ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 47 ช่วยกระทิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 49 แผนการของดงเฮอ

MDB ตอนที่ 48 หลู่ปิ่นมาถึงแล้ว


กำลังโหลดไฟล์

“ผู้ประเมินหลิน เสื้อผ้าของท่าน…ขะ ข้าจะซื้อชุดใหม่ให้ท่าน” จู่ ๆ เจ้าของกระทิงก็พูดขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลินจินโบกมือ "ไม่เป็นไร พวกมันเป็นแค่คราบเลือด ซักไปเดี๋ยวก็หาย”

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้

คนงานและหัวหน้าคนงานรู้สึกชื่นชมหลินจินอย่างจริงใจ

เนื่องจากเป็นเรื่องเล็ก หลินจินตัดสินใจที่จะไม่ใส่ใจและไม่ขอค่าบริการ

ทันใดนั้น มีคนส่งเสียงเรียกขึ้นมา “ผู้ประเมินหลิน!”

หลินจินหันไปมองชายชราร่างสูงในชุดดำ ชายชราผู้นี้ดูคุ้นเคยอย่างมาก

‘โอ้ เขานั่นเอง!’

ผู้ชายคนนี้เป็นผู้ติดตามของคนแปลกหน้าที่หลินจินพบเมื่อวันก่อนที่หน้าสมาคม ชายชราคนนี้ไม่เพียงปฏิเสธที่จะจ่ายเงินแต่ก่อนที่เขาจะจากไป เขายังทุบตีหลินจินกับเสี่ยวฮั่วอีกด้วย

"ท่านมาทำอะไรแถว ๆ บ้านข้า ท่านต้องการอะไรจากข้า?" การแสดงออกของหลินจินมืดลงทันที เสี่ยวฮั่วปล่อยคำรามต่ำพร้อมที่จะจู่โจมชายคนนั้น

ชายชราในชุดดำคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือหลู่ปิ่นที่ตรงมาจากพระราชวังของเมืองมังกรหยก

เจ้าหญิงคนที่หก เหอหยู่ทรงพระประชวรและแพทย์หลวงไม่รู้จะทำเช่นไร หลู่ปิ่นจึงนึกถึงสิ่งที่หลินจินพูดเมื่อวันก่อนที่เมืองเมเปิ้ล ดังนั้นเขาจึงเดินทางมาที่นี่ เพื่อคว้านหาแสงแห่งความหวังสุดท้ายเพื่อช่วยเจ้าหญิงคนที่หก

แน่นอนว่าเขาเก็บซ่อนตัวตนของเขาไว้เป็นความลับและไม่มีเจตนาที่จะเปิดเผยเช่นกัน เขาไปที่สมาคมประเมินสัตว์วิเศษเป็นครั้งแรกแต่ไม่พบหลินจิน หลังจากถามไปรอบ ๆ เขาก็พบทางมาที่นี่ทันเวลาพอดีเพื่อเป็นสักขีพยานให้หลินจินปฏิบัติต่อกระทิงตัวนั้น

คนที่รั้งเจ้าของกระทิงไว้เมื่อกี้ก็คือเขาเช่นกัน

หลู่ปิ่นได้เห็นกระบวนการทั้งหมดของหลินจินที่ช่วยชีวิตกระทิงแก่ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่หลู่ปิ่นก็สามารถบอกได้ว่าหลินจินนั้นพิเศษแค่ไหน

หากสมมติฐานของเขาถูกต้อง กระทิงแก่มีอาการเส้นเลือดภายในแตก แทบไม่มีวิธีรักษาอาการนี้เลยและสัตว์วิเศษนั้นก็ถูกลิขิตให้ตาย อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ หลินจินยังสามารถช่วยชีวิตได้

หลังจากที่ได้เห็นฉากนี้หลู่ปิ่นรู้ว่าหลินจินเป็นบุคคลที่มีความสามารถสูงมากเพียงใด

ด้วยการสังเกตที่เฉียบคมของเขา หลู่ปิ่นก็ตระหนักได้ว่าเมื่อวันก่อน สัตว์เลี้ยงของหลินจินเป็นเพียงหมาป่าอัคคีระดับหนึ่งเท่านั้น  แต่ในเวลาสองวัน ดูเหมือนว่ามันจะผลัดผิวไปจนหมด หลู่ปิ่นยังรู้สึกถึงแรงกดดันจากสิ่งมีชีวิตตัวนี้ได้

ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวและทักษะที่ไม่มีใครเทียบได้ของเขา ทำให้หลู่ปิ่นรู้สึกว่าถูกคุกคาม หมาป่าอัคคีไม่ใช่สัตว์วิเศษที่มีระดับต่ำเหมือนสัตว์วิเศษระดับหนึ่งหรือสองอย่างแน่นอน เขาสงสัยว่าหมาป่าอัคคีของหลินจินจะต้องอยู่ระดับสาม

แต่ใครจะสามารถยกระดับสัตว์เลี้ยงของพวกเขาได้อย่างต่อเนื่องในเวลาอันสั้นเช่นนี้? มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้น หลู่ปิ่นจึงให้ความสำคัญกับหลินจินมากขึ้นและเนื่องจากเขามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้ชายคนนั้น หลู่ปิ่นจึงแสดงความเคารพอย่างสูง

“ผู้ประเมินหลิน เมื่อวันก่อนข้าใจร้อนเกินไป ข้าหวังว่าท่านจะยกโทษให้ข้าสำหรับความผิดพลาดของข้า”

หลู่ปิ่นยกฝ่ามือขึ้นเหนือกำปั้นเพื่อคำความเคารพ หากบุคคลสำคัญคนใดในราชสำนักเห็นฉากนี้ ขากรรไกรของพวกเขาก็จะตกลงไปที่พื้น ทำไมนายพลหลู่ผู้มีชื่อเสียงถึงได้แสดงท่าทางสุภาพกับผู้ประเมินระดับหนึ่งด้วย!? ทำไมต้องขอโทษหลินจิน? เขากำลังทำสิ่งที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว!

หลินจินไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่อย่างใดก็ตาม เขารู้สึกว่าชายชราผู้นี้ต้องมีสถานะสูงส่ง

เมื่อชายชราโจมตีเขาครั้งสุดท้าย ด้วยนิ้วเดียว พิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษก็ถูกกระตุ้น หลินจินตระหนักได้ว่าหากเขาได้สัมผัสพลังของพวกนักบวชที่ทำพันธสัญญาโลหิต เขาก็สามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์วิเศษของนักบวชจากทางอ้อมได้

ชายชราในชุดดำคนนี้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่หลินจินเคยพบมา

หลินจินไม่ชอบเข้าไปยุ่งกับปัญหา เขาชอบเก็บตัวเงียบ ๆ เพื่อที่เขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เห็นได้ชัดว่าชายชราคนนี้มีเกียรติ มีคนนับหน้าถือตา ดังนั้นหากเป็นไปได้ เขาควรอยู่ห่างจากบุคคลดังกล่าวให้ไกลที่สุด

สำหรับชายชราที่จะเริ่มต้นคำขอโทษ บางสิ่งที่ไม่ดีต้องตามมา ดังนั้น หลินจินจึงตอบอย่างเป็นกันเองว่า “มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ข้าลืมไปมันแล้ว อย่าปล่อยให้มันกวนใจท่านอีกเลย!”

เมื่อพูดจบ เขาก็ตั้งใจจะหนีทันที

ผ่านไปไม่กี่วันตั้งแต่ หลินจินข้ามโลกมา ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับปัญหาใด ๆ สำหรับเหตุผลที่ชายชราคนนี้มาที่นี่ ไม่ต้องใช้สมองอันอัจฉริยะในการคิด ก็มองออกว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับหญิงสาวที่แต่งตัวเหมือนชายหนุ่มคนนั้น หลินจินรู้สึกไม่ดี ตอนนั้น เขาไม่น่าเปิดปากพูดอะไรออกไปเลย

เมื่อเห็นว่าหลินจินกำลังจะจากไป หลู่ปิ่นจะปล่อยให้เขาหนีไปได้อย่างไร เขาหยุดหลินจินอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ผู้ประเมินหลิน กรุณารอสักครู่ ข้ามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือ”

"มันคืออะไร?" หลินจินถามอย่างใจเย็น แม้ว่าจะไม่อยากถามก็ตาม

หลู่ปิ่นสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนอธิบายว่า “เมื่อวันก่อน ด้วยความเข้าใจอันลึกซึ้งของท่าน ผู้ประเมินหลินสามารถบอกได้ว่านายน้อยของข้าถูกสาป วันนี้ข้าจึงมาขอให้ท่านช่วยนายน้อยของข้าด้วย”

'เรื่องนั้นนี่เอง'

แค่คิดถึงเหตุการณ์นั้นก็ทำให้หลินจินหงุดหงิด ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาพูดออกมาด้วยความปรารถนาดี ไม่เพียงแต่พวกเขาปฏิเสธที่จะฟัง ชายชรายังทุบตีเขาอีกด้วย ตอนนี้พวกเขามาขอใช้บริการของเขาแทน พวกเขาคิดว่าหลินจินไร้อารมณ์และความรู้สึกหรือไง?

