MDB ตอนที่ 49 แผนการของดงเฮอ
หลังจากที่นกอินทรีตัวใหญ่บินหนีไป หลินจินก็ปรากฏตัวขึ้นจากมุมหนึ่งในตรอกเล็ก ๆ
“เสี่ยวฮั่ว แกคิดว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร? เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะมีอินทรีขนาดใหญ่เช่นนี้ เขาต้องมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา” หลินจินพึมพำกับตัวเองขณะที่เสี่ยวฮัวยืนอยู่ข้างเจ้านายของเขาอย่างเงียบ ๆ
มันไม่สามารถพูดได้
“แกคิดว่าฉันค่อนข้างหัวโบราณเกินไปหรือเปล่า? อย่างน้อยฉันก็ควรจะได้ฟังการแนะนำของเขา ฉันอาจจะได้รับบุคคลที่มีอิทธิพลจากเขามาสนับสนุนฉัน” หลินจินพูดพึมพำต่อไป
“หวู่! หวู่!”
เสี่ยวฮั่วร้องโหยหวนซึ่งอาจเป็นการตอบสนองต่อคำพูดของเขา
"แกคิดอย่างนั้นด้วยหรือ? ผู้ชายคนนั้นอาจเป็นผู้ทรงเกียรติจากที่ไหนสักแห่งจริง ๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดาจริง ๆ เขามีสัตว์วิเศษระดับสูงและระดับพันธะสัญญาโลหิตของเขาอยู่ในอาณาจักรที่หก เขาสามารถถูกมองว่าเป็นปรมาจารย์ได้อย่างง่ายดาย มันคงจะดีถ้าเราไม่ยั่วยุคนอย่างเขาในตอนนี้ ฉันเดาว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือฉันมีพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ ไม่ว่าคนแบบไหนที่จะเข้ามาหาฉันในอนาคต พวกเขาไม่สามารถทำอะไรฉันได้”
หลินจินพึงพอใจกับตัวเอง เขาเดินนำเสี่ยวฮั่วที่สับสนมุ่งหน้ากลับไปที่สมาคมประเมินสัตว์วิเศษ
…
ที่แผนกพลาธิการของสมาคมประเมินสัตว์วิเศษ
เป็นเวลาสองวันแล้วที่ดงเฮอขังตัวเองอยู่ในห้องทำงานของเขา เขาไม่เต็มใจที่จะออกไปเจอใคร
การถูกพบในชุดวันเกิดแต่เช้าตรู่เมื่อวันก่อนเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากที่แม้แต่คุณยายของเขาก็ยังรู้สึกละอายใจ จนถึงตอนนี้ ดงเฮอไม่รู้ว่าทำไมนักฆ่าที่เขาจ้างมาจึงทรยศและโจมตีเขาแทน
เมื่อใดก็ตามที่เขานึกถึงสถานการณ์ที่น่าสลดที่ถูกฝูงชนมุงดู ดงเฮอจะสั่นเทาด้วยความโกรธและความอับอาย
*ตูม!*
ดงเฮอทุบหมัดอ้วนของเขาลงบนโต๊ะ “นักฆ่าเหล่านั้นหนีไปแล้วและหาไม่พบแต่เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับหลินจิน ข้าจะไม่ปล่อยให้มันนอนหลับอย่างสุขสบายเด็ดขาด!”
จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาในห้อง หลังจากเหลือบมอง ตาของดงเฮอก็พลันสว่างขึ้นทันทีและเขาก็รีบไป
“ท่านพี่ ท่านมาแล้ว!”
ผู้มาใหม่เป็นหญิงวัยกลางคนที่มีเสน่ห์ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับดงเฮอเล็กน้อย เธอเป็นพี่สาวของดงเฮอ ดงเฉว่
แม้จะมีรูปหน้าคล้ายกันแต่ดงเฉว่ก็มีรูปลักษณ์สูงตระหง่าน ด้วยการแสดงออกที่มืดมน เธอจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าข้าไม่กลับมา ชื่อเสียงของตระกูลดงคงถูกทำลายย่อยยับด้วยมือของเจ้าไปหมดแล้ว!”
ดงเฮอดูละอายใจแต่ภายในใจเขายังไม่ยอมรับ เขาได้แต่รำพึงในใจว่า ‘ท่านพี่ ท่านแต่งงานออกเรือนไปแล้ว ดังนั้นท่านจึงไม่สามารถเป็นตัวแทนของครอบครัวดงได้ ท่านไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้’
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีความกล้าที่จะพูดออกมาดัง ๆ
ดงเฮอสามารถอยู่ได้อย่างสบายภายในสมาคมประเมินสัตว์วิเศษและได้รับอำนาจเหนือแผนกพลาธิการเพราะพี่เขยของเขาเป็นหนึ่งในสามผู้อาวุโสของสมาคม หากไม่มีสายสัมพันธ์นี้ ดงเฮอจะไม่มีวันได้รับตำแหน่งที่ทำกำไรได้มหาศาลโดยใช้ความสามารถของเขาเพียงอย่างเดียว
ดงเฉว่ตรงไปที่นั่ง ส่วนดงเฮอยืนอยู่ข้าง ๆ เธออย่างเชื่อฟัง
“เจ้าโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแต่กลับถูกทุบตีและเปลือยกายอยู่บนข้างถนนได้อย่างไร? คายออกมา มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?” ดงเฉว่ถาม
ดงเฮอไม่มีทางเลือกนอกจากต้องบอกความจริงกับเธอเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“เจ้ากำลังบอกว่าเจ้าจ้างคนมาจัดการกับหลินจินแต่กลับถูกแทงข้างหลังแทน?” เห็นได้ชัดว่าดงเฉว่ตกตะลึง ในขณะที่เธอดูเหมือนจะมีความคิดอะไรบางอย่างอยู่ลึก ๆ
ดงเฮอพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดต่อ “ถูกต้อง ข้าพยายามครุ่นคิดแต่ก็ยังไม่เข้าใจ ทุกอย่างเป็นปกติในตอนแรก ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเข้าไปข้างใน บ้านของหลินจินก็ถูกไฟไหม้ ข้าคิดว่าพวกเขาทำเกินเลยจากคำสั่งของข้า ข้าจึงรีบไปหยุดพวกเขาแต่เมื่อพวกเขาเห็นข้า พวกเขาก็พุ่งเข้ามาและเริ่มทุบตีข้าโดยไม่ให้โอกาสข้าได้พูดอะไรสักคำ”
ดงเฉว่มีสีหน้าผิดหวัง “เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับหลินจิน เจ้าได้สอบปากคำเขาหรือยัง?”
ดงเฮอส่ายหัว เขารู้สึกละอายเกินกว่าจะออกจากห้องไปในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้
"เจ้าขยะ!" ดงเฉว่โกรธเคืองกับความไร้ประโยชน์ของเขา “พี่เขยของเจ้าเป็นถึงผู้อาวุโสของสมาคม ไม่มีใครสนใจหรอกว่าเจ้าจะทำให้ตัวเองอับอายอย่างไรแต่ชื่อเสียงของเขาล่ะ? แม้ว่าเราจะไม่จัดการกับหลินจิน เขาก็สามารถสนุกกับตัวเองได้อีกไม่กี่วันเท่านั้น ข้าได้ยินมาว่าทางสำนักงานใหญ่ตัดสินใจเพิกถอนใบรับรองผู้ประเมินของเขาแล้ว อีกราว ๆ 5 วัน เขาจะถูกไล่ออกจากสมาคมดังนั้นเจ้าสามารถใช้สิ่งนั้นเป็นการแก้แค้นได้”
เมื่อได้ยินข้อมูลของดงเฉว่ ดงเฮอก็ตื่นเต้น หมายความว่าการจากไล่ออกของหลินจินได้รับการยืนยันแล้ว
“นอกจากนี้ ข้ายังคุยกับพี่เขยของเจ้าว่าเจ้าไม่สามารถนั่งที่นี่ได้ทั้งวัน ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ยังเป็นผู้ประเมิน เพื่ออนาคตของเจ้า ข้ากับพี่เขยของเจ้าและข้าตัดสินใจว่าเจ้าจะรับคำปรึกษาเพื่อประเมินสัตว์วิเศษอย่างเป็นทางการ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดงเฮอก็ส่ายหัวทันที “ท่านพี่ ข้าทำได้ดีในแผนกพลาธการ ทำไมข้า…”
คิ้วของดงเฉว่กระตุกและเธอก็ตะคอกขึ้นมาทันที "เจ้ารู้อะไรไหม!? ตำแหน่งผู้จัดการแผนกพลาธิการไม่มีความสำคัญอะไรเลย หากเจ้าสามารถเป็นผู้ประเมินที่ผ่านการรับรองได้ในอนาคต ความสำเร็จของเจ้าจะยิ่งใหญ่เกินกว่าตำแหน่งผู้จัดการอันต่ำต้อยพวกนั้นเสียอีก!”
“ผู้ประเมินทางการ?” ดงเฮอลังเล เขารู้ว่าข้อบกพร่องของเขาอยู่ที่ไหน ดังนั้นดงเฮอจึงส่ายหัวอีกครั้ง “การเป็นผู้ประเมินที่ผ่านการรับรองไม่ใช่เรื่องง่าย ท่านพี่ ข้าทำมันไม่ได้แน่นอน”
ดงเฉว่เผยรอยยิ้มออกมา “การเป็นผู้ประเมินที่ผ่านการรับรองนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงต้องการประสบการณ์และความรู้มากขึ้น เจ้าเป็นผู้ประเมินนฝึกหัด หากเจ้ารับคำปรึกษาเจ้าจะได้รับประสบการณ์และในบางครั้ง การรับรองไม่จำเป็นต้องมาจากการสอบ ตราบใดที่มีได้รับการแนะนำจากหัวหน้า มันก็มีข้อยกเว้น”
ดงเฮอตกตะลึง เจียเฉียนกำลังใช้เส้นทางนี้อยู่ใช่หรือไม่?
เมื่อสังเกตเห็นปฏิกิริยาของน้องชายของเธอ ดงเฉว่พูดต่อด้วยเสียงเงียบ ๆ
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เจียเฉียนนั้นก็ตั้งเป้าไปที่ตำแหน่งนั้นเช่นกัน แต่เธอควรค่าแก่มันอย่างงั้นหรือ? มีเพียงหวังจีเท่านั้นที่พูดจาดี ๆ กับเธอ เธอคิดว่าเธอได้ตำแหน่งนี้แล้วงั้นเหรอ? อย่าทำให้ข้าหัวเราะหน่อย เธอไม่มีภูมิหลัง เธอสามารถเปรียบเทียบกับเจ้าได้อย่างไร? อย่างน้อยด้วยการสนับสนุนจากพี่เขยของเจ้า เจ้าก็จะนำหน้าเธอไปไกลแล้ว
สำหรับจิ้งจอกเฒ่าหวังจี เขาคิดที่จะให้โอกาสเธอกับเธอจริง ๆ ได้อย่างไร? เขาเพียงต้องการใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้นแต่นังผู้หญิงคนนั้นก็ระวังตัวดีเหลือเกิน จนถึงตอนนี้ หวังจียังไม่เคยลิ้มรสเรือนร่างของเธอเลย หวงเนื้อหวงตัวแบบนี้หวังจีจะพอใจกับเธอได้อย่างไร? ข้าพนันได้เลยว่าตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเบื่อเธอแล้ว”
ดงเฮอให้ความสนใจขึ้นมาทันที พูดตามตรง ถ้าเขาสามารถกลายเป็นผู้ประเมินที่ผ่านการรับรองได้จริง มันคงรุ่งโรจน์กว่าที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้อย่างเทียบไม่ติด
“มีอีกสิ่งหนึ่ง ผู้ประเมินระดับสามจากพระราชวังของเมืองมังกรหยก จะมาเป็นแขกที่คฤหาสน์ของท่านเจ้าเมืองในคืนนี้ พี่เขยของเจ้าได้รับเชิญเช่นกัน เขาคิดหาวิธีชักชวนให้ผู้ประเมินระดับสามมาเป็นที่ปรึกษาของเจ้า ด้วยวิธีนี้อนาคตของเจ้าก็รุ่งโรจน์”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดงเฮอก็หยุดลังเล มีแต่คนงี่เง่าเท่านั้นที่จะปล่อยโอกาสแบบนี้ไป แม้ว่าเขาจะต้องการได้รับความสนใจจากเจียเฉียนเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม ขนาดคนอย่างหวังจีก็ยังไม่เคยสัมผัสเธอเลยแม้แต่ปลายก้อย หากเขาไตร่ตรองดี ๆ เขาก็รู้สึกว่าเจียเฉียนก็ใช้เขาเพื่อผลประโยชน์ของเธอเช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเขาต้องเกรงใจเธอด้วย?
พี่สาวของเขาพูดถูก ดงเฮอได้รับการสนับสนุน ด้วยความช่วยเหลือจากพี่เขยของเขา เขาอาจจะยึดตำแหน่งผู้ประเมินทางการมาเป็นของเขาได้
เมื่อนึกถึงความรุ่งโรจน์ในอนาคตของเขา ดงเฮอไม่อาจปิดบังสีหน้าที่ตื่นเต้นของเขาได้
เมื่อเปรียบเทียบกับดงเฮอที่มีความคิดเรียบง่าย ดงเฉว่นั้นมีความฉลากลึกล้ำกว่ามาก
“เจียเฉียนไม่ใช่ภัยคุกคาม สิ่งเดียวที่เราต้องทำคือ ทำให้แน่ใจว่าหลินจินจะต้องตกต่ำและไม่อาจกลับขึ้นมาได้ เมื่อเขาจากสมาคมไป มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถแทนที่เขาได้ นอกจากนี้ เราต้องไม่ประมาทเขา ไม่ว่าจะเป็นโชคหรือความบังเอิญ สำหรับเขาที่สามารถผ่านการรับรองการประเมินได้ นั่นหมายความว่าเขาไม่ใช่คนโง่ที่ไม่มีพรสวรรค์ แม้ว่าการขับไล่ของเขาจะได้รับการยืนยัน แต่เราก็ต้องระมัดระวังบางสิ่งที่คาดไม่ถึง การที่เขาสามารถทุบเจอผลึกวิญญาณอัคคีและสั่งการนักฆ่าที่เจ้าจ้างมาให้ทรยศเจ้าได้ เราจะต้องไม่ปล่อยเรื่องพวกนี้เกินขึ้นอีก!”
ดงเฉว่เป็นผู้หญิงที่ฉลาดแกมโกงที่จะวางแผนล่วงหน้าอย่างรอบคอบ
ดงเฮอถามอย่างรวดเร็วว่า “เราจะป้องกันเรื่องนี้อย่างไรดี?”
“ง่ายมาก เจ้าแค่หาคนไปแฝงตัวใกล้ ๆ หลินจินเพื่อเฝ้าจับตาดูเขาทุกฝีก้าว”