เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 8
เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 8
ฮัวหยงยกดาบยาวขึ้นพาดบ่าก่อนจะแค่นเสียงดูแคลน "กองทัพพันธมิตรอะไรกัน เพียงไก่กาสุนัขฝูงหนึ่งเท่านั้น มีผู้ใดกล้าออกไปฆ่าเจ้าผู้นั้นหรือไม่?"
"ผู้น้อยขออาสา" แม่ทัพโฮจิ้นก้าวออกมาพร้อมขันอาสา
"ดี แม่ทัพโฮเป็นผู้เหี้ยมหาญของทัพเรา หากตัดศีรษะแม่ทัพข้าศึกได้ ข้าจะรายงานผลงานต่อใต้เท้าไท่ซือด้วยตนเอง" ฮัวหยงหัวเราะ
"ขอบคุณท่านแม่ทัพ" โฮจิ้นกล่าวขอบคุณด้วยความตื่นเต้น เขารับดาบฉางเตาจากทหารติดตามก่อนจะพลิกตัวขึ้นหลังม้าและควบขี่ออกไป
เมื่อเห็นว่าผู้ที่ออกมาประลองกับตนคือโฮจิ้น เทียเภาก็ไม่ได้กล่าวอะไร เขากระตุ้นม้าพลางยกตั้งเล็งหอกพุ่งเข้าหาโฮจิ้น หลังจากปะทะกันได้สามกระบวนท่า โฮจิ้นก็เริ่มหน้าดำคล่ำเครียด อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขามาก และเขาก็กำลังตกเป็นรอง
เมื่อเห็นว่าเทียเภาเองก็เริ่มมือไม้ปั่นป่วนและเผยจุดอ่อนออกมา สีหน้าของโฮจิ้นก็ทอแววยินดี เขารีบแทงดาบยาวเข้าใส่หน้าอกของเทียเภา ทว่าเทียเภาพลันเอี้ยวตัวหลบพร้อมคำรามพลางเสือกแทงหอกเสียบใส่คอหอยของโฮจิ้นจนจบชีวิตไป
เมื่อได้เห็นฝีมืออันเหี้ยมหาญของเทียเภา ฮัวหยงก็มีสีหน้าประหลาดใจ ในบรรดาแม่ทัพนายกองของทัพเสเหลียง ฝีมือของโฮจิ้นก็ไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใด
เมื่อซุนเกี๋ยนเห็นว่าเทียเภาสามารถสังหารโฮจิ้นลงได้ เขาก็ยกชูดาบนำทัพบุกเข้าตีด่านกิสุยก๋วน ทหารม้าสองพันนายที่ติดตามโฮจิ้นออกมารีบถอยทัพกลับเข้าด่าน
ขณะที่ควบม้าโถมบุกได้สักพัก ซุนเกี๋ยนก็พบว่าประตูด่านถูกปิดสนิทไปแล้วเรียบร้อย ที่รอต้อนรับพวกเขาอยู่ก็คือลูกธนูที่ปลิวลงมาดุจห่าฝน เนื่องเพราะอุปกรณ์ตีเมืองยังไม่ได้ถูกจัดส่งมา เขาจึงจำต้องนำกำลังถอยไปตั้งค่ายที่เหลียงตงและรอคอยให้อุปรณ์ตีเมืองถูกจัดส่งมาถึง ถึงตอนนั้นเขาจะนำกำลังกลับมาตีด่านกิสุยก๋วนอีกครั้ง
ซุนเกี๋ยนรู้สึกยินดีอย่างยิ่งกับชัยชนะครั้งแรกของตน สามารถกวาดล้างขุนนางชั่วข้างกายองค์ฮ่องเต้ นี่นับเป็นผลงานชิ้นใหญ่ต่อราชสำนัก หากว่าเขาสามารถตีหักด่านกิสุยก๋วนได้ ถึงตอนนั้นเขาจะกลายเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งแผ่นดิน
"นายท่าน หญ้าเสบียงของเราในเวลานี้เหลือพอให้ใช้ได้ถึงวันนี้เท่านั้น และเสบียงที่จะต้องถูกจัดส่งมาก็ยังไม่มีข่าวคราวแต่อย่างใดเลยขอรับ" หลังจากที่เทียเภาออกไปตรวจสอบเสบียง เขาก็รีบกลับมารายงานต่อซุนเกี๋ยน
"ส่งคนไปสอบถามจากอ้วนสุดทันที เรื่องหญ้าเสบียงเป็นเรื่องใหญ่ จะขาดหายไปไม่ได้" เพิ่งชนะศึกมาได้ แต่ความสุขของซุนเกี๋ยนก็คงอยู่ได้ไม่นาน ปัญหาเรื่องเสบียงทัพเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้โดยเด็ดขาด
"ขอรับ" เทียเภารีบรับคำจากไป
............
