ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 4
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 6

เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 5


เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 5

"หึหึ ดูท่าตั๋งโต๊ะผู้นี้คงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว" ลิโป้หัวเราะ

"ไฉนท่านแม่ทัพจึงกล่าวเช่นนั้น?" โจเส็งถามอย่างสงสัย

"ฮึ่ม พฤติการณ์ป่าเถื่อนของตั๋งโต๊ะตอนอยู่ในลั่วหยางก็ได้สร้างความโกรธแค้นแก่มวลชนอยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะปลดฮ่องเต้อีก เมื่อเอาชนะใต้เท้าชื่อฉื่อได้ก็พลันหลงระเริง แต่เขาออกจะดูแคลนเหล่าวีรบุรุษผู้กล้าทั่วแผ่นดินไปแล้ว ขอเพียงมีผู้จุดประกายเท่านั้น ตั้งโต๊ะจะพลันกลายเป็นศัตรูของส่วนรวม เขาจะต้องต่อสู้กับผู้คนทั่วแผ่นดินเพียงลำพัง และเขาจะไม่มีโอกาสชนะใดๆ" ลิโป้ย่อมล่วงรู้ประวัติศาสตร์อยู่แล้ว ดังนั้นจึงกล่าวด้วยความมั่นใจ

"ท่านแม่ทัพช่างปราดเปรื่องนัก" โจเส็งกล่าวชื่นชม

"หยุดสอพลอแล้วไปฝึกทหารให้ดี อย่าคิดว่าพอเจ้าได้เป็นแม่ทัพกองพลพยัคฆ์แล้วจะได้รับการละเว้นโทษ หากว่ากองพลพยัคฆ์ไม่ได้มาตรฐานล่ะก็ ข้าจะจับเจ้าไปโยนให้เสือกิน"

"ท่านแม่ทัพโปรดวางใจ ผู้น้อยจะพยายามอย่างสุดความสามารถ" โจเส็งกล่าวด้วยรอยยิ้ม ในบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งหลาย มีเพียงเขาที่กล้าแสดงท่าทีเช่นนี้ต่อหน้าลิโป้ หลังจากที่สังเกตลิโป้มาได้สักพัก เขาก็พบว่าลิโป้มีลักษณะนิสัยที่เปลี่ยนไป เขาไม่โมโหง่ายเหมือนเมื่อก่อนอีก ออกจะมีอารมณ์ขันมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ

"ไปได้แล้ว" ลิโป้ไล่อย่างรำคาญ

"ผู้น้อยจะรีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้ขอรับ ผู้น้อยไปแล้วนะขอรับ" โจเส็งแลบลิ้นก่อนจะรีบเดินหนีไป

ลิโป้รู้สึกอุ่นใจ นี่คล้ายกับบรรยากาศตอนที่เขาอยู่ในกองทัพเมื่อชีวิตก่อน ในยุคโบราณนี้ กองทัพทั้งเคร่งครัดและเชื่อฟังแต่คำสั่ง ยากจะเสาะหาสหายร่วมรบที่สามารถหยอกเย้าผู้บังคับบัญชาเช่นนี้ ดูเหมือนว่าบรรยากาศเช่นนี้จะค่อยๆเปลี่ยนไปในอนาคต ความรู้สนิทสนมและเป็นอันหนึ่งแันเดียวกันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรบได้อย่างมาก

บรรดาแม่ทัพต่างวุ่นอยู่กับการฝึกกำลังพล ขณะที่ลิโป้เองก็ไม่ได้อยู่ว่าง เพื่อที่จะฝึกความคุ้นกับม้าศึกให้ได้โดยเร็ว ลิโป้จึงร่วงม้าก้นจ้ำเบ้าตลอดหลายวัน สร้างความขบขันให้กับเหล่าแม่ทัพไม่น้อย

หลังจากลองสังเกตอยู่หลายครั้ง ลิโป้ก็รู้สึกว่าม้าศึกของราชวงศ์ฮั่นยังขาดอะไรบางอย่างไป ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเขาถึงได้ตกม้าอยู่บ่อยๆ โกลนม้าเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับม้าศึก เมื่อมีสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ การขึ้นลงม้าก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถออกท่าทางได้มากขึ้นโดยไม่ต้องกังวลว่าจะร่วงตกจากหลังม้า

ด้วยเหตุนี้ลิโป้จึงสั่งให้ช่างฝีมือจัดสร้างโกลนม้า ซึ่งจะทำให้ทหารม้ามีอิสระบนหลังม้ามากยิ่งขึ้น ต้องบอกว่าร่างกายของลิโป้นี้สมกับที่เป็นยอดขุนพลไร้เทียมทานแห่งยุคสามก๊ก เรื่องพละกำลังยังไม่ต้องกล่าวถึง เพียงฝีมือในการใช้ทวนจากความทรงจำก็สามารถสะท้านภูตสะเทือนเทพได้แล้ว ขอเพียงสามารถใช้ทวนได้อย่างชำนาญ ในโลกนี้ยังจะมีผู้ใดสามารถต้านทานเขาติด ที่ยังต้องปรับปรุงตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือการ ขี่ม้า

จากนั้นลิโป้จึงสั่งให้สวมโกลนให้ม้าทุกตัว นี่นับเป็นสมบัติวิเศษสุดล้ำยุค สิ่งนี้จะช่วยให้ทัพม้าแข็งแกร่งขึ้นเป็นเท่าตัว

เมื่อมีโกลนม้า การขี่ม้าก็ง่ายยิ่งขึ้น จากทหารม้าธรรมดาสามัญก็สามารถรบอย่างเก่งกาจได้ดุจขุนพล สามารถพุ่งตะลุยไปได้ทั่วสนามรบ เมื่อขี่ม้าที่สวมโกลนม้าแล้ว ลิโป้ก็รู้สึกสะดวกสบายอย่างมาก ครั้งนี้เขาไม่ต้องกลัวว่าจะพลัดตกจากหลังม้าอีกแล้ว

หลังจากได้เห็นอานุภาพของโกลนม้า เหล่าทหารม้าก็ตื่นเต้นมาก เมื่อคิดถึงว่าครั้งหน้าจะได้สู้รบกับทัพเสหลียง พวกเขาจะให้อีกฝ่ายได้ประจักษ์แจ้งว่าสิ่งใดจึงเรียกว่าการขี่ม้า

.........

ยามดึก ลิโป้นำกองพลพยัคฆ์ของโจเส็งเริ่มทำการซ้อมรบตอนกลางคืน

เสียงกีบเท้าม้าดังกังวานไปทั่วท้องทุ่ง หลังจากผ่านการรบมาหลายครั้ง ไพร่พลจะไม่ทราบได้อย่างไรว่านี่เป็นเสียงของทัพม้า

"ข้าศึกบุก!" พลลาดตระเวนร้องตะโกนพลางตีเกราะเคาะไม้

ไพร่พลหลายคนเพิ่งงีบหลับไปได้ไม่นาน เสียงร้องตะโกนจากทหารยามได้ปลุกพวกเขาตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทรา พวกเขารีบสวมชุด แต่ด้วยอารามตื่นตระหนก หลายคนจึงลืมไปว่าเก็บอาวุธไว้ที่ใด

ไพร่พลวิ่งพล่านอย่างตื่นตระหนก ขณะที่พวกแม่ทัพนายกองออกคำสั่งอย่างสับสน บางส่วนกระทั่งยังหันเล็งหอกธนูเข้าใส่พวกเดียวกันเพราะยากจำแนกฝักฝ่ายใต้แสงเงา มองดูฉากที่ปรากฏในสายตานี้แล้ว ลิโป้ก็ขมวดคิ้ว