'แล้วทำไมฉันต้องช่วยพวกคุณด้วย?'

หลินจินส่ายหัวทันที "ท่านหลู่บางทีท่านอาจมาหาผิดคนแล้ว ข้าเป็นผู้ประเมิน ไม่ใช่แพทย์”

หลู่ปิ่นสามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่า หลินจินยังคงรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ แม้เขาอาจจะบอกว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยและเขาลืมไปหมดแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าหลินจินยังคงรู้สึกรำคาญกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ผู้ประเมินหลิน สิ่งที่ข้าทำไปในวันนั้น ข้าสำนึกผิดแล้ว นายน้อยของข้าอยู่ช่วงวิกฤติ ดังนั้นหากสิ่งนี้สามารถช่วยให้ผู้ประเมินลินสงบความโกรธและได้รับความช่วยเหลือจากท่าน ข้าก็ยินดีที่จะตัดแขนของข้าและมบให้ท่านเพื่อเป็นการไถ่โทษ”

ชายชราโค้งคำนับ เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็ดึงกริชออกจากเอวจริง ๆ ด้วยเจตนาที่จะตัดแขนซ้ายของเขาด้วยมีดนั้น

หนังศีรษะของหลินจินชา เมื่อเห็นสิ่งนี้

“เสี่ยวฮั่ว!”

เสี่ยวฮั่วที่เชื่อมโยงกับหลินจินเป็นหนึ่งเดียว เพียงแค่เสี้ยวความคิด มันพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว มันกระโจนไปที่หลู่ปิ่นเพื่อหยุดคนหลังจากการทำร้ายตัวเอง

ถึงกระนั้นกริชก็ตกลงไปที่แขนของหลู่ปิ่นไปแล้ว เลือดสีแดงเข้มไหลออกมาจากบาดแผลแทบจะในทันที

เขาได้ใช้ชีวิตทั้งในโลกนี้และโลกเก่า หลินจินรู้สึกว่าเขาได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับคนที่กล้าหาญเช่นนี้ พวกเขาแทบไม่ได้พูดคุยและรู้จักกันแต่ชายผู้นี้ก็ได้เริ่มทำร้ายตัวเองแล้ว

เขาบ้าไปแล้วหรือ?

หลินจินไม่เข้าใจเขาอย่างแท้จริง เขาจึงสั่งให้เสี่ยวฮั่วหยุดเขา

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ทันสังเกตเห็นประกายแวววาวในดวงตาของหลู่ปิ่น

เมื่อต้องเผชิญกับชายผู้กล้าหาญเช่นนี้ หลินจินก็หมดความคิด เขาไม่เคยพบใครเหมือนเขามาก่อนและไม่รู้ว่าจะจัดการกับเขาอย่างไร ดังนั้น ชายทั้งสองจึงไปที่โรงน้ำชาใกล้ ๆ ซึ่งมีห้องส่วนตัว หลู่ปิ่นโยนแท่งเงินให้กับพนักงานเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามีความเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์และจะไม่มีการดักฟัง

“ผู้ประเมินหลิน ข้าตาบอดเกินกว่าจะรับรู้ถึงความสามารถของท่าน ผู้ประเมินหลินเป็นคนใจดี ท่านเสนอความช่วยเหลือแก่กระทิงแก่เพราะท่านไม่ต้องการเห็นมันตาย ตอนนี้มีผู้ป่วยที่กำลังเสียชีวิต ท่านจะยืนดูเฉย ๆ ได้อย่างไร?

เนื่องจากผู้ประเมินหลินสามารถบอกสาเหตุของโรคได้ ท่านต้องมีวิธีรักษา ไม่ว่าการรักษาจะได้ผลหรือไม่ หลู่ปิ่นจะไม่มีวันลืมความใจดีของท่านอย่างแน่นอน”

ต้องยอมรับว่า หลู่ปิ่นมีทักษะการใช้คำพูดที่เหนือล้ำ เขารู้ว่าจะจับหัวใจของเป้าหมายได้อย่างไร

หลินจินแสดงสีหน้าตึงเครียดในขณะที่เขาครุ่นคิด

หลู่ปิ่นกล่าวต่อ “ใช่แล้ว ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย ข้า…”

หลินจินรีบยกมือขึ้นเพื่อหยุดเขา

“อย่าบอกอะไรข้า ข้าไม่สนใจที่จะรู้ว่าท่านจะเป็นใคร ข้าไม่สนใจว่านายน้อยคนนั้นด้วยและข้าไม่ต้องการพัวพันกับปัญหาอื่นอีก”

