เกิดใหม่อีกครั้งกับการแย่ง ตอนที่ 125 เป้าหมายที่มีน่าต้องรู้
ตอนที่ 125 เป้าหมายที่มีน่าต้องรู้
ณ ห้องทำงานของเฮเลอร์
หลังจากที่สั่งคาสันไปได้ไม่นานมีน่าก็เดินเข้ามาหาผมในห้องด้วยหน้าตาที่กำลังสงสัยมองมาทางผมอยู่ ตอนนี้เธอกำลังสวมชุดที่เหมือนกับขุนนางทั่วไปของประเทศนี้เป็นชุดไหมสีขาวทั้งเสื้อและกางเกง อยากถามอยู่หรอกวาเป็นอะไรกับสีขาวมากไหมเพราะชุดก่อนหน้านี้มันก็ขาว แต่ช่างเถอะ เพราะมาดูแบบนี้มันก็เหมาะกับเธอเหมือนกัน ไม่แปลกที่เลยชไนน์เดอร์หลงขนาดนั้น แถมกำลังเป็นที่พูดถึงในเมืองแห่งนี้มากอยู่ด้วยว่าผมจับตัวเธอมาเพื่อเอามาเป็นของระบายอารมณ์
เฮ้อ~
“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง สามารถปรับตัวได้แล้วใช่ไหม?”
ผมเริ่มถามก่อน
“ค่ะ ช่วงนี้ทั้งเรื่องอาหารการกินและภาษาก็เริ่มดีขึ้นมาบ้างแล้ว”
“อื้ม! ถ้างั้นพวกเราก็มาพูดถึงเรื่องต่อไปเลยก็แล้วกัน ทางข้าเชื่อว่าเธอเองก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าทางนี้ต้องการอะไรถึงได้ให้ชไนน์เดอร์ตามประกบดูแลเธอแบบนั้น จริงไหม”
พูดจบมีน่าจากที่กำลังมองหน้าของผมก็เบนสายตาลงเล็กน้อยด้วยท่าทางเขินออกมา นี่เราพูดอะไรน่าอายออกไป ทำไมต้องแสดงท่าทางแบบนั้น???
จากนั้นมีน่าก็พูดด้วยน้ำเสียงแพรวว่า “ระ- เรื่องนั้นข้ารู้ดีคะ แล้วท่านก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นด้วย ทางข้าสามารถจัดการได้”
ไม่ต้องห่วง?
จัดการได้?
ยัยนี่รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา อีกอย่างสรุปเข้าใจแบบเดียวกับสิ่งที่ฉันต้องการจะบอกไหมละเนี่ย ถ้าเธอสามารถจัดการได้เรื่องมันก็ไม่ยุ่งยากแบบนี้หรอก แถมบอกว่ามาไม่ต้องห่วงอีก มันจะไม่ห่วงได้ยังไงถ้าเรื่องนี้มันไม่สำเร็จการปกครองประเทศคนเถื่อนของฉันก็ยุ่งยากนะสิ
“เธอเข้าใจจริงๆ ใช่ไหม”
“แน่นอนคะ”
ผมเริ่มถามต่อเพื่อยืนยัน แต่ครั้งนี้มีน่าตอบมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจมากพร้อมกับมองเข้ามาทางผมด้วยแววตาเอาจริง ตามจริงได้ยินแบบนี้มันก็สบายใจอยู่หรอกแต่เธอคงกำลังเข้าใจผิดกับเรื่องที่ผมจะสะ-
“เมื่อสองอาทิตย์ก่อน”
มีน่าพรึมพรำออกมา
“ช่วยพูดให้ดังกว่านี่หน่อยข้าไม่ได้ยิน เกิดอะไรขึ้นกับเมื่อสองอาทิตย์ก่อน?”
“ข้าได้นอนกับท่านชไนน์เดอร์ไปแล้วคะ!!!”
มีน่าตะโกนเพื่อเป็นคำตอบโดยหลับตาทั้งสองข้างลงระหว่างพูดมา
เอ่ะ!
เอาจริงดิ! นี่ชไนน์เดอร์มันเดินงานได้เร็วขนาดนี้เลยงั้นเหรอ ประมาทไม่ได้จริงๆ เสียแรงที่เป็นห่วงมันไปสะตั้งขนาดนั้น
ชิ!
แต่เมื่อผมลองคิดดูเหตุการณ์แบบนี้มันก็เกิดขึ้นไม่ยาก เพราะเมื่อไม่กี่เดือนก่อนระหว่างที่ไคเซอร์นำทัพไปจับตัวพวกขุนนางทรยศมาผมก็ให้เธอเดินตามชไนน์เดอร์ไปด้วยโดยอ้างว่าไปศึกษาเอาไว้ แต่ใจจริงก็อยากจะเพิ่มความสัมพันธ์ของทั้งสองคน แต่มันก็ไม่คิดเลยว่าจะเพิ่มขนาดนี้แบบนี้มันก็เพิ่มเกินไป
“เฮ้อ~” ผมถอนหายใจด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจ จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า “ถ้าเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้วทางเธอเองก็รู้ดีใช่ไหมเกี่ยวกับเรื่องของการปกครองประเทศ เพราะทางข้าจะให้ผู้หญิงปกครองประเทศไม่-”
“เรื่องนั่นท่านไม่ต้องห่วงคะ!”
อย่างน้อยก็ให้พูดจบก่อนสิ
ผมยังพูดไม่ทันจบมีน่าก็ตอบออกมาก่อน ด้วยใบหน้าที่ยิ้มออกมาแบบอ่อนๆ แต่จะว่าไปเรื่องแบบนี้ก็ไม่ต้องเป็นห่วงจริงนั่นแหละ เมื่อดูจากท่าทางที่ชไนน์เดอร์มันแสดงออกมาเวลาอยู่ต่อหน้าของเธอตัวชไนน์เดอร์ก็เป็นได้เพียงช้างเท้าหลังเท่านั้น มีน่าสั่งอะไรมันคงไม่ขัดเธอหรอก แถมยังเป็นรักครั้งแรกด้วยแบบนี้
เรียกว่า ทาสสมบูรณ์แบบ! ก็ไม่ได้เกินจริงอะไรเลย
จากนั้น
“ถ้างั้นเมื่อเธอเข้าใจแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็ออกไปได้ เดี๋ยวหลังจากสงครามจบข้าจะส่งเธอกับชไนน์เดอร์ไปปกครองประเทศคนเถื่อนและดึงตัวของแชงค์กลับมา แล้วอย่าทำให้ผิดหวังละ เพราะต่อให้เป็นคนรักของชไนน์เดอร์ทางข้าเองก็ไม่ปล่อยเอาไว้เหมือนกัน เธอเองก็คงรู้แล้วใช่ไหมถ้าทรยศมันจะเกิดอะไรขึ้น!”
“ค่ะ เรื่องนั่นท่านไม่ต้องเป็นห่วง”
คำพูดช่วงท้ายผมเน้นย้ำไปหน่อยเพื่อให้เธอรู้จุดยืนของตัวเอง แต่ทางมีน่าก็ตอบออกมาแบบปกติพร้อมก้มหัวลงเล็กน้อยแบบรับคำสั่ง แต่ก็นะ เธอเองก็ได้เห็นเรื่องที่เกิดกับพวกขุนนางทรยศเมื่อวานไปแล้ว ได้เห็นเรื่องแบบนั้นในหัวคงไม่มีความคิดทรยศอยู่หรอก เหอะๆ
ระหว่างที่มีน่ากำลังจะเดินออกไป
“จริงสิ!”
ผมก็คิดอะไรออก
ทางมีนาก็หยุดชะงักหันกลับมาทางผมด้วยหน้าตาสงสัย แล้วผมก็พูดออกไปต่ออีกว่า “ออกไปแล้วเรียกชไนน์เดอร์มาหาข้าด้วย ข้าต้องการคุยเรื่องเกี่ยวกับหน้าที่ของมันสักหน่อย”
“ค่ะ”
จากนั้นเธอก็ออกไป
แต่ประตูยังไม่ทันปิดชไนน์เดอร์มันก็เดินเข้ามาต่อ พร้อมใบหน้าที่ยิ้มแบบดีใจ เอาตามตรงตอนนี้ผมคิดไม่ออกเลยว่าจะเริ่มถามอะไรกับมันก่อนระหว่าง
ยิ้มแบบนั้นเพราะอะไร! หรือ ทำไมถึงได้เข้ามาเร็วแบบนี้!
มันคงยืนรออยู่หน้าห้องตั้งแต่มีน่าเข้ามาแล้วแน่ๆ ถึงได้เข้ามาเร็วแบบนี้ ให้ตายสิ จะห่างกันสักชั่วโมงสองชั่วโมงไม่ได้เลยหรือไง เฮ้อ~
แต่ถึงจะเข้าใจเหตุผลที่มันเดินเข้ามาทันทีแบบนี้แล้วก็เถอะ แต่ว่าส่วนของเรื่องที่มันกำลังยิ้มแบบดีใจตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในห้องก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่ามันกำลังยิ้มเพราะอะไร นี่หรือว่ามันกำลังเยาะเย้ยเราอยู่งั้นเหรอ?
ไม่หรอก!
เรื่องแบบนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะยังไงสะมันก็คงไม่กล้าทำแบบนั้นแต่ถึงจะกล้าเดี๋ยวมันก็จะได้รู้ผลที่ตามมาแน่ หึ!
หลังจากที่พยามคิดแล้วยังไม่ได้คำตอบสักที ผมก็เริ่มถามออกไปด้วยน้ำเสียงแข็งว่า “ยิ้มแบบนั้นหมายความว่ายังไง มันมีเรื่องอะไรน่าดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ..?”