เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 11
เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 11
"เด็กน้อยลิโป้ วีรบุรุษผู้กล้ายกขึ้นต้องวางลงได้ ครั้งหน้าพวกเราค่อยมาสู้กัน!" ฮัวหยงตะโกนเสียงดัง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจควบม้าหนีโดยไม่มีเหตุผล
"แม่ทัพลิ?" กวนอูหันกลับไปมองลิโป้ ผู้ซึ่งดูน่าเกรงขามอย่างยิ่งในเวลานี้
"แม่ทัพกวนกล้าหาญชาญชัย เพียงปรากฏตัวก็สามารถขับไล่ฮัวหยงได้ เลื่อมใสนัก" ลิโป้ยิ้มกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน คาดไม่ถึงเลยว่า เหตุการณ์เหล้าอุ่นสังหารฮัวหยงจะไม่เกิดขึ้นเพราะการปรากฏตัวของเขา เป็นการปล่อยศัตรูตัวฉกาจไปอย่างไม่ได้ตั้งใจโดยแท้
"แม่ทัพลิ นี่..." กวนอูรู้สึกปรับตัวตามสถานการณ์ไม่ทันอยู่บ้าง ไม่ใช่บอกว่าฮังหยงสังหารแม่ทัพสองคนติด กำลังฮึกเหิมเต็มที่หรอกหรือ แล้วแบบนี้จะรายงานว่าอย่างไร?
"แม่ทัพกวนเก่งกล้าสามารถ เอาชนะฮัวหยงได้สำเร็จ สมควรกลับไปรายงานต่อผู้นำเพื่อรับความดีความชอบ" ลิโป้กล่าวกลั้วหัวเราะ
กวนอูไม่ใช่คนที่ชอบโอ้อวด แน่นอน เขาย่อมรู้ว่าที่ลิโป้กล่าวเช่นนี้เพราะมีเจตนาดี พวกเขาสามพี่น้องยามนี้ต้องการชื่อเสียงยิ่ง "ขอบคุณท่านมาก แม่ทัพลิ" กวนอูกล่าวขอบคุณอย่างจริงจัง
เหล่าเจ้าเมืองที่กำลังหารือกันว่าจะรับมือฮัวหยงอย่างไรอยู่นั้น จู่ๆก็ได้ยินเสียงกลองรัวกระหึ่มจากนอกกระโจมพร้อมกับเสียงโห่ร้องของไพร่พล เหล่าเจ้าเมืองหน้าเปลี่ยนสี คาดว่าเวลานี้กวนอูอะไรนั่นคงถูกฮัวหยงจัดการไปแล้ว เตียวหุยที่อารมณ์หุนหันพลันแล่นที่สุดรีบแหวกกระโจมเดินออกไปทันที
"รายงาน! กวนอูเอาชนะฮัวหยงในหนึ่งกระบวน เวลานี้ฮัวหยงหนีกลับค่ายไปแล้วขอรับ!"
เหล่าเจ้าเมืองหันไปมองหน้ากัน ฮัวหยงที่จัดการแม่ทัพสองคนติดต่อกัน กลับถูกกวนอูเอาชนะได้ในหนึ่งกระบวน ช่างร้ายกาจยิ่งนัก อ้วนเสี้ยวเวลานี้ยิ่งจับจ้องมองกวนอูตาเป็นมัน
ลิโป้และกวนอูเดินเคียงบ่าเคียงไหล่เข้ากระโจมใหญ่พร้อมกัน หากแต่สีหน้าของกวนอูนั้นดูแปลกพิกลอยู่บ้าง กระนั้นทุกคนย่อมไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
"พี่รองของข้าเอาชนะฮัวหยงได้ ทำไมพวกเราไม่บุกตีข้าศึก จับตัวตั๋งโต๊ะกลับมากัน? มัวรอกันอะไรอยู่?" เตียวหุยพลันตะโกนขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว
ได้ยินเช่นนั้น อ้วนสุดก็ยิ่งหงุดหงิด ตอนแรกเขาถูกลิโป้ทุบตีจนเสื่อมเสียหน้า ต่อมายูสิด แม่ทัพในสังกัดยังถูกฮัวหยงสังหารไป ตอนนี้เตียวหุยยังมาตะโกนโหวกเหวก ทำให้ในใจของเขายิ่งเดือดดาล "เป็นแค่ไพร่ราบทหารเลว กลับกล้ามาพูดจาซี้ซั้วแสดงอำนาจ ไม่เคารพต่อเหล่าเจ้าเมือง ทหาร! เข้ามาลากตัวเจ้าผู้นี้ออกไป"
ลิโป้โบกมือพลางกล่าวว่า "ตอนก่อตั้งพันธมิตร มีคำพูดอยู่ประโยคหนึ่ง ผู้ใดสร้างผลงาน ผู้นั้นได้รับรางวัล ผู้ใดล้มเหลว ผู้นั้นย่อมต้องถูกลงโทษ ในเมื่อแม่ทัพกวนสร้างความดีความชอบใหญ่หลวง จะปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? ท่านผู้นำโปรดตัดสินด้วย!"