หลินจินพูดจากใจ การที่คน ๆ หนึ่งสามารถฟันแขนตัวเองต่อหน้าทุกคนได้ ด้วยจิตใจที่กล้าหาญของเขา เขาต้องไม่ใช้ทหารธรรมดาอย่างแน่นอน

เขาน่าจะเป็นทหารผู้มีเกียรติหรือน่าจะเป็นหัวหน้าโจรที่มีชื่อเสียง หลินจินรู้สึกว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากแต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาไม่ต้องการที่จะทำรู้จักกับบุคคลอันตรายเช่นนี้

สำหรับผู้หญิงคนนั้น คำสาปที่เธอแบกรับนั้นน่ากลัวเกินไป อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่พิพิธภัณฑ์บอก แม้จะคิดด้วยนิ้วเท้า หลินจินก็บอกได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดี

ตอนนี้ หลินจินทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ถูกลากเข้าไปในความยุ่งเหยิงนี้เพื่อที่เขาจะได้เป็นผู้ประเมินผู้น้อยที่โชคดี แม้เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพบเจอในครั้งนี้ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถพยายามหลีกเลี่ยงในคราวอื่น ๆ ได้

เขาหยิบพู่กันและกระดาษจดทันที เม็ดยาเมฆาเหนือวารีกับหญ้าเลือดมังกร ใช้วันละครั้ง วิธีกลั่นเม็ดยาเมฆาเหนือวารีคือ...

หลังจากที่เขาเขียนเสร็จ หลินจินก็ยื่นกระดาษให้ชายคนนั้นและพูดว่า

“นี่เป็นวิธีการรักษา ท่านเพียงแค่ต้องทำตามคำแนะนำเหล่านี้ อืม... ตอนนี้มันค่ำมากแล้ว ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน”

หลินจินเก็บของของเขาลุกขึ้นเพื่อจากไป

หลู่ปิ่นไม่ได้หยุดเขาในครั้งนี้เพราะเขาตกตะลึงกับเนื้อหาในกระดาษ

“นี่…นี่คือสูตรยาสำหรับเม็ดยาเมฆาเหนือวารีและวิธีการกลั่นอย่างละเอียดด้วย เขาให้สิ่งนี้กับข้าอย่างนั้นเหรอ?”

หลู่ปิ่นไม่ได้แสดงปฏิกิริยามากเกินไปแต่นี่มันเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ

ตั้งแต่สมัยโบราณ สูตรยาเป็นสมบัติส่วนบุคคลที่ไม่เคยหยิบขึ้นมาแบ่งปัน ตัวอย่างเช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการอัดเม็ดยาของวังหลวง ผู้ขอจะได้เม็ดยาเพียงเม็ดเดียวและเป็นตอนที่ทำเสร็จแล้ว แต่หลินจินกับให้สูตรยามาเลย สิ่งนี้แม้แต่ในฝัน เขาก็ไม่กล้านึกถึงมัน!

แม้ว่าคุณจะเสนอภูเขาทองคำ ไม่สิ ภูเขาแห่งหินวิญญาณ คุณก็ไม่มีวันได้รับสูตรยาจากใครง่าย ๆ

ดังนั้นครู่หนึ่ง หลู่ปิ่นสันนิษฐานว่าหลินจินได้เพียงแค่เขียนคำไร้สาระลงบนกระดาษ

อย่างไรก็ตาม หลู่ปิ่นมีความรู้พื้นฐานด้านการแพทย์เป็นอย่างดี แม้ว่าเขาจะไม่สามารถบอกความถูกต้องของสูตรยานี้ได้ แต่ทฤษฎีพวกนี้ฟังดูถูกต้อง

‘มันไม่สำคัญหรอกว่ามันจะเป็นจริงหรือของปลอม เราต้องลองดู” ถ้าสูตรยาเป็นเรื่องจริงและถ้ามันช่วยองค์หญิงหกได้ ผู้ชายที่มีความสามารถเช่นนี้ไม่ควรถูกทิ้งให้สูญเปล่าในเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองเมเปิ้ล’ หลู่ปิ่นรำพึงในใจ

เขารีบวิ่งออกจากอาคารกระโดดขึ้นไปบนหลังคาแล้วเป่าปากขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นไม่นาน นกอินทรีตัวใหญ่โฉบลงมาจากด้านบน

ด้วยปีกที่เปิดกว้าง นกอินทรีตัวใหญ่ตัวนี้ยาวอย่างน้อย 6 เมตร ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ หลู่ปิ่นกระโดดขึ้นไปบนหลังนกอินทรีก่อนที่จะหายตัวไปในกลีบเมฆ

5 3 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด