ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 5
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 7

เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 6


เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 6

เมื่อผ่านพ้นหนึ่งเดือน ทัพเสเหลียงก็กลายเป็นเป้าหมายในการฝึกฝนของทัพปิงโจว พวกเขาเคลื่อนกำลังไปฝึกซ้อมใกล้กับเมืองลั่วหยางอยู่เป็นระยะ

สิ่งที่ทำให้ไพร่พลทัพเสเหลียงรู้สึกแปลกใหม่ก็คือคำขวัญของทัพปิงโจว "ปกป้องครอบครัว พิทักษ์บ้านเมือง สู้จนเลือดหยดสุดท้าย" เสียงตะโกนคำขวัญนี้ยิ่งมายิ่งเสียงดัง ยิ่งมายิ่งพร้อมเพรียงกัน

ในสายตาของตั๋งโต๊ะและคนอื่นๆ ทัพปิงโจวมาที่นี่เพื่อยั่วยุ ดังนั้นจึงไม่ได้ให้ความสนใจแต่ประการใด นี่ไม่ใช่ว่าตั๋งโต๊ะไม่ต้องการส่งคนออกไปมอบบทเรียนให้กับลิโป้ หากแต่เพราะภายในเมืองลั่วหยางมีตระกูลและผู้คนที่พร้อมจะลุกฮือขึ้นตลอดเวลาอยู่ อีกทั้งกำลังของตระกูลและชาวเมืองก็ไม่ใช่สิ่งที่จะประมาทได้ ดังนั้นตั๋งโต๊ะจึงได้สะกดอดกลั้นไว้

ในช่วงระหว่างนี้ ลิโป้ได้รับจดหมายที่ส่งมาจากภายในเมืองหลายฉบับ หลังจากเปิดอ่านดูแล้ว ลิโป้ก็ทำการเผาทิ้งทันที พวกขุนนางในเมืองลั่วหยางถึงกับบอกให้เขานำกำลังบุกตีเมืองลั่วหยางทั้งๆที่ทราบดีว่ากำลังพลของตั๋งโต๊ะเหนือกว่าทัพปิงโจวของเขามาก เห็นได้ชัดว่าขุนนางเหล่านั้นเพียงเห็นเขาเป็นคนโง่ การบุกเข้าช่วยองค์ฮ่องเต้และพาเหล่าขุนนางออกมานั้นแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เต๊งหงวนเคยถูกขุนนางต่ำช้าเหล่านี้หลอกใช้มาแล้ว และเขาก็ต้องจบชีวิตลงใต้เงื้อมมือของตั๋งโต๊ะ

ตั๋งโต๊ะทำตามคำแนะนำของลิยู เพื่อที่จะเถลิงอำนาจในราชสำนักฮั่นและเอาชนะใจผู้คน เขาได้ทำการเลื่อนตำแหน่งให้เหล่าขุนนางอย่างอุกอาจ พยายามจะซื้อใจขุนนางของราชสำนัก แม้แต่อ้วนเสี้ยวที่เคยต่อต้านเขาและต้องหลบหนีออกจากเมืองหลวงไปก็ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองปุดไฮ

แต่สำหรับน้ำใจของตั๋งโต๊ะนี้ ชัดเจนว่าไม่อาจซื้อใจของอ้วนเสี้ยว เขาได้รับสมัครไพร่พลและจัดหาอาชามาเข้าร่วม ด้วยชื่อเสียงบารมีของตระกูลอ้วน เขาจึงสามารถดึงดูดเหล่าบัณฑิต ขุนนางบุ๋น และแม่ทัพบู๊มาเข้าร่วมได้เป็นจำนวนมาก

เมื่อได้ข่าวว่ากองหนุนจากเสเหลียงกำลังจะมาถึงเมืองลั่วหยางแล้ว ลิโป้ก็รีบนำทัพล่าถอยไปที่นอกด่านกิสุยก๋วน ขณะที่ฝึกกำลังพลไปพลาง เขาก็รอให้เหล่าเจ้าเมืองรวมกำลังบุกตีตั๋งโต๊ะ เวลานี้ฮ่องเต้พระองค์เก่าถูกตั๋งโต๊ะปลดจากราชบัลลังก์แล้ว เหล่าเจ้าเมืองที่กระจายอยู่ทั่วแผ่นดินก็สมควรก้าวออกมาช่วงชิงโอกาส

เมื่อตั๋งโต๊ะไม่มีลิโป้อยู่ข้างกายดั่งเช่นในประวัติศาสตร์ คราวนี้ตั๋งโต๊ะจะส่งผู้ใดไปเฝ้าที่ด่านเฮาโลก๋วนเพื่อรับมือกับทัพพันธมิตร? แล้วตั๋งโต๊ะจะต้านทานทัพพันธมิตรได้หรือไม่?

