ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 9
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 11

เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 10


เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 10

"เหอะ เป็นฝีมือพลทหารตัวเล็กๆ? ดังนั้นจึงต้องเชื่อฟัง? แม่ทัพอ้วนผู้สง่างาม เช่นนั้นเป็นว่าเจ้าเชื่อฟังผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองงั้นสิ?" ลิโป้เหน็บแนม

"แม่ทัพลิ พอแล้ว ให้กงลู่ได้อธิบายรายละเอียดเถอะ" อ้วนเสี้ยวเริ่มไม่พอใจต่อการคาดคั้นของลิโป้ ทุกวันนี้ผู้คนยกย่องขุนนางบุ๋นมากกว่าแม่ทัพบู๊

ซุนเกี๋ยนมองลิโป้ด้วยความซาบซึ้งใจก่อนจะกล่าวว่า "โปรดมอบคำอธิบายต่อไพร่พลของข้าด้วย"

อ้วนสุดเป็นคนรอบรู้ สามารถหยิบยกข้อมูลมาปั้นแต่งเรื่องราวได้ในชั่วอึดใจโดยที่ไม่มีผู้ใดสามารถโต้แย้ง อ้วนสุดยิ่งพูดก็ยิ่งคล่องปาก ทำให้เขาดูเป็นบัณฑิตผู้ทรงภูมิ เรื่องราวแทบกลับกลายเป็นว่าซุนเกี๋ยนรบแพ้เองแล้วหาข้ออ้างเพื่อมากล่าวโทษเขา

เจ้าเมืองคนอื่นๆที่อยู่ในกระโจมหันไปซุบซิบพูดคุยกัน ท่าทางของพวกเขาดูประทับใจในการอธิบายเรื่องราวของอ้วนสุด

"อ้วนกงลู่ลงไปดูแลจัดการเสบียงด้วยตนเอง สั่งให้ส่งหญ้าเสบียงให้แม่ทัพซุนทันที แม่ทัพซุนสร้างความดีความชอบในการรบ ได้รับรางวัลเป็นม้าศึกชั้นดีห้าสิบตัวและทองคำร้อยตำลึง"

เมื่อเห็นว่าเหล่าเจ้าเมืองส่วนใหญ่ดูจะโน้มเอียงไปทางอ้วนเสี้ยวมากกว่า ซุนเกี๋ยนก็ได้แต่ยอมรับการจัดการเช่นนี้

"เรียนท่านผู้นำ ครั้งนี้แม่ทัพลิยังนำกำลังไปช่วยเหลือแม่ทัพซุนและขับไล่ฮัวหยงได้ทันเวลา นับเป็นความดีความชอบชิ้นใหญ่" กองซุนจ้านออกหน้าเอ่ยปากให้ลิโป้

"ฮึ่ม นำกำลังส่วนตัวออกจากค่ายไปโดยพลการ ถือเป็นความผิด แต่เมื่อสร้างผลงานได้ ให้ถือว่าลบล้างกัน" อ้วนเสี้ยวแค่นเสียง อย่างไรเสียอ้วนสุดก็ยังเป็นน้องชายของเขา ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกเสื่อมเสียหน้าตาไปด้วย

"ท่านผู้นำ" สีหน้าของโจโฉเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาก้าวออกมาก่อนจะกล่าวว่า "แม่ทัพซุนติดอยู่ในวงล้อม แม้ว่าแม่ทัพลิจะนำกำลังไปช่วยโดยพลการ แต่เขาก็ไม่ได้ทำให้ทัพพันธมิตรเกิดความเสียหายใด ดังนั้นจึงสมควรได้รับรางวัล"

อ้วนเสี้ยวเหลือบมองโจโฉอย่างไม่พอใจ หลังจากนั้นครู่หนึ่งจึงค่อยกล่าวว่า "ข้าจะจดบันทึกผลงานครั้งนี้ไว้ก่อน และข้าจะตัดสินอีกทีหลังจากที่บุกโจมตีตั๋งโต๊ะแล้ว"

ลิโป้ดึงแขนซุนเกี๋ยนที่กำลังจะก้าวออกไปไว้และส่ายหน้าเบาๆ เขาไม่สนใจรางวัลอะไรนั่นแม้แต่น้อย จากเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเห็นได้ว่าเหล่าเจ้าเมืองนั้นเปลือกนอกดูจะสมัครสมานสามัคคีกัน แต่เมื่อมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เกรงว่าถึงตอนนั้นพวกเขาคงฉีกหน้ากากเผยนิสัยใจคอที่แท้จริงออกมา

