King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 304 ของขวัญ
ตอนที่ 304 ของขวัญ
เมื่อให้โซฟีเล่าเรื่องการรวมประเทศทั่วทั้งทวีปให้ผู้นำทั้ง 4 ฟัง ผมก็เดินออกมาจากห้องประชุมทันทีเพราะไม่มีเรื่องอะไรต้องอยู่ที่นั่นแล้ว เพียงแค่โซฟีคนเดียวการอธิบายมันก็คงราบรื่นของมันไปเองแล้วอีกอย่าง เมื่อเรื่องมันเดินมาถึงขนาดนี้แล้วคงไม่มีใครบ้ากล้าต่อต้านหรอก
แต่ว่า
ไม่คิดเลยว่าต้องมาใช้ดรารอน์อธิปไตยแบบนี้ เฮ้อ~
ในตอนแรกว่าจะเปิดเผยเรื่องนี้หลังจบสงครามแท้ๆ
ผมเดินด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยวบนทางเดินได้ไม่นานก็เจอกับชายที่พาเดินมา ซึ่งก็เป็นชายแก่คนเดิมที่ต้อนรับผมด้านหน้าพระราชวังนั่นแหละ
“ทาร์เลียเสร็จหรือยัง?”
“ครับกำลังรอท่านอยู่ที่รถม้า”
ผมเริ่มออกเดินต่อหลังจากที่ได้รับคำตอบเพราะไม่อยากเสียเวลาที่อยู่นี่โดยเปล่าประโยชน์ ทางด้านชายแก่ที่คุยกับผมเมื่อครู่ก็เดินตามหลังมาเช่นกัน
แต่พอมองสีหน้าที่ชายแก่ที่เดินตามผมมาก็รู้ได้ทันทีว่าหมอนี่ต้องมีอะไรจะพูดแน่
“มีอะไรจะพูดกับข้าไหม?”
“ครับ!”
“สรุปมีหรือไม่มี”
“มะ มีครับ …ตะ แต่ว่า”
พอมาเจอคำว่า[แต่ว่า] ก็ไม่อยากรู้แล้วสิว่าหมอนี่มีอะไรจะพูด เหอะๆ
แต่ช่วยไม่ได้ยังไงก็เริ่มถามออกไปก่อนแล้ว
“แต่อะไร”
“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ข้าไม่สมควรพูดเพราะท่านทาร์เลียบอกห้ามเอาไว้”
“อะไร?”
“เธอเอาตัวเซฟออกจากวังไปแล้วครับและบอกว่าห้ามบอกท่าน แต่ถ้าทำแบบนั้นข้าคิดว่าท่านโซฟีต้องไปพอใจแน่นอน”
ระหว่างที่ชายแก่พูดออกมาใบหน้าก็เต็มไปด้วยความหนักใจ
เฮ้อ~ หาเรื่องให้อีกแล้วสินะยัยนั่น
นี่เองมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เวลาเดินทางไปไหนทาร์เลียก็ชอบทำแบบนั้นตลอดแล้วคนที่ต้องจ่ายเงินให้กับพวกเชฟก็ไม่ใช่เธอ ซึ่งเป็นใครก็คงไม่ต้องอธิบาย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาไปสนใจเรื่องเล็กเรื่องน้อยแบบนั้นหรอก เพราะยังไงสะเธอมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระอย่างมากในการฝึกพวกทหารให้
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงข้าคุยกับโซฟีเอง”
“…ครับ”
เมื่อคุยกันรู้เรื่องชายแก่ที่เดินตามหลังผมมาก็หยุดลงแล้วก้มหน้าให้กับผมไม่ได้เดินตามมา
เหอะๆ ไม่คิดเลยว่าเรื่องแค่นี้ก็เป็นปัญหาได้ด้วย จะบ้าตาย…
…
….
…..
ณ ด้านหน้าพระราชวัง
เมื่อเดินออกมาจากห้องประชุมได้ไม่นานผมก็เดินออกมาถึงด้านหน้าซึ่งตอนนี้รถม้าคันเดิมก็กำลังจอดรอรับอยู่ ประตูที่เปิดเอาไว้ก็ทำให้เห็นทาร์เลียที่นั่งอยู่อย่างชัดเจนด้วยใบหน้าที่กำลังมีความสุขอะไรสักอย่าง
สบายใจจริงนะ ชิ!
ผมเริ่มออกเดินเพื่อขึ้นรถม้าทันทีเพราะตั้งแต่ที่เปิดเผยแผนเร็วกว่ากำหนดไปเรื่องที่ทาร์เลียสมควรต้องรู้ในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้เธอก็จำเป็นต้องรู้เอาไว้ด้วย ถึงบอกไปตอนนี้อาจจะทำให้เธอไม่พอใจก็ตาม แต่ยังไงเรื่องนี้มันก็ต้องบอกอยู่ดี
“อะ กลับมาช้าจัง!”
“ข้ามีงานต้องทำ ไม่ได้มาเพื่อกินอาหาร”
“แหะๆ”
ทาร์เลียยิ้มอ่อนๆ แบบรู้สึกผิด จากนั้นเธอก็โผ่ลหน้าออกหน้าต่างไป
“เดินทางได้เลย”
“-ครับ!”
รถม้าเริ่มเคลื่อนไหวหลังจากที่มีเสียงรับคำสั่งของเธอ ทาร์เลียเองก็เอาหน้ากลับเข้ามาแล้วพยามเล่นอะไรไปมาแบบที่เธอทำเป็นประจำ แต่ทำไมต้องสั่งด้วยคนคุมรถม้าต้องรู้หน้าที่ตัวเองไม่ใช่หรือไง?
“ท่านดรารอน์คะ”
“วะ ว่าไง!”
ผมเผลอตอบไปแบบทันทีเพราะท่าทางของเธอที่ถามออกมา
สีหน้า
ท่าทาง
น้ำเสียง
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อกี้รู้สึกได้เลยว่าเธอเปลี่ยนไปหน่อยๆ แถมตอนนี้สีหน้าที่เธอกำลังจ้องมาทางผมก็ดูจริงจังมากด้วย
ยัยนี่เป็นอะไรไป???
“ข้าก็ไม่อยากถามหรอกเพราะคิดว่าท่านคงไม่ลืม แต่ท่านคงมีเหตุผล”
“เธอจะถามเรื่องอะไร…”
ตามจริงก็รู้แก่ใจอยู่แล้วละ
“ทำไมท่านไม่ส่งข้ากลับเผ่า? ทำไมท่านไม่บอกว่าพบใคร? พอเอาเรื่องทั้งสองมาคิดร่วมกันข้าก็คิดออกมาได้สองอย่าง” ทาร์เลียชูนิ้วขึ้นมองสองนิ้วพร้อมแววตาจริงจัง “อย่างที่หนึ่งท่านกับท่านพ่อคงเดิมพันอะไรกับเอาไว้เกี่ยวกับตัวข้า! อย่างที่สองมันไม่มีที่ให้ข้ากลับไปแล้ว! …แต่ว่า ถ้าไม่มีเผ่าอยู่แล้วคนที่ท่านพบคือใคร แถมยังส่งคนไม่สำรวจอะไรนั่นอีก ข้าไม่เข้าใจ?”
หว่า~
ไม่คิดเลยว่าเธอจะคิดได้ขนาดนี้สรุปแล้วอาหารที่เชฟคนนั้นทำมันช่วยเพิ่มความฉลาดขึ้นมากเลยสินะ ในระหว่างคิดอยู่ผมก็พยักหน้าขึ้นลงไปโดยไม่รู้ตัว
“ท่านกำลังคิดว่าข้าฉลาดขึ้นเพราะกินอาหารใช่ไหม”
“เอ่ะ?!?! ระ รู้ได้ยังไง”
นี่หรือว่าเธอสามารถใช้เวทย์อ่านใจได้ด้วย?
“เฮ้อ~” ทาร์เลียส่ายหน้าไปมาช้าๆ แบบคนกำลังเหนื่อยใจ “ในสายตาของท่านข้าเป็นคนยังไง”
เครื่องสูบเงิน! อยากตอบแบบนี้จริงๆ
“ก็เป็นพวกที่ต่อสู้เก่ง ละมั่ง…”
“ท่านคิดแบบนั้นจริงๆ เหรอคะ”
สายตาที่ทาร์เลียมองมาระหว่างถามรู้สึกน่ากลัวจริงๆ
แต่ทว่า เรื่องมันมาถึงแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันเพราะยังไงสะทางผมเองก็คิดจะบอกเธอระหว่างเดินทางไปอยู่แล้ว… ไมสิ! ก่อนที่จะไปพูดถึงเรื่องนั้นต้องพูดถึงเรื่องที่เธอฉลาดแบบนี้สะก่อน ซึ่งที่เป็นแบบนี้ได้มันก็คิดได้แบบเดียวเท่านั้นซึ่งก็คือ ที่ผ่านมาเธอแกล้งทำตัวบ้าบอไปเองหรือไม่เอรีน่าก็ต้องทำอะไรกับเธอช่วงที่เอาตัวไปที่พระราชวังแน่ๆ
ผู้หญิงนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ
เมื่อแปลกใจได้ไม่นานทางผมก็ไม่มีทางเลือกเลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทาร์เลียฟังจะได้ไม่ต้องมานั่งเก็บความลับอะไรมากมาย เรื่องที่พ่อเธอขอร้อง เรื่องที่เจออิคเนอร์และเรื่องการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในทวีปลึกลับที่ผมได้ส่งคนไปตรวจสอบ
แต่ว่า
ท่าทางของเธอต่างจากที่คิดเอาไว้มากเพราะเธอกำลังนั่งหลับตาอย่างใจเย็น พร้อมกับพยักหน้าขึ้นลงแบบคนยอมรับได้
ผิดคาดแหะ!
“ถ้างั้น ถ้าเกิดว่าเรื่องที่ท่านพูดมามันเป็นเรื่องจริง” ถ้าอะไรละมันเป็นเรื่องจริง! “ข้าก็อยากจะถามว่าเมื่อไหร่ท่านจะส่งข้ากลับไปละ ถ้าท่านตกลงไปที่นั่นข้าก็ไปด้วย แต่ว่า ถ้าท่านไม่ไปที่นั่นข้าก็ต้องรอพบกับท่านพ่อและคนในเผ่าแบบทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”
อะไรของเธอ
งงในงง จริงๆ พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลยแต่ยังไงก็สรุปได้ว่าเธอต้องรออยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือไง
“เอาเป็นว่าที่เธอไม่สามารถกลับไปได้เพราะมันเป็นสัญญาณของลูกผู้ชาย!”
ผมทำหน้าจริงจังในระหว่างพูดช่วงท้ายไปด้วย
แต่
ทาร์เลียกลับสะบัดมือไปมาด้วยสีหน้าออกรำคาญหน่อยๆ
“ท่านเลิกพูดจาหลอกเด็กแบบนั้นได้แล้ว ข้าไม่อยากเล่นเป็นเด็กไม่รู้เรื่องแล้ว”
โห่ว!
สรุปแล้วที่ผ่านมาเธอแกล้งมาตลอดเลยสินะ
“แต่ว่านะท่านดรารอน์ ข้าเองก็รู้สึกผิดกับท่านจริงๆ”
“รู้สึกผิด…?”
“ค่ะ”
ทาร์เลียตอบด้วยใบหน้ายิ้มแป้น
ทันทีที่เธอตอบออกมาแบบนั้นรถม้าก็หยุดลงแล้วทาร์เลียก็เดินไปที่ประตูพร้อมกับหันมาหาผมอีกครั้ง
“เรื่องนี้มันไม่ใช่ความคิดของข้านะ”
“ห่ะ?!?!?!”
ในระหว่างกำลังสงสัยกับคำพูดของเธอประตูรถม้าก็เปิดออก
บ้าจริง! เป็นคำแรกที่ผมอุทานออกไปเมื่อเห็นภาพด้านหน้า ก็ยังว่าอยู่ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้พูดอะไรที่ไม่เข้าใจออกมาแล้วยังออกตัวว่าไม่ใช่ความคิดของตัวเองอีก เฮ้อ~
สิ่งที่อยู่ด้านหน้าของผมตอนนี้ก็คือเอรีน่าและพวกลาฟเชียร์ที่สวมชุดเดสสวยงามกันอยู่ ซึ่งในมือของด้านหลังของพวกเธอทั้งหมดก็ถือเค้กเอาไว้ด้วย
ใช่แล้ว!
วันนี้เป็นวันที่ 64 เดือน 18 ปีเดเชียที่ 518
ซึ่งวันนี้มันเป็นวันเกิดของผมนั่นเอง!
เห็นว่าไม่มีทางเลือกผมก็ลุกออกจากรถม้าแล้วเดินลงไป จากนั้นก็คุยกับเอรีน่าเรื่องเวลาเพราะช่วงนี้ไม่มีเวลามาทำอะไรแบบนี้ แต่ว่า ไม่ว่าผมจะพูดอะไรก็โดนดักทางเอาไว้หมดแถมช่วงท้ายที่ดูเหมือนว่าจะชนะเอ็ดเน่ก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้แล้วกอดแขนของผมเอาไว้อีก
“เฮ้อ~ เอาแบบนั้นก็ได้ ข้าจะอยู่งานก็ได้แต่ว่า-”
“สำเร็จ!”
“สำเร็จ!”
เอ็ดเน่กับเอรีน่าพูดพร้อมกับด้วยใบหน้ายิ้มแบบผู้ชนะ
ชิ! จะร้องไห้นั่นมันเป็นแผนเองเหรอ
ในระหว่างกำลังเจ็บใจผมก็หันมองไปทางลาฟเชียร์ เอเนเชียร์และเนสก้า เมื่อมองเห็นชุดที่พวกเธอใส่แล้วผมก็เข้าใจได้ทันทีว่าวันนี้เอรีน่าไม่ได้รังผมเอาไว้เพราะจัดงานวันเกิดแน่นอน เหอะๆ
ถึงจะรู้แก่ใจแต่ตอนนี้ก็ยังพูดอะไรไม่ได้อยู่ดี
ระหว่างกำลังเหนื่อยใจเอ็ดเน่ก็มาดึงแขนของผม
“ท่านพี่ไปกันเถอะ วันนี้ท่านแม่บอกว่าเตรียมของขวัญเอาไว้ให้ท่านด้วยข้าอยากเห็นจริงๆ”
“อะ อ่า”
ของขวัญเลยเหรอ….
“อะไรกันท่านไม่อยากได้เหรอ?”
แววตาบริสุทธิ์ของเอ็ดเน่ทำให้รู้เลยว่าเธอคงไม่รู้เรื่องของขวัญแน่ๆ
“อยากสิ….”
เมื่อตอบไปผมก็มองไปทางเอรีน่าแล้วก็เห็นเธอกำลังแสยะยิ้มแบบมีนับโดยเอามือปิดปากเอาไว้อยู่ แน่นอน! ไม่ผิดแน่! รอยยิ้มแบบนั้น!
จากนักเขียน. ตอนหน้าอยากเขียนฉาก 18+ จริงๆ แต่ว่า ถ้าเขียนแล้วโดนแบนมันก็ไม่คุ้มเพราะงั้นจินตนาการเอาเองนะครับ T__T!