MDB ตอนที่ 50 อุบาย
เมื่อหลินจินกลับมาที่สมาคมประเมินสัตว์วิเศษ จ้าวหยิงกับหลู่เสี่ยวหยุนได้ส่งทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของหลู่ปาให้เขา
นี่คือ 'การบ้าน' ที่หลินจินทิ้งไว้ให้พวกเธอ
หลังจากอ่านจบ หลินจินก็พยักหน้าเห็นด้วย มันดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยพวกเขาก็ได้เริ่มเคลื่อนไปในทิศทางที่ถูกต้อง ทั้ง ๆ ที่ยังคงแบบดั้งเดิมเอาไว้ โดยเฉพาะ จ้าวหยิง ความรู้พื้นฐานของเธอแข็งแกร่งแต่เธอขาดความกล้าที่จะคิดนอกกรอบ หลู่เสี่ยวหยุนเก่งกว่าในด้านนี้แต่บางครั้งความคิดของเธอก็ดูห่างไกลจากความเป็นจริงไปเล็กน้อย
“ข้าคิดว่านี่เป็นการปรับปรุง ข้าจะให้ทฤษฎีวิวัฒนาการและวิธีการของหลู่ปาแก่พวกเธอ จงดูมันและข้าคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์ในฐานะข้อมูลอ้างอิง”
เมื่อกล่าวจบ หลินจินก็ส่งรายงานการประเมินที่เขาเขียนไว้บางส่วนก่อนหน้านี้ เขาประทับตราของเขาแล้วมอบให้กับสาว ๆ
พวกเธอหัวหมุนตลอดเช้า โดยเขียนสิ่งที่สมเหตุสมผลและไร้เหตุผลลงไปแต่เมื่อพวกเขาอ่านวิธีวิวัฒนาการของหลินจิน พวกเธอก็ตกตะลึงไปทั่วร่าง
ทฤษฎีของผู้ประเมินหลินเป็นแนวคิดที่แปลกใหม่ แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เข้าใจยากเลย พวกมันได้รับการสนับสนุนอย่างแน่นหนาด้วยความรู้พื้นฐานที่แน่นหนา ทุกขั้นตอน ทุกความเป็นไปได้ แม้แต่การใช้ยา หินวิญญาณและทักษะในการกระตุ้นให้แสดงสัญญาณวิวัฒนาการถูกเขียนลงรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน วิธีเหล่านี้สามารถใช้เป็นแบบอย่างได้และสามารถใช้เป็นหนังสือเรียนได้ด้วยซ้ำ
“ข้าไม่คิดว่าเราจะทำได้!”
“ผู้ประเมินหลินมีความรู้ที่ลึกซึ้งมาก เรื่องหยินหยางและพลังของธาตุทั้งห้า แนวคิดเหล่านี้ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
“และใครจะรู้ว่าความรู้ทางการแพทย์จะมีความสำคัญขนาดนี้? ไม่น่าแปลกใจที่ทฤษฎีการแพทย์เป็นวิชาบังคับเมื่อเราเรียนในโรงเรียนประเมินสัตว์วิเศษ น่าเสียดายที่ตอนนั้นข้าไม่ได้ศึกษาพวกมันอย่างเต็มที่”
จ้าวหยิงและหลู่เสี่ยวหยุนเริ่มหมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าโดยไม่สนใจรอบข้างอีกครั้ง
สายตาของหญิงสาวสวยสองคนที่จดจ่ออยู่กับสื่อการเรียนรู้ที่เขาจัดหาให้นั้นเป็นมุมมองที่น่าพึงพอใจสำหรับหลินจิน
ทันใดนั้นมีคนจากข้างนอกร้องออกมา “ที่นี่คือห้องประเมินของผู้ประเมินหลินใช่หรือไม่?”
