บทที่ 39 ฉัน นักล่าอาหารลู่เจ๋อ
ลู่เจ๋อกระจายพลังจิตไปยังทุกส่วนของร่างกาย
ขณะเดียวกัน สมองของเขาก็คิดอย่างรวดเร็ว เทคนิคการต่อสู้พื้นฐานที่สมบูรณ์แบบทำให้เขาสามารถควบคุมพลังได้ในระดับที่แม่นยำที่สุด ส่วนปรับแต่งร่างกายอย่างสมบูรณ์แบบก็ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น
แล้วถ้าเขารวมทั้งสองเข้าด้วยกันล่ะ เขาจะมีพลังมากขึ้นรึเปล่า?
พลังอยู่ในทุกเซลล์ของร่างกาย และในแต่ละเซลล์ก็มีจังหวะของตัวเอง ลู่เจ๋อควบคุมพวกมันอย่างระมัดระวังเพื่อให้พวกมันสะท้อนเป็นจังหวะเดียวกัน
เหงื่อหยดลงมาที่หน้าผากของเขาทีละน้อย
พลังจิตของเขาไม่พอ!
ลู่เจ๋อพบว่า เพื่อให้ใช้พลังได้เกินขอบเขตของร่างกาย เขาจำเป็นต้องผสมผสานระหว่างพลังจิต พลังกาย และเทคนิคการต่อสู้เข้าด้วยกัน ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถโจมตีได้แรงกว่าที่เขาสามารถทำได้หลายเท่า
จู่ ๆ สมองของลู่เจ๋อช้าลง ผลของลูกแก้วสีม่วงหายไปแล้ว
เขาลืมตาและหายใจช้า ๆ
เนื่องจากเขาพบหนทางแล้ว เขาก็ต้องฝึกต่อ
และไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งร่างกาย เทคนิคการต่อสู้หรือพลังจิต เขาก็สามารถเข้าถึงสภาวะที่ต้องการได้ สำหรับเขา มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่เขาจะเชี่ยวชาญศาสตร์เทพแห่งพลัง
ถ้าเขาทำงานหนักขึ้น ไม่ช้าเขาก็จะได้เป็นบอสใหญ่
ดวงตาของลู่เจ๋อเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาหยิบลูกแก้วสีม่วงออกมาและเริ่มฝึกต่อ
เวลาเดียวกันในห้องนั่งเล่น ลู่เหวินและฟูชูหยาก็กลับมาถึงบ้าน
ฟูชูหยาทำอาหารเย็น เมื่อเธอเห็นลู่หลี่ลงมาคนเดียวเธอก็ถามว่า “หลี่ เจ๋ออยู่ไหนล่ะ?”
“พี่คงกำลังฝึกอยู่ในห้องน่ะ” ลู่หลี่พูด
หลู่เหวินยิ้ม “เด็กคนนั้นกลับไปบ้าศิลปะการต่อสู้อีกแล้วเหรอ เยี่ยม…แค่ก ๆ ไม่ ฉันไม่ได้ดีใจขนาดนั้น…”
ตั้งแต่เด็กคนนั้นเปลี่ยนไป ลูกสาวของเขาก็ดูห่างเหินจากเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
มันดีกว่าที่เจ๋อจะบ้าศิลปะการต่อสู้!
ลู่หลี่ได้ยินมุมปากก็กระตุก ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นไร้ยางอายมาก เธอคิดว่าเขาไม่เหมือนเดิมเลย
“ในเมื่อเจ๋อกำลังฝึกอยู่ อย่ารบกวนเขา มากินกันเถอะ แม่จะเก็บส่วนของเขาไว้ เมื่อเขาฝึกเสร็จ เขาจะได้เอาไปอุ่นกินได้” ฟูชูหยายิ้ม
…
ลู่เจ๋อหมกมุ่นอยู่กับการค้นพบศาสตร์เทพแห่งพลัง
เขากลืนลูกแก้วสีม่วงทีละลูก เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ข้างนอกหน้าต่างก็มืดแล้ว
ลู่เจ๋อระงับความตื่นเต้นและหายใจเข้าออกช้า ๆ เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เขาก็สามารถใช้ศาสตร์เทพแห่งพลังได้
บางทีมันอาจจะไม่เหมือนกับพลังระเบิดที่หนานกงจิงทำ แต่มันก็ค่อนข้างคล้าย!
อุปกรณ์สื่อสารของลู่เจ๋อสั่น
เขาโบกมือและสายลมก็นำมันมา
เขาพบว่าพลังควบคุมลมเหมาะสำหรับคนขี้เกียจมาก
เขาสามารถใช้ลมนำสิ่งของที่เขาต้องการมาให้โดยไม่ต้องขยับตัว
เขาเปิดอุปกรณ์สื่อสารและเห็นข้อความจากอลิซ
อลิซ: รุ่นพี่อยู่รึเปล่าคะ [อิโมจิน่ารัก]
ลู่เจ๋อตื่นเต้น เธอเขียนรายการส่วนผสมเสร็จแล้วเหรอ?
เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว
ลู่เจ๋อ: ใช่
จากนั้นลู่เจ๋อก็ได้รับรายชื่อสัตว์และสมุนไพรวิญญาณมากมาย
อลิซ: รุ่นพี่ นี่คือส่วนผสมที่ฉันต้องการ สัตว์บนนั้นอาจมีระดับค่อนข้างสูง ส่วนมากจะเป็นสัตว์วิญญาณระดับสูง รุ่นพี่แค่หาสิ่งที่รุ่นพี่สามารถหาได้ตามสถานการณ์ เข้าใจไหม
ลู่เจ๋อ: ฉันเข้าใจ!
เขาตัดสินใจที่จะเตรียมชุดส่วนผสมทั้งหมดหลายชุด
สัตว์วิญญาณระดับสูง…พวกมันเป็นสัตว์ร้ายที่เทียบเท่ากับนักรบหลิงหวู่ระดับสูงของเผ่าพันธุ์มนุษย์ มันต้องอร่อยแน่ ๆ ว่าไหม?
ดูเหมือนว่าเขาต้องทำงานให้หนักขึ้น
“ฉัน นักล่าอาหารลู่เจ๋อ! เพื่ออาหาร ฉันจะไม่ยอมแพ้”
อลิซ: ตอนนี้รุ่นพี่กำลังฝึกอยู่รึเปล่า?
ลู่เจ๋อ: อืม เพิ่งฝึกเสร็จและกำลังจะไปกินข้าว
อลิซ: ถ้าอย่างนั้นฉันไม่กวนรุ่นพี่แล้ว
ลู่เจ๋อ: อืม ขอบคุณนะ ฉันจะเตรียมวัตถุดิบให้อย่างดีเลย!
อลิซ: ฮิฮิ ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอนะคะ พี่ควรไปกินข้าวได้แล้ว บายค่ะ!
ลู่เจ๋อยิ้มขณะคิดว่ารุ่นน้องคนนี้ช่างห่วงใยจริง ๆ
ลู่เจ๋อเดินลงไปชั้นล่าง
เขาสงสัยว่าแม่จะเก็บอะไรไว้ให้เขาไหม...ถ้าไม่ เขาคงต้องสั่งอาหาร
โชคดีที่เขาพบว่าแม่เก็บอาหารไว้ให้เขา เขาอุ่นมันและกินอย่างรวดเร็วก่อนจะกลับห้อง
หลังจากที่รู้ว่ามีสัตว์วิญญาณระดับสูงในรายชื่อส่วนผสม ลู่เจ๋อก็มีแรงจูงใจเพิ่มเติมสำหรับการฝึกฝน
เขาไม่กล้าจินตนาการว่าเขาจะเสียใจขนาดไหนถ้าเขาไม่ได้กินอาหารจิตวิญญาณดี ๆ
เขานั่งขัดสมาธและเข้าสู่มิติล่าสัตว์อีกครั้ง
บางทีอาจเป็นเพราะเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาจึงชอบสู้กับหมาป่าเขียว
เขาหลับตาลงและสายลมเบา ๆ ก็พัดข้อมูลของสภาพแวดล้อมในรัศมีหลายร้อยเมตรเข้ามา
อืม เขาพบกระต่ายอยู่ 2-3 ตัว
แต่ลู่เจ๋อหมดความสนใจในตัวกระต่ายแล้ว
เขาปล่อยพวกมันไปและหาเหยื่อรายอื่น
ลู่เจ๋อเดินไปด้วยและสัมผัสสภาพแวดล้อมไปด้วย ในเวลาเดียวกัน เขาพบว่าศาสตร์เทพนั้นไม่มีขีดจำกัด
ความแข็งแกร่งและพลังจิตของเขาถูกระบายออกไปเพราะศาสตร์เทพ เนื่องจากลู่เจ๋อยังไม่ใช่หลิงหวู่ เขาจึงไม่สามารถใช้พลังจิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลู่เจ๋อเดินไปรอบ ๆ ครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาพบกระต่ายจำนวนมากและฝูงสุนัขหุ้มเกราะ เขาพบหมาป่าเขียวบางตัวด้วย แต่พวกมันอยู่กันเป็นกลุ่มกลุ่มล่ะ 3 ตัว
ลู่เจ๋อไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะหมาป่าเขียว 3 ตัวพร้อมกันได้
หลังจากเดินต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง ดวงตาของลู่เจ๋อก็สว่างขึ้น สายตาของเขาจับจ้องไปยังกอหญ้าที่สูงประมาณ 2 เมตร
หมาป่าเขียวโดดเดี่ยว!
หมาป่าเขียวสังเกตเห็นเขา มันกำลังเดินออกมาจากดงหญ้าอย่างช้า ๆ
หมาป่าตัวนี้ใหญ่กว่าตัวเมื่อวานเล็กน้อย
โดยปกติ ยิ่งสัตว์สายพันธุ์เดียวกันใหญ่กว่าตัวอื่นเท่าไหร่ ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
หากเป็นเมื่อวาน ลู่เจ๋อคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน
แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว!
ดวงตาของลู่เจ๋อเฉียบคมและเข้าสู่โหมดต่อสู้
------------------------