"รายงาน! ตอนนี้ฮัวหยงนำทัพม้าเหล็กเสเหลียงมาตะโกนท้าสู้อยู่ที่นอกค่ายแล้วขอรับ"

"น้องชายของเปาสิ้นไม่เชื่อฟังคำสั่งทางทหารและถูกฮัวหยงสังหารไปแล้ว ตอนนี้แม่ทัพซุนยังถูกตีแตกพ่ายอีก ผู้ใดจะอาสาออกไป?" อ้วนเสี้ยวถอนหายใจ

สิ้นเสียงของอ้วนเสี้ยว ยูสิดที่อยู่ด้านหลังอ้วนสุดก็ถลึงมองลิโป้อย่างดุร้ายคราหนึ่งก่อนจะกุมหมัดกล่าว "แม่ทัพผู้น้อยขออาสา ข้าจะต้องตัดหัวฮัวหยงกลับมาได้แน่"

ได้ยินเช่นนั้นอ้วนเสี้ยวก็ยินดี เขารีบสั่งการให้ยูสิดออกไปต่อสู้กับฮัวหยง ความไม่พอใจที่มีต่ออ้วนสุดค่อยบรรเทาลงบ้าง

ลิโป้ไม่คิดเอาสายตาดุร้ายของยูสิดมาใส่ใจแม้แต่น้อย เขาเพียงถอนหายใจออกมา "ต่าเจี้ยงหยาว ต่าเจี้ยงหยาว[1]"

[1 打酱油 dǎ jiàng yóu ศัพท์แสลง แสดงถึงอารมณ์ประมาณว่า ไม่ว่าเรื่องอะไรฉันก็ไม่อยากยุ่งและฉันก็ไม่เกี่ยวด้วย แค่คนธรรมดาๆคนหนึ่งที่ผ่านทางมา]

"หือ เฟิ่งเสียนกล่าวอะไรหรือ? อะไรคือต่าเจี้ยงหยาว?" ซุนเกี๋ยนเอ่ยถาม กองซุนจ้านและโจโฉเองก็มองมาด้วยความสงสัย

"อ้อ เป็นคำพูดติดปากที่บ้านเกิดข้าน่ะ หมายความว่าไม่ได้ผลหรอก คอยดูเถอะ ไม่เกินห้ากระบวน ยูสิดคงถูกฟันร่วงม้า!" ลิโป้ยังจำได้ดีว่าคนแรกที่สังเวยชีวิตให้ฮัวหยงก็คือยูสิด

"เด็กน้อยลิโป้ อย่าได้พูดจาไร้สาระ ยูสิดนั้นเป็นแม่ทัพกล้าในสังกัดของต้าเจียง[2]!" อ้วนสุดยังโมโหเรื่องที่ถูกถีบล้มไม่หาย ดังนั้นจึงแสดงความไม่พอใจออกมาทันที

[2 คำเรียกตัวเองเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่]

"รายงาน! แม่ทัพยูสิดและฮัวหยงปะมือกันไม่ถึงสามกระบวนก็ถูกฮัวหยงตัดศีรษะไปแล้วขอรับ!"

ทุกคนในกระโจมต่างก็ตะลึงพึงเพริดเมื่อได้ยินรายงานนี้ อ้วนสุดยกมือกุมอกด้วยความโกรธ เขาชี้หน้าลิโป้ขณะที่ริมฝีปากสั่นระริก ในความคิดของเขา นี่จะต้องเป็นเพราะคำสาปแช่งของลิโป้ไม่ผิดแน่ ตัวเขาคิดสร้างผลงานต่อหน้าเหล่าเจ้าเมือง คิดไม่ถึงว่าจะเสียหน้าย่อยยับแล้ว

"มีผู้ใดกล้าอาสาออกไปสู้?" อ้วนเสี้ยวกวาดมองผู้คนในกระโจมด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ

ฮันฮกเจ้าเมืองกิจิ๋วก้าวออกมาก่อนจะกล่าวว่า "ในสังกัดของข้ามีแม่ทัพพัวหอง ต้องสามารถสังหารฮัวหยงได้แน่"

