ระบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 93 ฉันจะไม่สิ้นหวัง(ฟรี)
“ฉันอยู่นี่ อย่าเพิ่งหมดหวัง” วาเรี้ยนวัยเด็กพูดในขณะที่ปกป้องเซียที่อยู่ข้างหลังเขา
ข้างหน้าพวกเขามีตั๊กแตนตำข้าวขนาดใหญ่ มันไม่ใช่สัตว์เวทมนตร์แต่เป็นมอนเตอร์ระดับ 0
มีสัตว์ที่กลายพันธุ์เนื่องจากออร่าอยู่ แต่ไม่แข็งแกร่งพอที่จะไปถึงระดับ 1
มอนสเตอร์ดังกล่าวมีระดับ 0
วาเรี้ยนวัยเด็กและเซียกำลังเผชิญหน้ากับมันอยู่
ตอนนั้นทั้งคู่ดูจะอายุราวๆ 14 ปี
ร่างกายของวาเรี้ยนวัยเด็ก ได้รับการขัดเกลา แสดงให้เห็นว่าเขาผ่านการฝึกฝนที่ยากลำบากมา ถุงมือที่เขาสวมไม่ใช่สมบัติดวงดาวและมีรอยขีดข่วนมากมายเต็มไปหมด
เซียถือดาบสีดำ มือของเธอสั่นและมีน้ำตาไหลออกมา
มีบาดแผลลากยาวอยู่บนมือของเธอ ความเจ็บปวดทำให้เธอร้องไห้ออกมาและเธอก็พยายามหยุดน้ำตาของเธอ
"เซีย" เสียงของเขาดังขึ้น
เธอมองดูแผ่นหลังของเขาและหยุดสั่น
เสื้อของเขาขาดหว่อน มีบาดแผลที่มือและหลังของเขาหลายแผล อย่างไรก็ตามเขายืนตัวตรงและเหลือบมองไปยังคู่ต่อสู้ด้วยสายตาที่แน่วแน่
“ฉันไม่เคยฆ่าสัตว์เลย ฉันคิดว่าการฆ่านั้นไม่ดี แต่...” เขามองดูตั๊กแตนที่อยู่ข้างหน้าเขาและกำหมัดแน่น
"เพื่อปกป้องสิ่งที่สำคัญกว่า ฉันยอมที่จะเสียบางสิ่งไปได้" เขาพูดและพุ่งไปที่ตั๊กแตน
ฟึ้บ!
ตั๊กแตนตำข้าวยกใบของมันมีดขึ้น
"มาเลย" วาเรี้ยนพุ่งไปถึงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่และยกมือขึ้นเพื่อโจมตี
หวด!
ใบมีดตัดผ่านอากาศและเล็งไปที่คอของวาเรี้ยน
เขาหลบและเขาก็กระโดดขึ้น
"ตาย!"
เขาเหวี่ยงหมัดออกอย่างสุดกำลัง และถุงมือก็กระแทกเข้าที่หัวของตั๊กแตนตำข้าวอย่างจัง
ตู้ม
“สวบๆ!” (เสียงตั๊กแตนร้อง) (มั้งนะไม่เคยได้ยินเหมือนกัน5555)
ตั๊กแตนตำข้าวเดินโซเซและกรีดร้อง หัวของมันได้รับบาดเจ็บแต่มันยังไม่ตาย อย่างไรก็ตามหมัดของมันคงไปกระทบส่วนสมองของมันทำให้มันล้มลง
วาเรี้ยนทรุดตัวลงบนพื้นและหอบ
เขาเหยียดแขนและพึมพำ "เพื่อปกป้องสิ่งที่สำคัญ ต่อให้ฉันต้องฆ่าใครฉันก็จะทำ"
วาเรี้ยนตอนปัจจุบันมองทุกอย่างรอบตัวและสับสน
'นี่คือการฆ่าครั้งแรกของฉัน?'
'เกิดอะไรขึ้นกับความทรงจำของฉัน...'
เขามองดูไปที่เซีย
ผมสีทองของเธอเปื้อนฝุ่นและเธอมีรอยฟกช้ำมากมายที่แขนและขาของเธอ
'เธอก็คงต่อสู้ด้วยเช่นกัน'
“เซียหลับตาก่อนแปปนึงได้ไหม” วาเรี้ยนวัยเด็กพูด
"มะ..ไม่. ฉัน ฉันจะไม่ถอยกลับตอนนี้ ตอนนี้ฉันต้องการช่วยเธอตะ..ต่อสู้" เซียตัวสั่นและเดินไปหาเขา
ดวงตาของเธอมองไปที่ตั๊กแตนตำข้าวที่กำลังอ่อนแอ
วาเรี้ยนวัยเด็กเหลือบมองที่บาดแผลของเธอครู่หนึ่งแล้วหันกลับมาที่ตั๊กแตนตำข้าวที่ทรุดอยู่กับพื้น
"งั้นไม่เป็นอะไร" เขายิ้มให้เธอ
"เย้!" ริมฝีปากของเซียขดตัวขึ้น
“งั้นเรามาฆ่ามันด้วยกันเถอะ” เขาพูด
“เอ๊ะ?!” เซียเดินโซเซถอยไปและเอามือปิดปากของเธอ
เมื่อมองดูหัวของสัตว์ประหลาดที่พิลึกพิลันและเลือดของมันไหลลงมาจากบาดแผล เธอรู้สึกอยากจะอ้วก
"มะ-ไม่อะ--เอา" หัวของเธอส่ายไปมารัวๆ
วาเรี้ยนวัยเด็กถอนหายใจกับการแสดงออกของเธอ “เราแค่กำลังหาสถานที่ฝึกและเจอมันเท่านั้นเอง”
เขาเดินไปหาตั๊กแตนตำข้าวและพูดต่อ “วันหนึ่งเราต้องเผชิญกับอะบิซอล ฉันคิดเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา พวกเราจำเป็นต้องฆ๋าสิ่งมีชีวิตบางตัวเพื่อให้อยู่รอด”
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่บาดแผลที่แขนของเธอแล้วพูดว่า “โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันทำร้ายเธอ”
เขายกกำปั้นขึ้นและ—
ปัง
กระทืบ!
หัวตั๊กแตนตำข้าวถูกบดจนเละ
เซียเห็นหัวมันถูกกระทืบจนเละและเลือดของมันก็กระเด็นไปทั่ว
"อ้วกกกก!" เธออ้วกออกมาอย่างไม่ยอมหยุด
เธอพยายามลืมฉากที่เห็นแต่เธอทำไม่ได้ มันถูกตราตรึงในใจเธอและทำให้เธอขยับตัวไม่ได้
'อ้วกออกมาเพื่อที่จะได้รู้สึกสบายตัวขึ้น เด็กทุกคนที่เห็นฉากนี้ก็คงต้องทำแบบนี้กันทั้งนั้น' แม้ว่าเขาเกือบจะตายเมื่อสักครู่นี้ วาเรี้ยนกลับรู้สึกโล่งใจเมื่อได้เห็นฉากนั้น
หลังจากที่เขากระทืบมันเสร็จ
"อ้วกกก"
วาเรี้ยนวัยเด็กก็อ้วกด้วยเหมือนกัน
เซียไม่สามารถอ้วกออกมาได้อีกและเธอมองไปที่วาเรี้ยนและเห็นว่าเขาก็พึ่งอ้วกเสร็จเหมือนกัน
หลังจากทำความสะอาดตัวเองแล้ว พวกเขาก็เดินออกจากโกดังร้าง
“ฉันก็ทำเหมือนเธอนะ” จู่ๆวาเรี้ยนก็พูดขึ้น
“ทำอะไรหรอ?” เซียเหลือบมองเขาและปิดปากของเธอ
"อ้วกไง ฮ่าฮ๋า" วาเรี้ยนวัยเด็กยกมือขึ้นและพูดทำนองว่านี่เป็นเรื่องปกติ
"พรื้ดด" เซียหัวเราะและพูดว่า "ฮ่าฮ่า ฉันขอบคุณเธอมากที่อ้วกเป็นเพื่อนฉัน"
"ไม่เป็นไร" วาเรี้ยนวัยเด็กพยักหน้าด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“ฮ่าๆๆๆ” แล้วทั้งสองก็หัวเราะพร้อมกัน
เมื่อพวกเขาออกจากพื้นที่ตรงนั้น เสียงหัวเราะของพวกเขาก็ลดลง
เซียมองดูอาการบาดเจ็บของเธอและเห็นอาการบาดเจ็บของเขา แล้วเธอก็ขมวดคิ้วถาม “ทำไมเธอถึงไม่กลัวหรอ?”
วาเรี้ยนวัยเด็กมองเธออย่างสับสน "ฉันก็ต้องกลัวอยู่แล้วสิ"
“แต่ฉันไม่ได้ตะโกนออกมาว่ากลัว”
"แต่ฉันตะโกนอยู่ภายในใจแทน"
เซียเหลือบมองที่เท้าของเธอและพูดว่า “ฉันไม่ชอบความเจ็บปวด มันเจ็บ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองอ่อนแอและเป็นตัวถ่วงของเธอ”
วาเรี้ยนวัยเด็กหยุดเดินและเซียก็หยุดเหมือนกัน พวกเขามองหน้ากัน
เขาตบเธอและพูดว่า "ฉันก็ร้องไห้หลายครั้งเพราะความเจ็บปวด ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวหรอกที่ร้องไห้"
เขาชี้ไปที่บาดแผลบนร่างกายของเขาและยิ้ม “บาดแผลพวกนี้เจ็บจนอยากตายเลยหล่ะ โดยเฉพาะอันที่แทบจะผ่าอกฉันออกอันนี้”
"แต่การฝึกของฉันเจ็บยิ่งกว่านี้อีก ฮ่าฮ่า" เขาหัวเราะดังลั่น
เซียกลอกตาไปมาไปที่เขา
'บอกตามตรงฉันว่าฉันก็เป็นคนบ้าคนนึงเลยแหละ' วาเรี้ยนส่ายหน้าไปมาแต่เขาปฏิเสธการมองโลกในแง่ดีไม่ได้
วาเรี้ยนจับมือเธอและเดินต่อไป
“เฮ้ เป็นอะไรหรอ” วาเรี้ยนถาม
“ทำไม..เธอยังสั่นอยู่” วาเรี้ยนวัยเด็กชี้ไปที่ร่างกายที่สั่นของเธอ เธอยังไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้
เซียหน้าแดงและส่ายหัว
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่หวังว่าสักวันเธอจะเป็นผู้ปลุกพลังที่กล้าหาญและต่อสู้ไปพร้อมกับฉัน” เธอหัวเราะ
ใบหน้าของเซียก็สดใสขึ้น
"ฉันจะทำให้ดีที่สุดแล้วกันนะ"
“แล้วก็หยุดสั่นได้แล้ว” เขาพูด
"ขอโทษที" เซียมองเขาด้วยสายตาขอโทษ
"ไม่เห็นต้องขอโทษเลย มีอะไรหรือเปล่า" วาเรี้ยนวัยเด็กพูด
"ม-ไม่มีอะไรหรอก"
'....'
“ฉันคงไม่มีวันเป็นแบบเธอได้หรอก” เธอกระซิบข้างหูของวาเรี้ยน
"เธอจะบ้าหรือไง!" วาเรี้ยนวัยเด็กส่ายหัวและพูดว่า
"อย่าสิ้นหวัง พูดสิ 'ฉันจะไม่สิ้นหวัง'"
"ฉันจะไม่สิ้นหวัง"
และพวกเขาสองคนก็เดินไปไกลจนวาเรี้ยนไม่สามารถเห็นพวกเขาสองคนได้อีก และวาเรี้ยนพบว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับหนูที่กำลังบ้าคลั่งอยู่
คราวนี้ดวงตาของเขามีอย่างอื่นที่ไม่ใช่ความสิ้นหวังอยู่เต็มเปี่ยม
"ฉันจะไม่สิ้นหวัง"