ในช่วงเวลานี้พื้นที่โดยรอบลั่วหยางไม่ได้สงบสุข บางครายังปรากฏโจรผู้ร้ายชุกชุม ทัพปิงโจรได้จัดส่งกำลังไปคอยกวาดล้าง สร้างเป็นชื่อเสียงในด้านดีขึ้นมา

ตั๋งโต๊ะที่อยู่ในเมืองลั่วหยางต้องการรับตัวลิโป้มาเข้าร่วมหลายต่อหลายครั้ง แต่ลิโป้ก็เพิกเฉยมาโดยตลอด นอกจากนี้ลิโป้ยังไม่เล่นตามเกม แม้ว่าตอนนี้ปิงโจวจะกลายเป็นของเตียนเอี๋ยงไปแล้ว ลิโป้ที่ควรจะรีบยกทัพกลับไปชิงอำนาจกลับไม่ทำตามนั้น นี่ทำให้ตั๋งโต๊ะรู้สึกไม่สบายใจยิ่ง

เมื่อถึงเดือนกันยา กองทัพของตั๋งโต๊ะก็ใกล้จะสมบูรณ์ ทัพหนุนจากเสเหลียงได้เข้าสู่เมืองหลวงแล้ว นี่ทำให้ตั๋งโต๊ะมีความมั่นใจมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงสั่งเรียกประชุมเหล่าขุนนางให้มาหารือข้อราชการที่ท้องพระโรง ตั๋งโต๊ะชักกระบี่ออกมาชี้ใส่หน้าเหล่าขุนนาง "โอรสสวรรค์อ่อนแอ ไม่เหมาะที่จะบริหารบ้านเมือง มีเพียงการสถาปนาฮ่องเต้องค์ใหม่เท่านั้นจึงจะสามารถฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่นได้!"

ลิยูรีบนำหนังสือที่จัดเตรียมไว้ออกมา "องค์ฮ่องเต้ละทิ้งคุณธรรม ขาดซึ่งความรับผิดชอบ....ผู้น้อยขอเสนอให้องค์ชายหลิวเสีย พระโอรสของฮ่องเต้หลิงตี้ขึ้นสืบราชบัลลังก์เป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ปกครองทวยราษฎร์ด้วยความผาสุก"

ตั๋งโต๊ะเมื่อเห็นว่าเหล่าขุนนางต่างพากันปิดปากเงียบ เขาก็สั่งให้ผู้ติดตามไปพยุงหองจูเปียนลงจากบัลลังก์ พร้อมปลดมาลามงกุฎออก หองจูเปียนได้แต่หลั่งน้ำตานองหน้า

ขุนนางซ่างซูติงกวนพลันตะโกนออกมา "เจ้าโจรเฒ่าตั๋งโต๊ะ เจ้ามันไม่ใช่คน ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถเข่นฆ่า หากว่าเจ้ากล้าปลดโอรสสวรรค์ เจ้าจะต้องไม่ตายดี!"

ได้ยินคำด่าอย่างไม่ไว้หน้าของติงกวนแล้ว ตั๋งโต๊ะก็เดือดดาล เขาสั่งให้ทหารลากตัวติงกวนออกไปตัดหัวทันที หลังจากนั้นก็ไม่มีขุนนางคนไหนกล้าก้าวออกมาอีก ภายใต้การจูงมือของตั๋งโต๊ะ หลิวเสียก็ค่อยๆเดินขึ้นสู่บัลลังก์มังกร

เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เหล่าขุนนางก่อความวุ่นวายได้อีก ตั๋งโต๊ะจึงลอบสั่งการให้ลิยูกำจัดหลิวเปี้ยน บุคคลที่เคยสามารถเรียกลมเรียกฝนได้ มาบัดนี้กลับถูกตั๋งโต๊ะจัดการอย่างไร้ปราณี

ในเวลาเดียวกัน โจโฉที่สมคบคิดกับอ้องอุ้นในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะไม่สำเร็จก็หนีกลับไปยังอำเภอเจียวก๋วนและเริ่มทำการรับสมัครไพร่พล