"จุดไฟ!" ลิโป้ออกคำสั่งเสียงเย็น

ภายใต้แสงจากเปลวไฟที่สว่างจ้า เหล่าไพร่พลค่อยพบว่ากองทัพที่อยู่ด้านนอกนั้นเป็นฝ่ายเดียวกัน พวกเขาจึงพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก เฉิงเหลียนมองดูเหล่าทหารที่ไร้ระบบระเบียบด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ เขากัดฟันก่อนจะเดินเข้าไปหาลิโป้

"ดูสภาพพวกเจ้าสิ แบบนี้ยังจะคิดล้างแค้นให้ใต้เท้าชื่อฉื่ออยู่อีกรึ? ลองนึกดู หากว่าเป็นทัพเสเหลียงบุกมาจริงๆ ยังจะมีคนรอดสักกี่คนกัน?" ภายในค่าย ลิโป้กล่าวอย่างจริงจัง "หรือพวกเจ้าลืมเลือนบทเรียนจากคืนนั้นกันแล้ว?"

"แม่ทัพเฉิงเหลียน นี่คือวิธีฝึกไพร่พลของเจ้ารึ? เมื่อข้าศึกบุกมา เจ้าก็ออกรบด้วยมือเปล่างั้นสิ?"

"เรียนท่านแม่ทัพ ข้าน้อยฝึกไพร่พลหย่อนยาน โปรดลงโทษข้าน้อยด้วย" เฉิงเหลียนกล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำ

"ฮึ่ม นี่เป็นความผิดครั้งแรก ข้าจะละเว้นให้ แต่หากว่าครั้งหน้าพบไพร่พลไม่พกพาอาวุธ เจ้าจะต้องไปนำอาวุธมาให้ไพร่พลเหล่านั้นด้วยตนเอง หากพบว่าไพร่พลคนใดไม่สวมใส่เสื้อผ้า เจ้าก็จงไปช่วยแต่งตัวด้วยตัวเอง"

"ขอรับ!" เฉิงเหลียนกุมมือน้อมรับคำติ ในใจเริ่มครุ่นคิดว่าหลังจากจบคืนนี้แล้วจะฝึกฝนไพร่พลอย่างไร

แม่ทัพนายกองแยกย้ายกันกลับกระโจมด้วยความรู้สึกที่ยังตกตะลึงไม่หาย ดูเหมือนว่าในภายหน้า การซ้อมรบตอนกลางคืนจะยิ่งดุเดือดเข้มข้นยิ่งกว่านี้

"หลังจากคืนนี้ไป เหล่าแม่ทัพจะต้องทราบตำแหน่งของไพร่พลของตนเองอย่างชัดเจน หากว่าถูกบุกโจมตีจะต้องจัดระเบียบกำลังพลได้ทันท่วงที ทหารเฝ้ายามตอนกลางคืนจะต้องมีความตื่นตัวและใช้รหัสผ่านอยู่เสมอ หากข้าพบเห็นการรับมือข้าศึกเฉกเช่นในคืนนี้อีก ข้าจะให้พวกเจ้าเกลือกกลิ้งไปตามพื้นหญ้าจนกว่าม้าทุกตัวจะอิ่ม!"

หลังจากเผชิญการซ้อมบุกตีค่ายของลิโป้ พวกไพร่พลก็เข้าพักผ่อนด้วยความตื่นตัวมากยิ่งขึ้น และหลังเผชิญการซ้อมตีค่ายในอีกสองครั้งถัดมา เหล่าทหารก็สามารถรวมกำลังพลได้อย่างเป็นระบบระเบียบ แม้ช่วงแรกจะยังขาดๆเกินๆไปบ้าง กระนั้นก็ยังไม่สร้างความผิดพลาดร้ายแรงนัก

ที่พวกทหารหวาดกลัวมากที่สุดก็คือการไม่รู้ว่าข้าศึกมีจำนวนเท่าใด นอกจากนั้นแล้ว ในยามกลางคืนไพร่พลยังยากจะมองเห็นได้กระจ่าง ดังนั้นจึงเกิดอาการตื่นตระหนกกันไปเอง ซึ่งนี่ก็เป็นปัญหาทั่วไปของเหล่าทหารในสมัยโบราณ เนื่องเพราะขาดสารอาหารอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน ทหารจำนวนมากจึงสายตาไม่ดีในยามกลางคืน

ความกลัวก็คือปัจจุยสำคัญที่ทำให้กองทัพเกิดความปั่นป่วน หากว่าไพร่พลสามารถเอาชนะปัจจัยเหล่านี้ได้ กองทัพปิงโจวก็จะมีความได้เปรียบอย่างมากในสมรภูมิ

"เหล่าพี่น้องทั้งหลาย พวกเจ้ายังคงต้องอาศัยฝีมือของตนเองในการสังหารข้าศึก ดังนั้นข้าจึงต้องให้พวกเจ้าฝึกฝนอย่างหนัก นี่ก็เพื่อที่จะมอบความสามารถในการเอาชีวิตรอดในสนามรบให้กับพวกเจ้าเอง ต่อไปจะเป็นการประเมิน" ลิโป้ในชุดเครื่องแบบยืนอยู่บนแท่นยกสูงพลางตะโกนออกมา

"เหล่าพี่น้องทั้งหลาย" คำเรียกหานี้นับเป็นสิ่งที่ยากจะได้ยินจากผู้บังคับบัญชา เหล่าแม่ทัพและไพร่พลที่อยู่ด้านล่างต่างก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ คิดไม่ถึงว่าจะยังมีแม่ทัพที่เรียกหาพวกตนเป็นพี่น้อง ได้รับเกียรติถึงเพียงนี้แล้ว ยังจะมีที่ใดให้ไม่พอใจอีก?

มองดูฝีเท้าที่สะเปะสะปะและค่อมจังหวะแล้ว ลิโป้ก็ส่ายหน้าเบาๆ หากใช้เกณฑ์จากกองทัพสมัยมาประเมิน ทหารของกองทัพนี้คงสอบตก เพียงการสวนสนามที่แสดงถึงความมีวินัยยังเป็นเช่นนี้ เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าการออกคำสั่งภายในสนามรบจะเกิดประสิทธิภาพบ้างหรือไม่ ขณะที่เหล่าทหารม้าเองก็ย่ำแย่ไม่ต่างกันสักเท่าใด

การประเมินทหารยังเป็นการตรวจสอบความแข็งแกร่งและความเร็วพื้นฐานของเหล่าทหาร เพราะสุดท้ายแล้วการรบก็ใช่ว่าจะเป็นการตั้งรับอยู่กับที่เสมอไป เมื่อเวียนมาถึงกองพลทะลวงค่ายของโกซุ่น ทหารกองนี้ค่อยแสดงสมกับที่เป็นทหารอาชีพ โกซุ่นสามารถสั่งการไพร่พลได้ราวกับแขนขาของตัวเอง มองดูการแปรรูปขบวนไปมา ประเมินด้วยสายตาแล้ว ลิโป้ก็คิดว่าไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรมากนัก หลังจากทนดูกองทหารอันไร้ระเบียบกองต่อๆมา ลิโป้ก็ทนดูไม่ไหวอีก

"แม่ทัพและนายกองจงเข้ามา" ลิโป้กล่าวขึ้นอีกครั้ง

"ตอนนี้ข้าผู้เป็นแม่ทัพจะสอนการเดินและท่าหันให้ หลังจากที่กลับลงไปแล้ว พวกเจ้าจะต้องสอนให้กับไพร่พลของพวกเจ้า และให้พวกเขาฝึกฝนเป็นประจำ" เมื่อเรียกเหล่าแม่ทัพเข้ามาเรียงแถว ลิโป้ก็เริ่มสาธิตการเดินและท่าซ้ายหันขวาหันเป็นตัวอย่าง....