อีกด้านหนึ่ง ลิโป้กำลังเยี่ยมชมค่ายที่พักของกองทัพพันธมิตร ตัวเขามีชื่อเสียงจากการตั้งประจัญหน้ากับตั๋งโต๊ะ จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะทำความสนิทสนมกับเหล่าแม่ทัพเจ้าเมือง ตัวเองเขายังปลื้มปิติไม่น้อยที่เขาสามารถเรียกพี่เรียกน้องกับเหล่าแม่ทัพเลื่องชื่อในประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ดีเขาพบว่าในบรรดาเจ้าเมืองทั้งหลาย นอกจาก กองซุนจ้าน ม้าเท้ง และโจโฉผู้ที่สนทนาพูดคุยกับเขาด้วยความยินดีแล้ว ทัศนคติของเจ้าเมืองคนอื่นๆนั้นค่อนข้างที่จะเฉยชาและมีร่องรอยของความรังเกียจอยู่
"เรียนท่านแม่ทัพ พลสอดแนมรายงานมาว่า เวลานี้กองทัพของซุนเกี๋ยนหมดสิ้นซึ่งเสบียงอาหารแล้ว แต่ด้วยเหตุใดก็ไม่อาจทราบ อ้วนสุดกลับชะลอการจ่ายเสบียงเอาไว้ ว่ากันว่าคนของซุนเกี๋ยนที่ส่งมาทวงถามเสบียงยังถูกเขากักตัวไว้ด้วยขอรับ" โจเส็งเข้ามากระซิบบอก
"ฮึ่ม ช่างเป็นตัวร้ายที่มีสายตาคับแคบจริงๆ" ความประทับใจที่เขามีต่ออ้วนสุดพลันลดต่ำลงอีกระดับ อาศัยว่าตัวเองมีพื้นฐานตระกูลดีก็ทำตัวเลวทรามในค่ายกองทัพพันธมิตร คนเช่นนี้วันหนึ่งจะต้องได้รับผลกรรมแน่
"โจเส็ง รีบจัดเตรียมทหารม้าสองพันติดตามข้าไปช่วยเหลือแม่ทัพซุน!" หลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลิโป้ก็ออกคำสั่ง
"ขอรับ" โจเส็งกุมมือรับ
"ท่านแม่ทัพ ซุนเกี๋ยนกับพวกเราไม่ได้มีบุญคุณอะไรต่อกัน อีกทั้งหลายวันก่อนท่านยังเอ่ยปากเตือนเขาไปแล้ว ใยพวกเราต้องไปช่วยเขาด้วย?" โกซุ่นประหลาดใจยิ่ง ลิโป้ทราบล่วงหน้าได้อย่างไรว่าเสบียงของทัพซุนเกี๋ยนจะเกิดปัญหา
"ซุนเหวินไถเป็นแม่ทัพพยัคฆ์ อีกทั้งเขายังขันอาสาเป็นทัพหน้าไปรบกับตั๋งโต๊ะก่อน พวกเราจะนั่งนิ่งอยู่เฉย ปล่อยให้พันธมิตรร่วมรบต้องพ่ายแพ้โดยไม่ทำอะไรงั้นรึ? อีกทั้งทัพของเราในกองทัพพันธมิตรยังมีกำลังคนค่อนข้างน้อย การคบหาเป็นสหายกับเจ้าเมืองคนอื่นๆไว้ก็เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้สองพี่น้องตระกูลอ้วนหาทางกดหัวพวกเรา โดยเฉพาะอ้วนกงลู่[1] ข้าต้องหาทางระวังป้องกันไว้ก่อน"
[1 กงลู่ ชื่อรองของ อ้วนสุด]
หลังฟังการจำแนกแจกแจงของลิโป้แล้ว โกซุ่นก็กุมมือกล่าวชื่นชม "ท่านแม่ทัพช่างมีสายตากว้างไกลนัก"
"นี่เจ้าไปหัดเรียนการประจบสอพลอมาตั้งแต่เมื่อใดกัน?" ลิโป้หัวเราะ
"ผู้น้อยเพียงกล่าวจากใจ ท่านแม่ทัพสามารถนับคำนวณได้แต่แรกถึงปัญหาของซุนเกี๋ยน แสดงว่าท่านแม่ทัพกระจ่างแจ้งถึงนิสัยใจคอของอ้วนสุด"
"แม่ทัพโก แม่ทัพโจและข้าจะนำทัพม้าไปช่วยเหลือแม่ทัพซุน กิจธุระทั้งหมดของทัพปิงโจวยกให้ท่านดูแลจัดการชั่วคราว หากเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงใด ให้ท่านตัดสินใจแก้ปัญหาได้เลย"
"ขอรับ" โกซุ่นกุมมือกล่าวรับคำเสียงดัง นับตั้งแต่ที่ลิโป้ร่วงม้ารับบาดเจ็บคราวนั้น เขาก็พบว่าลิโป้เปลี่ยนไปมาก ลิโป้กลายเป็นห่วงใยไพร่พลและรู้จักการประเมินผู้อื่นมากขึ้น เขาเชื่อว่าเรื่องเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะลิโป้ต้องการอุทิศความสามารถเพื่อไม่ให้ใต้เท้าเต๊งหงวนต้องผิดหวัง
ข่าวเรื่องกองทัพของซุนเกี๋ยนขาดแคลนเสบียงได้ล่วงรู้ไปถึงหูของฮัวหยง และภายใต้การคิดอ่านวางแผนของลิซก ฮัวหยงก็แบ่งกองกำลังออกเป็นสองสาย แยกย้ายบุกเข้าตีค่ายของซุนเกี๋ยนในช่วงกลางดึก
ซุนเกี๋ยนที่กำลังกังวลเรื่องเสบียงย่อมไม่คาดคิดว่าฮัวหยงจะนำกำลังบุกมาโจมตีในเวลานี้ ไพร่พลของเขาอดข้าวอดน้ำ ทั้งยังผ่านการรบมาหลายศึกโดยไม่หยุดหย่อน ดังนั้นจึงอยู่ในช่วงที่อ่อนโทรมที่สุด ดังนั้นเมื่อถูกบุกตีค่าย เหล่าไพร่พลจึงรับมือด้วยความสับสน บางส่วนเหยียบย่ำกันเอง ไพร่พลทหารล้มตายจำนวนมาก
"อ้วนสุด เจ้าคนชั่วช้านั่นกลับลอบแทงข้างหลังข้า!" ซุนเกี๋ยนด่าทอด้วยโทสะ
"ท่านแม่ทัพ ฮัวหยงนำกำลังเข่นฆ่าใกล้เข้ามาแล้วขอรับ!" เทียเภาจัดกำลังนำไพร่พลเข้าต่อสู้กับทัพของฮัวหยง แต่ดูเหมือนว่าจะต้านทัพเสเหลียงได้อีกไม่นานแล้ว
"ท่านแม่ทัพ รีบถอยก่อนเถอะขอรับ!" โจเมานำไพร่พลมาอารักษ์ขาพลางกล่าวโน้มน้าวอย่างกังวล
"กงฟู่[2] พวกเจ้าไปก่อน" เมื่อเห็นเหล่าผู้ใต้บัญชาต่อสู้จนเลือดหลั่งชโลมกาย ดวงตาของซุนเกี๋ยนก็ปรากฏหยดน้ำตาขึ้น คิดไม่ถึงว่ากองทัพของเขาจะต้องมาพ่ายแพ้เพราะขาดแคลนเสบียง นี่จะมีคำกล่าวต่อเหล่าไพร่พลของเขาอย่างไร
[2 ชื่อรองของอุยกาย]
"ท่านแม่ทัพโปรดระงับความเศร้าโศก มีเพียงเก็บออมกำลังไว้ วันหน้าจึงค่อยล้างแค้นให้พวกเราได้" เทียเภาต่อสู้กับข้าศึกจนโลหิตเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้า
"ไป" ซุนเกี๋ยนกัดฟัน ไพร่พลของเขาหลั่งโลหิตเข้าต้านทานศัตรู แต่ตัวเขากลับเลือกที่จะหลบหนี นี่สร้างแผลใจแก่เขายิ่ง
ฮัวหยงทำตามอุบายของลิซก ทำการจุดไฟเผาค่ายกระโจมทุกหลัง ควบคู่ไปกับการโถมเข้าเข่นฆ่าของทัพม้าเสเหลียง กองทัพของซุนเกี๋ยนก็พ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว
"ซุนเกี๋ยนจะหนีไปไหน!" ฮัวหยงเมื่อเห็นว่าโจเมานำกำลังคุ้มกันซุนเกี๋ยนตีฝ่าออกไปก็ตะโกนขึ้น
ซุนเกี๋ยนยกชูดาบคู่ใจพลางตะโกน "โจรน้อย รอดูว่าแม่ทัพผู้นี้จะเอาชีวิตเจ้าอย่างไร"
ดาบทั้งสองเล่มฟาดฟันใส่กันก่อนจะแยกออก ฮัวหยงตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าซุนเกี๋ยนจะเยี่ยมยุทธ์เช่นนั้น เขารีบปลุกปลอบสมาธิเข้าต่อสู้กับซุนเกี๋ยน
หลังจากประดาบกันไปได้หลายกระบวน ซุนเกี๋ยนก็เห็นว่าทัพข้าศึกที่ตรงมาทางเขายิ่งมายิ่งมาก เมื่อเห็นว่าผิดท่า เขาใช้เท้ากระตุ้นท้องม้าควบขี่จากไป แน่นอนว่าฮัวหยงย่อมไม่ปล่อยซุนเกี๋ยนไปง่ายๆ เขาโห่ร้องนำทัพม้าติดตามไล่ล่าซุนเกี๋ยน
ทหารม้าแห่งเหลียงโจวนั้นล้วนแต่เป็นยอดทหารม้า ทุกที่ที่พวกเขาควบม้าผ่านล้วนราบคาบเป็นหน้ากลอง ทหารองค์รักษ์ข้างกายของซุนเกี๋ยนยิ่งมาก็ยิ่งลดน้อยลงทุกที
ทักษะการใช้ดาบฉางเตาของฮัวหยงหลอกหลอนประดุจผีสาง ยิ่งมาก็ยิ่งควบม้าเข้าใกล้ซุนเกี๋ยนเข้าไปทุกที "เด็กน้อยซุนเกี๋ยน เจ้าจะหนีไปไหน ยังไม่รีบลงม้ายอมจำนนอีก แม่ทัพผู้นี้จะช่วยพูดกับท่านไท่ซือให้ละเว้นชีวิตเจ้าไว้"
"อย่าได้เพ้อฝัน!" ซุนเกี๋ยนแค่นเสียง ดาบในมือฟันทหารเสเหลียงร่วงม้าไปหลายคน ทำให้ทหารม้าเสเหลียงที่ไล่ติดตามมาต่างสะท้านอยู่ในใจ
"คุ้มครองท่านแม่ทัพ!" โจเมาตะโกนก่อนจะหันหัวม้าพุ่งโถมเข้าใส่ฮัวหยง
"ต้าหลง! [3]" ซุนเกี๋ยนหลั่งน้ำตา
[3 ชื่อรองของโจเมา]
"นายท่านโปรดรีบหนี" โจเมากล่าวอย่างกังวล
หลังจากประดาบไปหลายกระบวน เรี่ยวแรงของโจเมาก็เริ่มหมดลง แต่ฮัวหยงก็แทบจะถูกฟันร่วงม้าไปหลายหน
ทหารติดตามเริ่มล้มหายตายจาก ซุนเกี๋ยนก็รู้สึกว่าไม่มีหวังที่จะตีฝ่าทัพเสเหลียงออกไปได้ ดังนั้นเขาจึงเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า "อ้วนกงลู่ แม่ทัพผู้นี้จะไม่ขออยู่ร่วมฟ้าเดียวกับเจ้า!"
ฮัวหยงเมื่อเห็นว่าซุนเกี๋ยนเลิกดิ้นรนขัดขืนแล้วก็นึกยินดี ตราบที่เขาสามารถฆ่าแม่ทัพทัพหน้าของกองทัพพันธมิตรสิบแปดหัวเมืองได้ นี่จะเป็นผลงานการรบชิ้นใหญ่ และสถานะภายในกองทัพเสเหลียงของเขาจะสูงขึ้นอีกมาก
โจเมาที่เบื้องหน้าผู้นี้สร้างความรำคาญให้กับฮัวหยงยิ่ง แม้ว่าโจเมาจะมีฝีมือไม่สู้ตน แต่อีกฝ่ายก็ใช้กระบวนท่าตกตายตามกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่กังวลว่าตนเองจะต้องตายแม้แต่น้อย หากว่าฮังหยงดึงดันจะสังหารโจเมา ตัวเขาเองก็ต้องเจ็บหนักไปด้วย นั่นเป็นสิ่งที่ฮัวหยงไม่กล้าแบกรับ
ซุนเกี๋ยนยกชูดาบนำเหล่าทหารติดตามหันหัวม้าเข้าต่อสู้กับทัพเสเหลียง เมื่อเห็นความกล้าหาญของผู้นำ เหล่าทหารติดตามก็ยึดถือการตายดุจคืนสู่มาตุภูมิ พวกเขาเข้าเข่นฆ่าทัพเสเหลียงด้วยสภาวะไร้ต้าน