากของเซียขดตัวขึ้น

“งั้นเรามาฆ่ามันด้วยกันเถอะ” เขาพูด

“เอ๊ะ?!” เซียเดินโซเซถอยไปและเอามือปิดปากของเธอ

เมื่อมองดูหัวของสัตว์ประหลาดที่พิลึกพิลันและเลือดของมันไหลลงมาจากบาดแผล เธอรู้สึกอยากจะอ้วก

"มะ-ไม่อะ--เอา" หัวของเธอส่ายไปมารัวๆ

วาเรี้ยนวัยเด็กถอนหายใจกับการแสดงออกของเธอ “เราแค่กำลังหาสถานที่ฝึกและเจอมันเท่านั้นเอง”

เขาเดินไปหาตั๊กแตนตำข้าวและพูดต่อ “วันหนึ่งเราต้องเผชิญกับอะบิซอล ฉันคิดเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา พวกเราจำเป็นต้องฆ๋าสิ่งมีชีวิตบางตัวเพื่อให้อยู่รอด”

จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่บาดแผลที่แขนของเธอแล้วพูดว่า “โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันทำร้ายเธอ”

เขายกกำปั้นขึ้นและ—

ปัง

กระทืบ!

หัวตั๊กแตนตำข้าวถูกบดจนเละ

เซียเห็นหัวมันถูกกระทืบจนเละและเลือดของมันก็กระเด็นไปทั่ว

"อ้วกกกก!" เธออ้วกออกมาอย่างไม่ยอมหยุด

เธอพยายามลืมฉากที่เห็นแต่เธอทำไม่ได้ มันถูกตราตรึงในใจเธอและทำให้เธอขยับตัวไม่ได้

'อ้วกออกมาเพื่อที่จะได้รู้สึกสบายตัวขึ้น เด็กทุกคนที่เห็นฉากนี้ก็คงต้องทำแบบนี้กันทั้งนั้น' แม้ว่าเขาเกือบจะตายเมื่อสักครู่นี้ วาเรี้ยนกลับรู้สึกโล่งใจเมื่อได้เห็นฉากนั้น

หลังจากที่เขากระทืบมันเสร็จ

"อ้วกกก"

วาเรี้ยนวัยเด็กก็อ้วกด้วยเหมือนกัน

เซียไม่สามารถอ้วกออกมาได้อีกและเธอมองไปที่วาเรี้ยนและเห็นว่าเขาก็พึ่งอ้วกเสร็จเหมือนกัน

หลังจากทำความสะอาดตัวเองแล้ว พวกเขาก็เดินออกจากโกดังร้าง

“ฉันก็ทำเหมือนเธอนะ” จู่ๆวาเรี้ยนก็พูดขึ้น

“ทำอะไรหรอ?” เซียเหลือบมองเขาและปิดปากของเธอ

"อ้วกไง ฮ่าฮ๋า" วาเรี้ยนวัยเด็กยกมือขึ้นและพูดทำนองว่านี่เป็นเรื่องปกติ

"พรื้ดด" เซียหัวเราะและพูดว่า "ฮ่าฮ่า ฉันขอบคุณเธอมากที่อ้วกเป็นเพื่อนฉัน"

"ไม่เป็นไร" วาเรี้ยนวัยเด็กพยักหน้าด้วยใบหน้าที่จริงจัง

“ฮ่าๆๆๆ” แล้วทั้งสองก็หัวเราะพร้อมกัน

เมื่อพวกเขาออกจากพื้นที่ตรงนั้น เสียงหัวเราะของพวกเขาก็ลดลง

เซียมองดูอาการบาดเจ็บของเธอและเห็นอาการบาดเจ็บของเขา แล้วเธอก็ขมวดคิ้วถาม “ทำไมเธอถึงไม่กลัวหรอ?”

วาเรี้ยนวัยเด็กมองเธออย่างสับสน "ฉันก็ต้องกลัวอยู่แล้วสิ"

“แต่ฉันไม่ได้ตะโกนออกมาว่ากลัว”

"แต่ฉันตะโกนอยู่ภายในใจแทน"

เซียเหลือบมองที่เท้าของเธอและพูดว่า “ฉันไม่ชอบความเจ็บปวด มันเจ็บ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองอ่อนแอและเป็นตัวถ่วงของเธอ”

วาเรี้ยนวัยเด็กหยุดเดินและเซียก็หยุดเหมือนกัน พวกเขามองหน้ากัน

เขาตบเธอและพูดว่า "ฉันก็ร้องไห้หลายครั้งเพราะความเจ็บปวด ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวหรอกที่ร้องไห้"

เขาชี้ไปที่บาดแผลบนร่างกายของเขาและยิ้ม “บาดแผลพวกนี้เจ็บจนอยากตายเลยหล่ะ โดยเฉพาะอันที่แทบจะผ่าอกฉันออกอันนี้”

"แต่การฝึกของฉันเจ็บยิ่งกว่านี้อีก ฮ่าฮ่า" เขาหัวเราะดังลั่น

เซียกลอกตาไปมาไปที่เขา

'บอกตามตรงฉันว่าฉันก็เป็นคนบ้าคนนึงเลยแหละ' วาเรี้ยนส่ายหน้าไปมาแต่เขาปฏิเสธการมองโลกในแง่ดีไม่ได้

วาเรี้ยนจับมือเธอและเดินต่อไป

“เฮ้ เป็นอะไรหรอ” วาเรี้ยนถาม

“ทำไม..เธอยังสั่นอยู่” วาเรี้ยนวัยเด็กชี้ไปที่ร่างกายที่สั่นของเธอ เธอยังไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้

เซียหน้าแดงและส่ายหัว

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่หวังว่าสักวันเธอจะเป็นผู้ปลุกพลังที่กล้าหาญและต่อสู้ไปพร้อมกับฉัน” เธอหัวเราะ

ใบหน้าของเซียก็สดใสขึ้น

"ฉันจะทำให้ดีที่สุดแล้วกันนะ"

“แล้วก็หยุดสั่นได้แล้ว” เขาพูด

"ขอโทษที" เซียมองเขาด้วยสายตาขอโทษ

"ไม่เห็นต้องขอโทษเลย มีอะไรหรือเปล่า" วาเรี้ยนวัยเด็กพูด

"ม-ไม่มีอะไรหรอก"

'....'

“ฉันคงไม่มีวันเป็นแบบเธอได้หรอก” เธอกระซิบข้างหูของวาเรี้ยน

"เธอจะบ้าหรือไง!" วาเรี้ยนวัยเด็กส่ายหัวและพูดว่า

"อย่าสิ้นหวัง พูดสิ 'ฉันจะไม่สิ้นหวัง'"

"ฉันจะไม่สิ้นหวัง"

และพวกเขาสองคนก็เดินไปไกลจนวาเรี้ยนไม่สามารถเห็นพวกเขาสองคนได้อีก และวาเรี้ยนพบว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับหนูที่กำลังบ้าคลั่งอยู่

คราวนี้ดวงตาของเขามีอย่างอื่นที่ไม่ใช่ความสิ้นหวังอยู่เต็มเปี่ยม

"ฉันจะไม่สิ้นหวัง"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด