SGS บทที่ 108 – สิ้นสุดการเดินทาง! และหนทางในการกลับล่ะ!(ฟรีทุกตอน)
อึ้ง! ตะลึง!
ไม่มีคำไหนจะอธิบายอารมณ์ของวู่หยาน ฮินางิคุและมิโคโตะไปได้ดีกว่านี้อีกแล้ว มีเพียงแค่ลิลินที่ยังคงตามเรื่องราวไม่ทันกับอิคารอสที่ยืนนิ่งๆด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เหมือนเดิม
ภาพมันเบลอมาก เบลอจนถึงขั้นพวกเขามองหน้า ‘เขา’ ไม่เห็นเลย แถมมันมีแต่ภาพไม่มีเสียงดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่จินตนาการในหัวไป
แต่ถึงจะแค่จินตนาการก็มากพอที่จะทำให้ วู่หยานและสองสาว ตกตะลึงได้.......
ถ้าสิ่งที่เห็น มันเป็นเรื่องจริงล่ะก็.....
ทั้งสามคนไม่กล้าคิดต่อไป
หน้าจอแสงได้หดหายกลับเข้าไปในลูกคริสตัล แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ได้สติคืนมา
“พี่ฮินางิคุ เป็นอะไรไปคะ?....”
ตอนนี้เองพวกวู่หยานก็ได้สติ พวกเขาไม่ตอบลิลินแต่หันหน้ามามองกันและกันแทน ในแววตาพวกเขาเต็มไปด้วยความคิดเดียวกันนั่นก็คือ เหลือเชื่อ!
ครู่หนึ่งวู่หยานก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น แล้วยกมือมาลูบแหวนทั้งสาม “ถ้าไอ้ที่เห็นเมื่อกี้เป็นเรื่องจริง งั้นก็เรียกได้ว่าต้นกำเนิดของพวกมันใหญ่ไม่ใช้เล่นเลยล่ะนะ....”
“ฮาฮ่า ทั้งๆที่เพิ่งมาโลกนี้ได้ไม่กี่วัน แต่กลับได้สมบัติโบราณที่ไม่รู้ว่าข้ามผ่านเวลามานานแค่ไหน ดูเหมือนว่าโชคชะตาของพวกเราจะถูกกำหนดให้เป็นตัวละครหลักจริงๆนะ.....”
วู่หยานพูดไปหัวเราะไป แต่ว่าพวกเธอสามารถเห็นได้ชัดเลยวะเขากำลังฝืนทำอยู่ ตัววู่หยานเองก็ยังคงไม่หายช็อคจากสิ่งที่เห็น
เพราะยังไงซะ พวกเขาก็เพิ่งได้รับรู้ความลับจากอดีตกาลนี้นะ.....
ตอนนี้เองวู่หยานก็ตระหนักได้ว่า แหวนทั้งสามวงในมือเขา ไม่ใช้มีโอกาสเป็นไปตามที่ข้อความในกล่องว่าไว้อย่างเดียว แต่มันยังมีโอกาศเป็นโครตคำสาปด้วย!
จากภาพที่เห็น และ ข้อความในกล่อง วู่หยานก็พอจะเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว.....
ยุคโบราณ.....แหวน....
“...เด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็ห้ามไม่ให้คนอื่นรู้ถึงเบื้องหลังของแหวนพวกนี้เด็ดขาด!”
วู่หยานกำแหวนในมือแน่น แล้วเผลอพูดความคิดในใจออกมาด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
ทว่า ฮินางิคุกับมิโคโตะเองก็พยักหน้าเห็นด้วย ด้วยสีหน้าจริงจังถึงขีดสุดกับคำพูดวู่หยาน
“หยาน นายเก็บแหวนไปไม่ดีกว่าเหรอ?” ความหมายของฮินงิคุชัดเจนมาก เธอกลัวว่าจะมีใครรู้จักแหวนสามวงนี้ แต่ว่าวู่หยานได้ยิ้มแล้วส่ายหัว
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าภาพที่เห็นเมื่อกี้มันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว แต่อย่างแรกเลย ถึงในตอนนั้นจะมีเห็นคนเห็นแหวนนี้แต่ก็ยังใช่จะรู้ว่ามันคืออะไร ยิ่งไปกว่านั้น จากรูปลักษณ์ของแหวน เชื่อได้เลยว่ามีคนไม่มากหรอกที่จะสนใจมองมัน......”
‘แต่ถึงยังงั้น ในอนาคต ฉันอาจจะจำเป็นต้องใช้มัน.....’
แน่นอนว่า เขาไม่ได้พูดส่วนหลังไป.....
ครุ่นคิดชั่วครู่ วู่หยานก็เก็บ แหวนสีดำ ‘พลัง’ และแหวนสีทอง ‘ทรัพย์สมบัติ’ จากนิ้วมือลงไป เหลือไว้แค่แหวนสีขาว ‘อำนาจ’ แล้วพูดยิ้มๆว่า
“แต่ก็นะ ระวังไว้ก็ไม่เสียหาย เหลือไว้แค่แหวนเดียวก็เพียงพอแล้ว!”
ฮินางิคุกับมิโคโตะมองวู่หยานสีหน้าสงสัย แม้แต่พวกเธอที่คุ้นเคยกับวู่หยาน ก็ต้องยอมรับว่ามองความคิดเขาในตอนนี้ไม่ออก แต่ทว่าสองสาวก็ได้โยนความสงสัยทิ้งไปอย่างรวดร็ว
ไม่ว่ายังไง ที่วู่หยานทำไปก็ต้องมีเหตุผลแน่ ตรงจุดนี้ พวกเธอเชื่อใจเขามาก!
หลังจากเก็บแหวนทั้งสองลงแหวนมิติ วู่หยานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วหันไปมองกล่องทั้งสามกับลูกคริสตัลบนโต๊ะ
“เอาละ เรากลับกันเถอะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่นานไปกว่านี้แล้ว!” มิโคโตะยกมือลูบไหล่ตนเอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนเล็กน้อย ถึงแม้เทียบเวลาที่อยู่ในถ้ำปีศาจแล้ว ยังถือว่าสั้นกว่ามาก แต่ไม่รู้ว่าทำไม มิโคโตะกลับคิดว่าครั้งนี้มันเหนื่อยกว่าตอนนั้นมาก
ฮินางคุพยักหน้าเห็นด้วย เห็นสองสาวอยากกลับกันแล้ว แถมเขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อ ดังนั้นวู่หยานจึงพยักหน้า แล้วพูดว่า
“กลับกันเถอะ...”
ฮินางิคุจูงมือลิลิน ขณะที่มิโคโตะก็เดินนำอิคารอสออกจากห้องนี้ แต่วู่หยานกลับหันไปมองกล่องทั้งสามและลูกคริสตัล แล้วก้มหน้าคิดชั่วครู่
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น สายตาวู่หยานก็เปลี่ยนเป็นแหลมคม นิเอโทโนะ โนะ ชานะ ปรากฏขึ้นมาบนมือ จากนั้นเขาก็ค่อยๆชักมันออกจากฝัก.....
“ไอ้กล่องพวกนี้กับลูกคริสตัล ทำลายทิ้งไปน่าจะดีกว่า.....”
ตวัด นิเอโทโนะ โนะ ชานะ เกิดคลื่นดาบออกมาใส่กล่องทั้งสามกับลูกคริสตัล ผลคือพวกมันถูกลบหายไปแต่ทว่าโต๊ะกลมกับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
“ภารกิจเสร็จสิ้น!”
ตวัดดาบกลับเข้าฝัก วู่หยานก็ยิ้มแป่นออกมา ก่อนที่จะรีบวิ่งตามพวกฮินางิคุไป....
..................
ยืนอยู่ตรงหน้า แท่งหินเคลื่อนย้าย พวกวู่หยานหันซ้ายหันขวามองพื้นที่ที่ว่างเปล่า ก่อนจะเงียบไป
“แล้ว...เราจะออกไปยังไง?”
คำถามของฮินางิคุ คือสิ่งที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ตอนนี้.....
ขามา พวกเขาได้นั่งเรือเหาะของโรงประมูลพร้อมกับกลุ่มล่าสมบัติขนาดใหญ่ และตอนลงมายังมีตาลุงนั่นเดินนำทางให้....
แต่ตอนนี้ อย่าว่าแต่คนนำทางเลย แม้แต่ตอนที่ลงมาข้างล่างนี้แล้ว พวกเขายังต้องรอให้คนอื่นเดินเปิดทางให้ดูเลย.....
ดังนั้น ตอนนี้ พวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะกลับออกไปยังไง....
ถึงแม้ว่าเรือเหาะยังจอดทิ้งไว้ด้านบน แต่ต่อให้เมินคำถาถมที่ว่าใครจะเป็นคนขับไป ต่อให้บังคับมันได้จริงๆพวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรบินไปทางทิศไหน.....
สีหน้าวู่หยานดูตลกมาก สิ่งที่เขาคิดคำนวณไว้มันไม่ได้รวมไปถึงว่าจะกลับยังไง.......
มิโคโตะถอนหายใจ แล้วหันไปมองวู่หยานด้วยสีหน้าน่ากลัว “หยาน นายคิดว่าเราควรออกไปหาเรือเหาะมั้ย?”
“ถ้าเราใช้มันเป็นอ่ะนะ.....” วู่หยานอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
ฮินางิคุหัวเราะแห้งๆ ก่อนที่จะจ้องเขา “ไม่ก็ให้นายแลกเปลี่ยนความสามารถในการควบคุมเรือเหาะ....”
วู่หยานไม่ตอบแต่จ้องตาฮินางิคุกลับไป จนกระทั้งหน้าเธอแดงก่ำแล้วหันหน้าหนี วู่หยานก็พูดยิ้มๆว่า “ถ้าฉันมีแต้ม ทำไมถึงไม่แลกอะไรที่มันมีประโยชน์กว่ามาล่ะ? ในชีวิตนี้ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่ครั้งที่จะมีโอกาสได้ขับเรือเหาะ....”
ต่อให้มันไม่ได้ไร้ประโยชน์บวกกับเขามีแต้มให้ใช้เท่าไหร่ก็ได้ เขาก็จะไม่เลือกนั่งเรือเหาะกลับไป เพราะขามามีคนเป็นหมื่นแต่ขากลับมีแค่ไม่ถึงสิบคน เป็นใครก็ต้องสงสัยใช่มั้ยล่ะ?
มันจะดีกว่าที่จะกลับไปแบบเงียบๆ เพราะตอนแรกพวกเขาก็ไม่ได้ทำตัวเด่นอะไรอยู่แล้ว ย่อมไม่มีคนจำได้แน่นอน
แต่ว่า ถ้านั่งเรือเหาะกลับไปละ?
ผลลัพธ์แน่นอนว่าต้องโดนให้ความสนใจแน่ๆ อาจจะโดนสอบสวน จากนั้นก็อาจจะโดนรุมฆ่าเลยก็ได้.......
“นี่ก็ไม่ได้นั่นก็ไม่ได้ ถ้านายฉลาดนัก แล้วทำไมถึงไม่พูดแนะนำอะไรบ้างเลยล่ะห๊ะ?!” ฮินางิคุเริ่มหัวร้อน ถ้าไม่นั่งเรือเหาะแล้วจะกลับยังไง? ต้องรู้ก่อนว่า ก่อนมานี่พวกเขาได้ดูแผนที่มาแล้ว ต้องบอกเลยว่าๆรอบแถวนี้มันไม่มีผู้คนอาศัยอยู่แม้แต่คนเดียว......
ได้ยินคำพูดฮินางิคุ วู่หยานร้องคร่ำครวญในใจ แล้วหยิบคัมภีร์ที่เขาเคยพูดว่าเป็นไอเท็มช่วยชีวิตออกมาจากอก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงปลงๆว่า “คงมีแต่ต้องใช้เจ้านี่ล่ะนะ....”
ฮินางิค กับ มิโคโตะทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก ยกมือตบดังแปะ แล้วเอาคัมภีร์ออกมาด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
“เกือบลืมมันไปแล้วนะเนี่ย....”
สองสาวทำหน้าราวกับว่าตน ‘พบทางออกแล้ว’ ก็ไม่ปาน เห็นแบบนี้วู่หยานก็กรอกตามองบน ในใจบ่นไม่หยุด
นี่คือสิ่งที่วู่หยานแลกเปลี่ยนมาเพื่อช่วยชีวิต เอาไว้หนีในนาทีวิกฤต แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าสุดท้ายจะได้ใช้เพราะเหตุผลแบบนี้.......
คัมภีร์วาร์ป (Town Portal scroll) : เคลื่อนย้ายยูสเซอร์ไปตรงจุดที่บันทึกไว้ก่อนหน้า จุดที่บันทึกแล้วแต่ยูสเซอร์ ;ไอเท็มประเภทใช้ครั้งเดียว ; 10,000แต็มไอเท็ม
ใช่แล้ว มันคือ คัมภีร์วาร์ป ไงล่ะ!
มันคือสิ่งที่ไม่ว่าเกมไหนก็ต้องมี คัมภีร์วาร์ป !!
นี่คือไอเท็มที่วู่หยานแลกไว้ในกรณีฉุกเฉิน แต่ถ้าเอาจริงๆมันก็เหมาะเอาไว้หนีที่สุดแล้วน่ะนะ ลองคิดดูเพียงแค่ฉีก มันก็จะวาร์ปเราไปจุดที่เราบันทึกไว้ได้เลย ยังจะมีไอเท็มอะไรที่เหมาะกับการเอาไว้หนีไปมากกว่านี้อีกมั้ยล่ะ?
ก่อนออกเดินทาง วู่หยานได้แลกเปลี่ยนคัมภีร์มา5อัน และทุกๆอันก็บันทึกจุดวาร์ปไว้ที่เมืองท่า ดังนั้นตราบใดที่ใช้มัน พวกเขาก็จะวาร์ปกลับเมืองได้ในทันที!
ตอนแรกวู่หยานก็คิดไว้ว่าอาจจะได้ใช้หนี หรือบางทีถ้าพบสมบัติแล้วก็คงไม่จำเป็นต้องใช้มัน ใครจะไปคิดล่ะว่า สุดท้ายแล้วกลับต้องเอามาใช้เป็นทางลัดในการกลับเมือง!
ยังจะมีอะไรน่าเศร้าไปมากกว่านี้อีกมั้ยนะ?
คิดถึงตรงนี้ วู่หยานก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง จนถึงจุดที่เขาไม่มีแม้แต่แรงจะฉีกคัมภีร์......