ชายคนหนึ่งแต่งตัวเป็นคนงานก่อสร้างเข้ามาพร้อมกับสัตว์เลี้ยง เขาถือป้ายทะเบียนของหลินจินมาที่นี่เพื่อขอคำปรึกษา
“ในที่สุดก็มีลูกค้าเข้ามา!” หลินจินนั่งลงเพื่อบริการลูกค้าทันที
ข่าวของหลินจินที่ประสบความสำเร็จในการรักษากระทิงแก่ของคนงานก่อสร้างก่อนหน้านี้ มันได้แพร่กระจายเหมือนไฟป่า ในชุมชนคนงานก่อสร้างในท้องถิ่น คนอย่างพวกเขา ถึงจะทำงานหนักก็ไม่สามารถปรึกษาผู้ประเมินคนอื่นได้ แม้ว่าพวกเขาจะทำได้ พวกเขาก็ต้องต่อคิวยาวกว่าครึ่งวัน เมื่อพวกเขาพบว่าผู้ประเมินหลินไม่ได้เลวร้ายอย่างที่มีข่าวลือออกมา บรรดาผู้ที่ต้องการประเมินหรือคำปรึกษาด้านการรักษาก็เข้ามาหาบริการของเขาทันที
ผู้ชายคนนี้เป็นลูกค้ารายแรกของเขาในวันนี้
ด้วยเหตุนี้ คนงานอีกสองสามคนจึงมาถึงด้วยป้ายทะเบียนของหลินจิน ทำให้ห้องประเมินครั้งหนึ่งที่เคยเงียบงัน ตอนนี้กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันใด หลินจินที่ว่างจนเบื่อหน่ายก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยงานที่ล้นมือ
ผู้สัญจรไปมาบางคนเกิดความสงสัย ท้ายที่สุด 'ชื่อเสียงฉาวโฉ่' ของหลินจินจึงเป็นข้อมูลที่รู้จักกันดี พูดตรง ๆ ก็คือ แม้แต่บางคนที่ไม่เคยไปสมาคมประเมินสัตว์วิฌศษก็รู้ดีถึง 'ผู้ประเมินที่ไร้ประโยชน์' ซึ่งไม่คู่ควรกับตำแหน่งของเขา บางคนถึงกับมองว่าเขาเป็นตัวตลก
ตามธรรมชาติแล้ว คนเหล่านี้จะสงสัยว่าทำไมหลินจินซึ่งไม่มีใครสนใจเลยได้รับลูกค้าจำนวนมากในวันนี้
เมื่อถามไปรอบ ๆ ในที่สุดพวกเขาก็รู้เหตุผล
ไม่ใช่แค่คนงานก่อสร้างที่ช่วยหลินจินเคลียร์ความเข้าใจผิด ลูกค้าที่ร้านอาหารซิมโฟนีเพื่อดูหลินจินชิมอาหารก็บอกว่าหลินจินมีฝีมือจริง ๆ นอกจากนี้ยังมีผู้คนจากเมื่อวานที่ได้รับการทาบทามอย่างไร้ยางอายจากหลินจินให้ช่วยรักษาสัตว์ที่เลี้ยงของพวกเขา ผลกระทบเป็นไปในเชิงบวกอย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยคำบอกเล่าจากลูกค้าเหล่านี้ หลินจินกลายเป็นประเด็นร้อนไปทั่วเมืองในทันที แม้ว่าจำนวนผู้ขอใช้บริการของเขาจะไม่เพิ่มขึ้นแต่จำนวนผู้ชมก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อมีคนจากไปหลังจากประเมินสัตว์เลี้ยงแล้ว ผู้คนภายนอกจะรุมล้อมเขาเพื่อถามคำถาม
ท่ามกลางฝูงชนกลุ่มนี้มีภาพเงาอ้วนท้วม มีลวดลายของคลื่นตรงแขนเสื้อซึ่งบอกถึงการเป็นผู้ประเมินฝึกหัดในสมาคม เขาเดินเตร่อยู่นอกห้องปรึกษาของหลินจินมาระยะหนึ่งแล้วก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปข้างใน หลังจากที่ฝูงชนแยกย้ายกันไป
ทางด้านหลินจินรู้สึกปลาบปลื้มมากในวันนี้
แม้ว่าป้ายทะเบียนให้คำปรึกษาของเขาจะไม่เป็นที่ต้องการเหมือนอย่างหวังจีหรือเกาเจียง แต่อย่างน้อยธุรกิจก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน มันดีกว่าผู้ประเมินฝึกหัดที่ประสบความสำเร็จบางคนเช่นเจียเฉียนและจางเฮอที่รับคำปรึกษาด้วยเช่นกัน
นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
“เราต้องเดินทีละก้าว กินทีละคำ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ในที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็จะรู้ถึงความสามารถของฉัน” หลินจินค่อนข้างพอใจกับตัวเอง
ในช่วงเวลาเดียวกัน ผู้ประเมินฝึกหัดรูปร่างอ้วนท้วมก็เข้ามา
“ผู้ประเมินหลินขอรับ!” ผู้ชายคนนั้นโค้งคำนับทันทีเมื่อเห็นหลินจิน เขาแสดงความจริงใจอย่างยิ่ง
"เจ้าเป็นใคร?" หลินจินสามารถบอกได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ประเมินฝึกหัดของสมาคม อย่างไรก็ตาม มีผู้ประเมินฝึกหัดมากเกินไปในสมาคมนี้ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรู้จักพวกเขาทุกคน
ชายร่างท้วมยิ้มอย่างยิ้มแย้มขณะที่เขาพูด “ผู้ประเมินหลิน ข้าชื่อ ฮานดง ขอรับ ข้าเพิ่งเข้าร่วมกับสมาคมได้ไม่นาน ข้าได้ยินมาว่าผู้ประเมินหลินมีทักษะเป็นเลิศและมีบุคลิกอันสูงส่ง ดังนั้นข้าจึงอยากจะขอเป็นลูกศิษย์ท่านและเรียนรู้เกี่ยวกับการประเมินภายใต้การอบรมของท่าน”
หลินจินยิ้มอย่างยินดี
ในฐานะผู้ประเมินทางการ จำนวนลูกศิษย์ของเขาเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสามารถและประสิทธิภาพของเขาด้วย ก่อนหน้านี้ เขามีอยู่คนเดียวนั่นก็คือจางเฮอแต่เขากลับทรยศหลินจินและไปเข้าร่วมกับคนอื่นและทิ้งเขาไว้เบื้องหลัง
แม้ว่านี่เป็นความผิดของเจ้าของร่างเก่าแต่สำหรับหลินจินแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ยากจะรับได้เช่นกัน
หลังจากนั้น จ้าวหยิงและหลู่เสี่ยวหยุนมาขอเป็นศิษย์กับเขา พวกเขาถูกชักชวนโดยทักษะเฉพาะตัวของหลินจินแต่ฮานดงเป็นคนแรกที่เข้าหาหลินจินโดยที่ยังไม่ได้สัมผัสทักษะที่น่าทึ่งของเขาเลย
“เยี่ยม เยี่ยม เราไปทำเอกสารกันเถอะ!” หลินจินเป็นมิตรกับฮานดงมาก
ฮานดงกลับมึนงง “เออ แค่นี้หรือขอรับ? ผู้ประเมินหลิน ท่านไม่ต้องทดสอบทักษะของข้าก่อนงั้นหรือ?”