"ฮึ่ม ก็แค่ทหารกล้าคนหนึ่ง หากว่าแม่ทัพกิเหลงของข้าอยู่ที่นี่ เด็กน้อยฮัวหยงยังจะได้เหิมเกริมรึ" อ้วนสุดแค่นเสียง คิดถึงความป่าเถื่อนของลิโป้ก่อนหน้านี้แล้ว เขาก็ไม่กล้าชี้หน้าด่าอีก
"กงลู่ แม่ทัพกวนสร้างความชอบ ย่อมต้องได้รับรางวัล ข้าจะจดลงบัญชีเอาไว้ ตอนนี้คงยังไม่อาจมอบรางวัลจนกว่าจะปราบตั๋งโต๊ะได้สำเร็จ" อ้วนเสี้ยวส่งเสียงปราม เดิมทีที่อ้วนสุดไม่ยอมส่งเสบียงให้ซุนเกี๋ยน ก็ทำให้เหล่าเจ้าเมืองรู้สึกคลางแคลงใจอยู่แล้ว หากตอนนี้ยังขับไล่สามพี่น้องเล่ากวนเตียวไปอีก กองทัพพันธมิตรคงสุ่มเสี่ยงจะเกิดการสลายตัว
ที่เหล่าเจ้าเมืองประกาศว่าจะโค่นล้มตั๋งโต๊ะก็เพื่อเกียรติยศและชื่อเสียง เหตุการณ์นี้แน่นอนว่าจะต้องเป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ ส่วนการบุกโจมตีตั๋งโต๊ะจริงๆน่ะหรือ? ลืมไปเสียเถอะ หากว่าหลีกเลี่ยงการสูญเสียได้ เช่นนั้นก็หลีกเลี่ยงเถอะ แผ่นดินทุกวันนี้กำลังปั่นป่วนวุ่นวาย ผู้ใดยังจะไม่รักษาขุมกำลังส่วนตัวเอาไว้?
"นี่ท่าน พวกท่าน...." อ้วนสุดนึกไม่ถึงว่า อ้วนเสี้ยว ผู้ซึ่งเกิดจากอนุภรรยาจะกล้าหักหน้าเขา "ในเมื่อท่านให้ค่ากับพลม้าธนูและพวกที่ดีแต่ต่อยตีมากกว่า เช่นนั้นแม่ทัพผู้นี้ขอลาแล้ว"
"ก็ไปสิ ไม่เห็นมีใครห้าม" ลิโป้ยิ้มเยาะ
"เจ้า!" อ้วนสุดหน้าแดงก่ำ
"กงลู่ รอก่อน" อ้วนเสี้ยวพยายามจะไกล่เกลี่ย
"สุรานี้ยังอุ่นอยู่" โจโฉยกจอกให้กวนอู จากนั้นจึงก้าวออกไปกล่าวเกลี้ยกล่อม "จะให้เรื่องเล็กๆมาทำให้เสียการใหญ่ได้อย่างไร? พวกเราควรหารือเรื่องจัดการตั๋งโต๊ะ หวังว่าทุกท่านจะร่วมแรงร่วมใจกัน"
เมื่อเป็นเช่นนี้ กองซุนจ้านก็นำสามพี่น้องเล่ากวนเตียวกลับหมู่บ้านเพื่อปลอบโยน
...............
"ว่าอะไรนะ? ฮัวหยงพ่ายแพ้?" ตั๋งโต๊ะหรี่ตาลง ในใจรู้สึกกังวล แม้ว่ากองทัพเสหลียงจะเข้มแข็ง หากแต่ก็ขาดแคลนแม่ทัพผู้มีความสามารถ หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ด่านกิสุยก๋วนคงถูกตีแตกในไม่ช้า และนั่นก็จะทำให้ลั่วหยางตกอยู่ในอันตราย ยิ่งกว่านั้น กองทัพพันธมิตรยังมีไพร่พลมากมาย เพียงปิดล้อมเมืองเอาไว้ พวกเขาก็หมดโอกาสรอดแล้ว
ตั๋งโต๊ะไม่ต้องการเป็นหินรองเท้าให้กับเหล่าเจ้าเมือง และเขาก็ไม่อยากสละทิ้งอำนาจที่เพิ่งได้มาด้วย
"ท่านอุปราช โจรน้อยเหล่านั้นมีกำลังมาก ในทัพพันธมิตรก็มีลิโป้และแม่ทัพที่ร้ายกาจอยู่หลายคน ตอนนี้แม่ทัพฮัวพ่ายแพ้ ทัพพันธมิตรมีขวัญกำลังใจเต็มเปี่ยม ทางเดียวคือต้องทำลายกำลังขวัญ" ลิยูกล่าวขึ้นมา
"โอ้ เหวินโยวมีแผนการใด?"
"ท่านอุปราช เวลานี้ผู้นำทัพพันธมิตรคืออ้วนเสี้ยว และอาของอ้วนเสี้ยว อ้วนงุยตอนนี้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดี หากว่าคนในกับคนนอกรวมหัวกันวางแผน ข้าเกรงว่าอาจถึงขั้นเสียเมืองลั่วหยางได้นะขอรับ จำเป็นต้องกำจัดทิ้งเสีย และในหมู่เจ้าเมืองเหล่านั้นก็มีครอบครัวอยู่ในลั่วหยางอยู่หลายคน เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราควรกำจัดฆ่าให้สิ้น บั่นทอนกำลังใจเจ้าเมืองเหล่านั้น ขณะเดียวกันก็เป็นการข่มขู่ไม่ให้เหล่าหนูสกปรกภายในเมืองกล้าทำอะไรซี้ซั้ว"
ตั๋งโต๊ะพยักหน้าก่อนจะยิ้มออกมา "แผนของเหวินโยวดียิ่ง เจ้าเมืองพวกนั้นมีครอบครัวอยู่ในลั่วหยาง ต่อให้ไม่กลัว พวกมันก็ต้องลังเล ดี ประหารอ้วนงุยข่มขวัญพวกมันก่อน!"
"ท่านอุปราชช่างปราดเปรื่อง"
"ลิฉุย กุยกี พวกเจ้าสองคนรีบนำทหารห้าร้อยคนไปที่จวนไท่ฟู่ บุรุษ สตรี จะแก่จะเด็กล้วนฆ่าให้หมด จากนั้นพวกเจ้าสองคนนำไพร่พลห้าหมื่น ไปช่วยฮัวหยงที่ด่านกิสุยก๋วน สร้างความดีความชอบ เดี๋ยวจะมีกองหนุนตามไป"
"ขอรับ" ลิฉุยและกุยกีก้าวออกมากุมมือรับคำ
...........