เตียวโป้เจ้าเมืองแห่งตองกุ๋นได้จัดสร้างราชโองการฉบับปลอมขึ้นมาและส่งไปยังหัวเมืองต่างๆทั่วแผ่นดิน ในนั้นกล่าวถึงพฤติการณ์ชั่วช้านานับประการของตั๋งโต๊ะ มีผู้คนจากหลากหลายที่เริ่มขานรับ ลิโป้ที่ตั้งทัพอยู่นอกด่านกิสุยก๋วนเองก็ได้รับหนังสือเชิญชวนให้เข้าร่วมกำจัดตั๋งโต๊ะเช่นกัน

เจ้าเมืองทั้งสิบแปดหัวเมือง อันประกอบไปด้วย อ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยง ฮันฮกเจ้าเมืองกิจิ๋ว ขงมอเจ้าเมืองอิจิ๋ว เล่าต้ายเจ้าเมืองอิวจิ๋ว อองของเจ้าเมืองโห้ลาย เตียวเมาเจ้าเมืองตันหลิว เตียวโป้เจ้าเมืองตองกุ๋น อ้วนอุ๋ยเจ้าเมืองซุนหยง เปาสิ้นเจ้าเมืองเจปัก ขงหยงเจ้าเมืองปักไฮ เตียวเถียวเจ้าเมืองก่องเล่ง โตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋ว ม้าเท้งเจ้าเมืองเสเหลียง กองซุนจ้านเจ้าเมืองปักเป๋ง ซุนเกี๋ยนเจ้าเมืองเตียงสา โจโฉนายพันทหารม้า อ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองปุดไฮ และลิโป้ นายอำเภอจิ่วหยวน

กองกำลังของเจ้าเมืองทั้งสิบแปดหัวเมืองได้เคลื่อนกำลังมารวมตัวกันอย่างคลี่ฟ้าคุลมดิน ทั่วทุกแห่งหนมีธงโบกสะบัดพัดพลิ้ว ลิโป้ขี่ม้านำทัพปิงโจวที่เรียงแถวอย่างเป็นระเบียบพร้อมตะโกนคำขวัญอย่างขันแข็งมาเข้าร่วม สร้างความสนใจให้กับผู้คน ระหว่างที่เคลื่อนพลผ่าน เจ้าเมืองคนอื่นต่างก็เปิดทางให้ อย่างไรเสียกองทัพปิงโจวก็ทำศึกกับตั๋งโต๊ะมาตั้งแต่แรก พวกเขาย่อมคู่ควรได้รับความเคารพจากผู้คนใต้หล้า

เมื่อข่าวเจ้าเมืองทั้งสิบแปดหัวเมืองมารวมตัวกันก่อตั้ง "กองทัพพันธมิตรสิบแปดหัวเมือง" ล่วงรู้ไปถึงหูตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะก็บังเกิดความกังวล ในความคิดของเขาแล้ว ขอเพียงผลัดเปลี่ยนฮ่องเต้ ในแผ่นดินนี้ก็จะไม่มีผู้ใดกล้าต่อต้านเขาอีก แต่คิดไม่ถึงว่าการกระทำของเขาจะเป็นการราดน้ำมันลงบนกองเพลิง อย่าได้คิดว่าตัวตั๋งโต๊ะนั้นมีทัพเสเหลียงที่เกรียงไกรอยู่ เพราะว่ากองกำลังในสังกัดของเจ้าเมืองทั้งสิบแปดเองต่างก็เข้มแข็งไม่น้อยหน้ากัน ใช้ทัพเดียวต่อสู้กับคนทั้งโลก? ตั๋งโต๊ะยังไม่ได้มีความมั่นใจในตัวเองถึงเพียงนั้น

"เหวินโยว ตอนนี้กองทัพพันธมิตรสิบแปดหัวเมืองมีกำลังรวมกันกว่าห้าแสนคนและกำลังจะบุกมาที่ลั่วหยางแล้ว เจ้ามีแผนใดหรือไม่?"

"ใต้เท้าไม่ต้องกังวล ที่เรียกว่ากำลังพลห้าแสนนาย ออกรบอย่างมากก็มีไม่เกินสองแสนนาย รวมกับเรื่องที่เจ้าเมืองทั้งสิบแปดหัวเมืองนั้นต่างคนต่างความคิด พวกเขาจะต้องไม่ทุ่มกำลังอย่างสุดความสามารถ แม้ว่ากองทัพของเราจะมีกำลังคนน้อยกว่า หากแต่ว่าเมืองลั่วหยางนั้นมั่นคงแข็งแรง ทั้งยังมีเสบียงอุดมสมบูรณ์ ที่ใต้เท้าต้องกระทำก็เพียงแค่ต้องส่งขุนพลไปเฝ้าที่ด่านกิสุยก๋วน ยามเมื่ออีกฝ่ายใช้เสบียงออกจนหมดสิ้น พวกเขาก็ย่อมถอนทัพกลับไปเอง ไม่เป็นภัยคุกคามต่อลั่วหยางเลยขอรับ" ลิยูอธิบาย

"ดี ข้าจะสั่งให้ฮัวหยงนำกำลังห้าหมื่นนายไปเฝ้าด่านกิสุยก๋วน เพียงเฝ้ารักษาเส้นทางไว้ได้ก็ถือว่ามีความดีความชอบใหญ่หลวง" ตั๋งโต๊ะหัวเราะด้วยความยินดี

.........

ลิโป้นำโจเส็งและโกซุ่นไปยังค่ายของทัพพันธมิตร ในฐานะที่เป็นคนจากโลกในอีกหลายพันปีให้หลัง เขาย่อมต้องการจะเห็นว่าเหล่าบุคคลผู้มีชื่อเสียงอย่างเช่น โจโฉ อ้วนเสี้ยว และเล่าปี่นั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร

"ท่านผู้นี้คงเป็นแม่ทัพลิโป้ผู้ภักดีกระมัง?"

ลิโป้หันไปทางต้นเสียงด้วยความสงสัย ที่นั่นมีบุรุษที่ตัวเตี้ยกว่าเขาเกือบสองช่วงศีรษะ บุรุษนั้นสวมใส่เครื่องแบบแม่ทัพและมีดวงตาใสกระจ่าง "ขอเรียนถาม ไม่ทราบว่าท่านคือ?"

"โจโฉ โจเมิ่งเต๋อ"

"ได้ยินชื่อเสียงมานาน พี่เมิ่งเต๋อลอบสังหารโจรเฒ่าตั๋งโต๊ะเพียงลำพัง ความกล้าหาญเป็นที่รู้ทั่วกัน วันนี้นับเป็นวันที่พิเศษ หากว่าพี่เมิ่งเต๋อไม่รังเกียจ ท่านสามารถเรียกหาข้าว่าเฟิ่งเสียน" ลิโป้กล่าวด้วยความชื่นชม

"ตกลง เช่นนั้นข้าคงต้องเสียมารยาทแล้ว เฟิ่งเสียนเป็นแม่ทัพมังกรขุนพลพยัคฆ์ ผู้ทำให้ตั๋งโต๊ะต้องอยู่อย่างไม่เป็นอันกินอันนอน" โจโฉหัวเราะ

"พี่เมิ่งเต๋อกล่าวชมกันเกินไปแล้ว เชิญท่านก่อน" เผชิญกับบุคคลที่มีชื่อเสียงดังกึกก้อง ลิโป้ก็ถ่อมตัว ผู้ใดใช้ให้ตัวเขาแข็งแกร่ง หากแต่ผู้ใต้บัญชาที่มีพรสวรรค์มีน้อยกันเล่า หลังจากที่โจโฉมีชื่อเสียงก็ยังมีผู้ติดตามเขามากมายแม้ในยามลำบาก ซึ่งนี้ก็คือข้อด้อยที่ตัวเขานั้นไม่มี ดังนั้นย่อมเป็นหลักการพื้นฐานที่เขาจะต้องพยายามไม่สร้างศัตรูกับบุคคลประเภทนี้

เดิมทีลิโป้คิดว่าโจโฉนั้นเป็นเพียงนายทหารที่มีดีแค่ความกล้าหาญก็เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าโจโฉจะยังเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีอีกด้วย ท่าทีของลิโป้เองก็สร้างความประทับใจให้กับโจโฉเช่นกัน เหล่าผู้ที่มาจากตระกูลขุนนางบุ๋นมักจะดูถูกดูแคลนเหล่าแม่ทัพบู๊ หากแต่โจโฉนั้นแตกต่างออกไป

หลังจากที่เดินเข้ากระโจมไป โจโฉก็กล่าวแนะนำลิโป้ให้ทุกคนรู้จักอย่างกระตือรือร้น