อ้วนเสี้ยวจึงส่งแม่ทัพพัวหองออกไป

"น่าเสียดายนัก" ลิโป้ทอดถอนใจ

"แม่ทัพลิคิดว่าพัวหองไม่อาจเอาชนะฮัวหยงงั้นรึ?" ซุนเกี๋ยนถามขึ้นเบาๆ

"รอดูผลเถอะ" ลิโป้รีบปิดปากลง การกล่าวเป็นลางล่วงหน้าย่อมไม่ใช่เรื่องดี เดี๋ยวจะไปล่วงเกินผู้คนซะเปล่าๆ อย่างไรซะนี่ก็ไม่เหมือนกับกรณีของอ้วนสุด เมืองกิจิ๋วกับเมืองปิงโจวนั้นเป็นบ้านใกล้เรือนเคียง ไม่สร้างศัตรูได้ย่อมดีที่สุด

"รายงาน! แม่ทัพพัวหองถูกฮัวหยงสังหารแล้วขอรับ"

เหล่าเจ้าเมืองต้องตกตะลึงอีกครั้ง พวกเขาคิดไม่ถึงว่าฮัวหยงจะร้ายกาจปานนี้ อ้วนเสี้ยวเงยหน้ารำพึงรำพัน "เสียดายก็แต่งันเหลียงบุนทิวไม่อยู่ที่นี่ มิเช่นนั้นฮัวหยงย่อมไม่ได้เหิมเกริมเช่นนี้แน่"

ซุนเกี๋ยนยังโมโหอยู่ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งแม่ทัพในสังกัดออกไปรบ และลิโป้เองก็ไม่ต้องการจะออกไปตอนนี้

กวนอูมองดูเหล่าเจ้าเมืองที่ทำหน้าตาเคร่งเครียดแต่ไม่ยอมส่งใครออกไปอย่างเย็นชา จากนั้นจึงแค่นเสียงกล่าว "ข้าน้อยขออาสาออกไปตัดหัวฮัวหยงเอง"

ทุกคนในกระโจมพลันหันไปมอง เห็นว่าคนผู้นี้สูงหกศอก ไว้เครายาวสองศอก ดวงตาหงส์ ขนคิ้วดกดำ ใบหน้าแดงก่ำดุจพุทรา สุ่มเสียงดังปานระฆัง มีลักษะท่าทางที่องอาจอย่างยิ่ง

"คนผู้นี้ใครกัน?" เมื่อเห็นลักษณะที่ไม่ธรรมดาของกวนอู อ้วนเสี้ยวก็รีบถามขึ้น

"คนผู้นี้ชื่อว่า กวนอู เป็นน้องรองของเล่าเสวียนเต๋อ[3]" กองซุนจ้านอธิบาย

[3 เสวียนเต๋อ ชื่อรองของเล่าปี่]

"ตอนนี้มีตำแหน่งใด?" อ้วนเสี้ยวถามต่อ

"ผู้ติดตามของเล่าเสวียนเต๋อ ตำแหน่งพลม้าธนู" กองซุนจ้านเอ่ยตอบตามจริง

"ไม่ใช่แม้แต่แม่ทัพ แต่กลับลอบปะปนเข้ามา? เป็นเพียงทหารม้ากระจอกงอกง่อยก็กล้ากล่าววาจาโอหังที่นี่ ทหาร! ไล่เจ้าผู้นี้ออกไป" อ้วนสุดยังรู้เจ็บหน้าอกเพราะลูกถีบของลิโป้ไม่หาย ตอนนี้จู่ๆมีพลม้าธนูกระจ้อยร่อยโผล่ออกมาอาสา เขาก็ยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม

"ฮึ่ม ก่อนหน้านี้ เจ้าผู้นี้ก็พูดจาว่าร้ายพี่ใหญ่ ตอนนี้ยังมาดูถูกพี่รองอีก เหล่าจื่อชักจะทนไ...." เตียวหุยคงพุ่งออกไปต่อยอ้วนสุดแล้วหากไม่ได้เล่าปี่ฉุดดึงเอาไว้