"พี่หุนเตี๋ยง อย่าได้ใส่ใจเลย เด็กน้อยอ้วนสุดจิตใจคับแคบ ไม่ใช่สุภาพบุรุษคนดีอะไร ท่านยังไม่เห็นซึ้งถึงนิสัยใจคอของเขาอีกรึ? พี่หุนเตี๋ยงเอาชนะฮัวหยง ผลงานชิ้นใหญ่เช่นนี้ จะต้องสร้างชื่อเสียงโด่งดังเป็นแน่" ลิโป้ยิ้มกล่าว คิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะเปลี่ยนไปก็เพราะตัวเขา
"เห็นด้วยกับสิ่งที่แม่ทัพลิกล่าว เหล่าเตียวเห็นเจ้าอ้วนสุดผู้นี้ขัดหูขัดตามานานแล้ว เป็นอย่างไรบ้างแม่ทัพลิ? ได้เตะเจ้าผู้นั้นกับเท้า คงรู้สึกดีใช่หรือไม่?" เตียวหุยกล่าวจบก็หัวเราะชอบใจ
"น้องสาม อย่าได้กล่าวไร้สาระ" เล่าปี่ขมวดคิ้วเบาๆ "อ้วนกงลู่มีชาติตระกูลสูงส่ง อีกทั้งอ้วนเสี้ยวยังมีตำแหน่งเป็นแม่ทัพหลัง เจ้าและข้าจะกล่าวถึงเช่นนี้ไม่ได้"
"เหอๆ พี่เมิ่งเต๋อ ท่านระมัดระวังตัวไปแล้ว อ้วนสุดก็เป็นแค่อ้วนสุด ที่เขากลัวที่สุดก็คือกำปั้น ยามพบเห็นข้าเป็นต้องเดินอ้อมไปเสียทุกครั้ง" ลิโป้กล่าวอย่างไม่แยแส ตัวเขามีความรู้สึกที่ดีต่อสามพี่น้องเล่ากวนเตียว โดยเฉพาะกวนอู เทพเจ้าแห่งความสื่อสัตย์
"แม่ทัพลิ ที่นี่ไม่มีสุราหรืออาหารดีๆ หากมีโอกาสแวะไปที่ปักเป๋ง จ้านผู้นี้จะขอจัดงานเลี้ยงต้อนรับ" กองซุนจ้านยกชูจอกสุรา
"แม่ทัพกองซุนสุภาพไปแล้ว ได้รู้จักกับท่าน นับเป็นเกียรติในชีวิตข้า ได้ยินว่าท่านนำทัพทำศึกกับพวกชนเผ่านอกด่านหลายต่อหลายครั้ง สามารถปราบปรามจนอยู่หมัด น่าเลื่อมใสนัก"
"เพียงเรื่องเล็กน้อย เรื่องเล็กน้อย" ผู้ใดจะไม่ชื่นชอบฟังคำยกยอกัน กองซุนจ้านได้ฟังก็มีความสุขยิ่ง
"เรียนท่านแม่ทัพ แม่ทัพโจสั่งให้คนนำอาหารและเหล้ามา บอกว่าเขาไม่อาจมาร่วมฉลองให้แม่ทัพกวนด้วยตัวเอง ดังนั้น...."
"โอ เช่นนั้นพวกเราลงไปดูกันเถอะ" กองซุนจ้านไม่ได้ใส่ใจนัก เทียบกับสุราอาหารที่โจโฉส่งมาแล้ว การด่าทออ้วนสุดของลิโป้ยังเหนือกว่า
สามพี่น้องเล่ากวนเตียวเองก็ไม่ได้สนใจน้ำใจที่โจโฉส่งมา
พวกเขาดื่มกิน เจ้าบ้านและแขกต่างก็สนทนาเฮฮา
"เจ้าบอกว่า ลิโป้กำลังดื่มกินอยู่กับเล่ากวนเตียวที่ค่ายของกองซุนจ้านอย่างนั้นรึ?" โจโฉขมวดคิ้ว
"ใช่ขอรับ"
"ว่ากันว่าลิโป้นั้นกล้าหาญ หากแต่เย่อหยิ่งจองหอง แล้วเขาจะไปคลุกคลีอยู่กับสามพี่น้องนั่นได้อย่างไร? ช่างแปลกประหลาดนัก" โจโฉพึมพำ
ในเวลาเดียวกัน เจ้าเมืองหลายคนต่างก็มีข้อมูลของลิโป้อยู่ไม่มากก็น้อย อย่างไรเสียลิโป้ก็มีทัพม้าอยู่ในมือถึงสองพัน เป็นขุมกำลังที่ไม่อาจมองข้ามโดยเด็ดขาด