ภายในสมาคม บุคคลสำคัญเช่น หัวหน้าหวังและผู้ประเมินเกา พวกเขาต่างเข้มงวดอย่างมากในการยอมรับลูกศิษย์ พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น แต่ยังต้องผ่านการทดสอบหลายรอบอีกด้วย
การทดสอบเหล่านี้รวมถึงความรู้ในวิชาต่าง ๆ เช่น การแยกความแตกต่างของสัตว์วิเศษ ความเข้าใจพื้นฐานของสัตว์วิฌศษ ธาตุทั้งห้าและความรู้ทางการแพทย์ด้วย ท้ายที่สุด มีผู้ประเมินฝึกหัดมากเกินไปในสมาคมและไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าร่วมกับผู้ประเมินทางการเพื่อเรียนรู้จากพวกเขาได้ ตำแหน่งนี้ต้องได้รับจากการแข่งขันที่ดุเดือด
หลินจินโบกมือของเขา “นั่นไม่จำเป็นเลย ถ้าเจ้ารู้ทุกอย่าง เจ้าจะยังขอคำแนะนำจากข้าทำไมจริงมั้ย? ตั้งแต่เจ้ามาอยู่ที่นี่ ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะมีพื้นฐานมาแค่ไหน เพราะไม่ว่าอย่างไร การเรียนก็เป็นสิ่งที่ไม่มีสิ้นสุด”
นั่นเป็นคำตอบที่เปิดกว้างและมันแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของหลินจิน ในความสามารถของเขาในฐานะอาจารย์
แน่นอนว่าความมั่นใจของเขาเกิดจากการครอบครองพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ
ด้วยพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ อย่าว่าแต่ผู้ประเมินฝึกหัดเลย แม้แต่ชายชราอย่างหวังจีก็ควรค่าที่จะเรียนรู้จากมัน
ฮานดงได้เตรียมบางสิ่งไว้ล่วงหน้า เขามาด้วยเหตุผลบางอย่าง เขายังได้คิดหาวิธีที่จะขจัดความสงสัยของหลินจินที่มีต่อเขา แต่มันก็น่าประหลาดใจที่เขาดำเนินไปตามแผนไปอย่างราบรื่น นอกจากถามชื่อของเขา หลินจินก็ไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่มเติมอีก
'หืม เหมือนกับที่ทุกคนพูดเลย หลินจินไม่เก่งและโง่เง่า วันนี้ข้าได้เห็นกับตาแล้ว การไม่แยแสต่อทักษะของนักเรียนถือเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างใหญ่หลวง เขาไม่รู้หรือว่าในการประเมินทุกเดือน คะแนนของนักเรียนเกี่ยวข้องโดยตรงกับคะแนนการปฏิบัติงานของเขา’ ฮานดงรำพึง แน่นอนเขาไม่เคยพูดแบบนี้ออกมาดัง ๆ
เพราะเขาเป็น 'สายลับ' ที่ดงเฮอส่งมาที่นี่
การที่เขาเข้ามาขอเป็นศิษย์กับหลินจิน นั่นคือแผนการของดงเฮอเพื่อให้ฮานดงสามารถจับตาดูหลินจินได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ ฮานดงทราบดีว่าในไม่ช้าหลินจินจะถูกเพิกถอนใบรับรองผู้ประเมินทางการของเขา หากทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ในไม่ช้า หลินจินจะถูกไล่ออกจากสมาคม
ฮานดงแค่ต้องให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดในช่วงเวลานี้
เมื่องานของเขาเสร็จสิ้น ดงเฮอได้สัญญากับเขาว่าจะมีโอกาสเสนอชื่อของเขาเพื่อให้บริการให้คำปรึกษา สำหรับผู้ประเมินฝึกหัด นี่เป็นเวทีที่สำคัญอย่างเหลือเชื่อซึ่งอธิบายได้ว่าทำไมฮานดงถึงมาที่นี่