"น้องสามเย็นไว้" เล่าปี่กระซิบบอก

"ท่านผู้นำโปรดฟังข้าก่อน กวนหุนเตี๋ยงผู้นี้มีค่าเท่ากับกำลังพลนับหมื่น ตัดหัวฮัวหยงย่อมง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ อีกทั้งลักษณะของเขายังองอาจ ผู้ใดยังจะดูออกว่าเป็นเพียงทหารปลายแถว?" ลิโป้ก้าวออกมาเอ่ยปากออกหน้า

ทันใดนั้นโจโฉพลันรู้สึกราวกับเพิ่งกลืนแมลงวันเข้าไป ไฉนลิโป้ผู้นี้จึงกล่าวคำพูดที่เขาคิดจะกล่าวออกไปตัดหน้าอีกแล้ว? คนอื่นอาจจะไม่ทราบ แต่ตัวเขาพอจะมองความยอดเยี่ยมของกวนอูออก

กวนอูส่งสายเป็นเชิงขอบคุณให้ลิโป้ จากนั้นจึงหันไปกล่าวกับอ้วนเสี้ยวว่า "หากข้าตัดหัวฮัวหยงมาไม่ได้ ข้าก็ขอตัดหัวตัวเองเป็นการไถ่โทษ"

น้ำเสียงที่เด็ดขาดนี้ทำให้เหล่าเจ้าเมืองบังเกิดความเชื่อมั่น ฮัวหยงเอาชนะได้สองครั้งติดต่อกัน หากว่ากวนอูไม่มีความมั่นใจ เขายังจะกล้าขันอาสาออกไปสู้อีกหรือ?

โจโฉรีบรินสุราร้อนใส่จอกก่อนจะเดินเข้าไปยกจอกให้กวนอู "หุนเตี๋ยง ข้าดื่มให้ท่านก่อน"

"ไม่ต้อง ข้าไปแล้วจะรีบกลับมา" กล่าวจบ เขาก็หยิบง้าวเดินไปขึ้นหลังม้า

ลิโป้รีบเดินออกจากกระโจมและพลิกตัวขึ้นหลังม้าตามไป เขาเองก็อยากจะเห็นฉากการสู้รบในตำนานนี้กับตาตัวเอง

เสียงกลองรัวกระหึ่มฟ้า ฮัวหยงถือดาบฉางเตาอย่างองอาจ หากไม่ใช่เพราะคำแนะนำของลิซกที่ให้เขาออกไปท้าสู้และบั่นทอนกำลังขวัญของกองทัพพันธมิตรแล้วล่ะก็ เขาคงไม่คิดจะเหยียบย่างมาที่นี่ ที่นี่คือค่ายหลักของกองทัพพันธมิตร ดังนั้นลิโป้ย่อมต้องอยู่ข้างในนั้น หากว่าอีกฝ่ายปรากฏตัวออกมา นั่นคงย่ำแย่แล้ว ดังนั้นฮัวหยงจึงได้เตรียมตัวไว้เรียบร้อย ขอเพียงลิโป้ปรากฏตัวออกมา เขาจะหันเลี้ยวหัวม้า เผ่นกลับค่ายทันที จะไม่เปิดโอกาสให้ลิโป้อย่างแน่นอน

ฮัวหยงยกดาบพาดบ่า ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูค่ายหลักที่กำลังเปิดอ้าออกอย่างช้าๆ ผู้ที่ขี่ม้าออกมามีลักษะท่าทางทรงพลัง จะต้องเป็นศัตรูที่ร้ายกาจไม่ผิดแน่ ฮัวหยงสูดหายใจเข้าลึก ปลุกปลอบสมาธิเตรียมพร้อม ขณะที่กำลังกระชับดาบเตรียมพร้อมต่อสู้ สายตาก็เหลือบไปเห็นพู่สีแดงซึ่งห้อยอยู่บนทวนกรีดนภาของลิโป้เข้า ทันใดนั้นฮัวหยงก็รั้งสายบังเหียน ชักม้าหนีทันที

กวนอูได้แต่มองส่งฮัวหยงที่ควบม้าหนีไปตาปริบๆ ฮัวหยงผู้นี้ สังหารแม่ทัพของทัพพันธมิตรไปสองคนติด ไฉนจึงชักม้าหนีทันทีทั้งที่ยังไม่ทันได้ต่อสู้กัน เหตุการณ์เช่นนี้ เพิ่งเคยพบเคยเจอเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เคยเข้าร่วมสงครามมา.....

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด