เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 4
เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 4
"เหวินโยว แผนการของเจ้าช่างดีนัก" ตั๋งโต๊ะขบคิดเล็กน้อยก็เข้าใจถึงพลังอำนาจของระบบขุนนาง เจ้าเมืองย่อมเหนือกว่านายอำเภอ เจ้าเมืองมีอำนาจในมือทั้งด้านการบริหารและด้านการทหาร แม้แต่ตัวตั๋งโต๊ะเองยังอดรู้สึกอิจฉาเตียนเอี๋ยงที่ได้รับโชควาสนาในครั้งนี้ขึ้นมาไม่ได้ หากลิโป้ทราบว่าเตียนเอี๋ยงจะได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองปิงโจว ลิโป้จะต้องไม่ยอมแน่
"เหอะ เด็กน้อยลิโป้ผู้นี้ไม่รู้จักวางตัว กลับกล้าต่อต้านข้าผู้เป็นไท่ซือ มีเหวินโยวคอยช่วยเหลือ หรือข้ายังจะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ" ตั๋งโต๊ะกล่าวอย่างพึงพอใจ
"ไม่มีผู้ใดมีวาสนาเทียบเคียงใต้เท้าได้ การปลดฮ่องเต้และตั้งฮ่องเต้พระองค์ใหม่จะเป็นการบีบให้ขุนนางบุ๋นและขุนนางบู๊ทั้งหมดต้องยอมจำนน" ลิยูกล่าว
"ฮ่าๆ ดี จัดงานเลี้ยงแล้วหารือเรื่องปลดฮ่องเต้เถอะ" ตั๋งโต๊ะหัวเราะอย่างเบิกบานใจ การหารือครั้งนี้ก็เพื่อเลือกตัวผู้ที่จะผลักดันขึ้นเป็นฮ่องเต้ ฮ่องเต้พระองค์นี้จะเป็นศูนย์รวมอำนาจสูงสุดของเหล่าขุนนางทั่วราชวงศ์ฮั่น นี่เป็นการลอกเลียนแบบฝีมือของฮั่วกวงที่ครั้งหนึ่งเคยรวบอำนาจไว้ในมืออย่างเบ็ดเสร็จ
ในวันรุ่งขึ้น ตั๋งโต๊ะก็เสนอให้เตียนเอี๋ยงควบตำแหน่งเจ้าเมืองเสียงตงกับเจ้าเมืองปิงโจว มีอำนาจเต็มที่ทั้งในด้านกิจการทางทหารและการบริหาร ขณะเดียวกันยังเสนอให้แต่งตั้งลิโป้ขึ้นเป็นนายอำเภอแห่งจิ่วหยวนพร้อมทั้งออกราชโองการให้ลิโป้เร่งนำกำลังกลับไปประจำการ
หองจูเปียนร่างกายสั่นเทาขณะมองดูตั๋งโต๊ะที่กำลังออกคำสั่งอย่างจองหอง ขณะเดียวกันก็เบนสายตาไปขอความช่วยเหลือจากเหล่าขุนนางในท้องพระโรง พระองค์ทรงเยาว์วัยนัก เมื่อเจอกับตั๋งโต๊ะที่มีท่าทางดุร้ายป่าเถื่อนก็บังเกิดความรู้สึกหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก
หลังจากตั๋งโต๊ะทำการล้างเลือดราชสำนักไปรอบหนึ่งก็ไม่มีผู้ใดกล้าตั้งประจันหน้ากับตั๋งโต๊ะแบบซึ่งหน้าอีก ดังนั้นเหล่าขุนนางที่เหลือจึงได้แต่คล้อยตาม
มองดูท่าทางนิ่งเงียบไม่กล้าตอบโต้ของเหล่าขุนนางในท้องพระโรงแล้ว ตั๋งโต๊ะก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจ
...........
หลังผ่านการทำศึกมาหลายครั้ง กำลังพลที่เดิมทีเคยมีจำนวนถึงสี่หมื่นนายของเต๊งหงวนก็ลดลงเหลือเพียงหนึ่งหมื่นแปดพันนาย หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว ลิโป้ก็ตัดสินใจว่าจะจัดระเบียบโครงสร้างของกองทัพใหม่ ถ้าไม่ใช่เพราะกองทหารม้าเกิดความระส่ำระส่ายขึ้นเสียก่อน ฮัวหยงจะบุกโจมตีสำเร็จได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นไพร่พลของพวกเขายังฝึกฝนมาได้ไม่ดีพอ พอเผชิญหน้ากับการลอบโจมตีขึ้นมา หัวหมู่นายกองของแต่ละหน่วยก็ยังไม่สามารถจัดระเบียบกองพลเพื่อต่อต้านข้าศึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งที่ขาดแคลนที่สุดในตอนนี้ก็คือ เวลา หากมอบเวลาให้เขาสักหนึ่งปี เขาก็มั่นใจว่าเขาจะสามารถฝึกอบรมจนได้กองทัพชั้นยอดออกมาแน่
ลิโป้ในชุดลำลองคุกเข่าลงนั่งในกระโจม แม้ว่าเขาจะอยากจะนำทัพกลับไปยังปิงโจว แต่ความแค้นของเต๊งหงวนยังไม่ได้รับการสะสาง การฝืนนำกองทัพกลับไปในตอนนี้รังแต่จะทำให้เหล่าแม่ทัพนายกองที่เหลือรู้สึกคลางแคลงใจ อีกทั้งเต๊งหงวนยังดูแลเขาเป็นอย่างดี เขาจึงไม่อาจตัดใจจากไปในลักษณะนี้
"ใต้เท้าชื่อฉื่อตายแล้ว และข้าก็ได้รับการเลือกให้เป็นผู้นำจากทั้งหมด ข้ารู้สึกว่านี่เป็นความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่งนัก ตอนนี้ราชสำนักแต่งตั้งข้าเป็นนายอำเภอแห่งจิ่วหยวนพร้อมทั้งมีคำสั่งให้ถอนกำลังกลับไปประจำการโดยเร็ว ขณะเดียวกันยังแต่งตั้งเตียนเอี๋ยงเป็นเจ้าเมืองที่ควบคุมสองเมืองคือเสียงตงและปิงโจว มีอำนาจครอบคลุมทั้งด้านการบริหารและทางด้านการทหาร" เมื่อกล่าวจบลิโป้ก็กวาดตามองโดยรอบคราหนึ่ง เมื่อเห็นว่าทั้งหมดซุบซิบสนทนากัน เขาก็กล่าวต่อ "หากแต่ตอนนี้ข้าคิดว่ามีเรื่องที่สำคัญทั้งหมดอยู่สามเรื่อง"
เหล่าแม่ทัพหยุดแลกเปลี่ยนความเห็นกันก่อนจะหันมาตั้งใจฟังลิโป้
"เรื่องแรก ล้างแค้นให้ใต้เท้าชื่อฉื่อ"
"เรื่องที่สอง ทำให้ปิงโจวมีเสถียรภาพ"
"เรื่องที่สาม ฝึกฝนไพร่พลเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่สงคราม"
เมื่อเห็นว่าลิโป้ให้ความสำคัญกับการล้างแค้นให้เต๊งหงวนมาก่อนเป็นอันดับแรก แม่ทัพหลายนายก็รู้สึกโล่งใจ เต๊งหงวนเป็นข้าหลวงที่ดูแลเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชา ดังนั้นเขาจึงเป็นที่เคารพยกย่องจากเหล่าแม่ทัพ แม่ทัพหลายคนต่างก็เห็นว่าเตียนเอี๋ยงยังเทียบไม่ได้แม้แต่ไก่กาสุนัขจร ไม่ได้ยอมรับเรื่องที่เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการมณฑลปิงโจวคนใหม่ด้วยซ้ำ รอจนกองทัพของพวกเขายกกลับไปถึงปิงโจวก่อนเถอะ รอดูว่าถึงตอนนั้นผู้ใดจะมีกำปั้นใหญ่กว่า
"ขอรับ" เหล่าแม่ทัพขานรับเป็นเสียงเดียว
"หลังจากกรำศึกมาอย่างต่อเนื่อง ทัพปิงโจวเราก็เสียหายอย่างหนัก ตอนนี้ข้าจะแบ่งทัพปิงโจวออกเป็นสี่กองพลทหารราบและสามกองพลทหารม้า ให้เตียวเลี้ยวเป็นแม่ทัพดูแลกองพลหมาป่าจำนวนหนึ่งพันนาย ทหารและม้าศึกที่สูญเสียไปในศึกก่อนหน้าให้ทำการคัดเลือกไปเติมจากทัพหลัก"
"ขอรับ" เตียวเลี้ยวขานรับด้วยความยินดี กองพลหมาป่าเป็นทัพทหารม้าที่ลิโป้ฝึกฝนขึ้น ประสิทธิภาพในด้านการรบจึงยอดเยี่ยมที่สุด แม้ตอนปะทะกับทัพม้าของเสเหลียงก็ยังถือไพ่เหนือกว่า
"ให้โจเส็งจัดตั้งกองพลพยัคฆ์และเป็นแม่ทัพดูแลกองพล กองพลนี้จะประกอบด้วยทหารม้าหนึ่งพันนาย รับหน้าที่เป็นกององค์รักษ์ของทัพกลาง กำลังพลและม้าให้คัดเลือกจากทัพหลัก จากนั้นให้ส่งพลสอดแนมไปหาข่าวบริเวณโดยรอบเมืองลั่วหยาง ได้ข่าวสารอะไรให้กลับมารายงาน"
"ขอรับ" โจเส็งกุมมือรับคำสั่ง
"เฉิงเหลียนให้จัดตั้งกองพลเสี่ยวฉี และเป็นแม่ทัพดูแลกองพล บัญชาการทหารม้าหนึ่งพันนาย ให้คัดเลือกทหารจากทัพหลัก"
"ขอรับ" เฉิงเหลียนยิ้มรับคำ
"โกซุ่นให้เป็นแม่ทัพดูแลหน่วยทะลวงค่ายต่อไป ดูแลกำลังพลและม้าแปดร้อยนายคงเดิม ไพร่พลที่ขาดให้คัดเลือกไปเติมจากทัพหลัก"
"ขอรับ"
"หลันเป๋ง งุยซก ซงเหียน เฮาเสง ให้แต่ละคนดูแลทหารราบสองพันนาย ให้คัดเลือกจากทัพหลักไปเติมกำลังพลที่ขาด"
"ขอรับ" ทั้งสี่ขานรับพร้อมเพรียง
"เอาล่ะ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะฝึกอบรมทหารจนได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ หลังจากนี้อีกครึ่งเดือน ข้าจะมอบหมายงานให้แต่ละกองพล หากแม่ทัพคนใดไม่อาจทำหน้าที่ได้สมกับตำแหน่ง ข้าจะปลดออกแล้วให้ผู้อื่นขึ้นเป็นแทน" ลิโป้กล่าวปิดท้าย
เมื่อได้ยินประโยคปิดท้าย ทั้งหมดก็ตกตะลึง เหล่าแม่ทัพนายกองที่ถูกเรียกชื่อเมื่อสักครู่ล้วนแต่เป็นคนสนิทของลิโป้ อีกทั้งฐานะภายในกองทัพของลิโป้ยังไม่อาจโยกคลอน ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงคัดค้าน เต๊งหงวนเคยอบรมฝึกฝนลิโป้มาก่อน เช่นเดียวกับเตียวเลี้ยวและโกซุ่น ทั้งสามคนต่างก็มีตำแหน่งสำคัญในกองทัพ ดังนั้นหลังจากที่เต๊งหงวนตายไป อำนาจสั่งการจึงตกอยู่ในมือของลิโป้ และไม่มีผู้ใดกล้าก้าวออกมาคัดค้าน
"เหวินหยวน เจ้านำกองพลหมาป่าหนึ่งพันนายมุ่งหน้ากลับไปที่ปิงโจว" หลังจากที่ทั้งหมดแยกย้ายออกจากกระโจมไป ลิโป้ก็กล่าวกับเตียวเลี้ยว
"ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยเต็มใจติดตามท่านแม่ทัพบุกเข่นฆ่าศัตรู ล้างแค้นให้กับใต้เท้าชื่อฉื่อ!" เตียวเลี้ยวกุมมือกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่น
"เหวินหยวน ปิงโจวคือรากฐานของทัพเรา หากว่าปิงโจวไม่มั่นคง กองทัพก็จะไม่มั่นคงตามไปด้วย ข้าหวังว่าเมื่อเจ้ากลับไปที่ปิงโจวแล้ว เจ้าจะสามารถทำให้จิ่วหยวนมั่นคงโดยเร็วที่สุด อย่าให้ศัตรูสามารถตัดขาดแนวหลังของพวกเรา ขณะเดียวกันก็ให้เจ้ารวบรวมจัดหาหญ้าเสบียง เตียนเอี๋ยงพึ่งได้รับการแต่งตั้ง เขาคงจะไม่เข้ามารังควานสักระยะ" ลิโป้ตบบ่าเตียวเลี้ยวเบาๆก่อนจะกล่าวอย่างจริงจัง "ราชสำนักประกาศแต่งตั้งเตียนเอี๋ยงให้เป็นเจ้าเมืองเสียงตงควบตำแหน่งเจ้าเมืองปิงโจว เจ้าจะต้องไม่ขัดแย้งกับเขา เมื่อข้ากลับไปที่ปิงโจว ข้าจะตัดสินใจเอง"
"ขอรับ ผู้น้อยจะไม่ทำให้ท่านแม่ทัพต้องผิดหวัง" ได้ยินคำกล่าวของลิโป้ เตียวเลี้ยวก็รู้สึกได้ถึงภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ในใจเพิ่มความระแวดระวังต่อเตียนเอี๋ยงยิ่งขึ้น
ในอดีตตอนที่เต๊งหงวนยังอยู่ เตียนเอี๋ยงย่อมไม่กล้ายื่นมือเข้ามายุ่งกับปิงโจว หากแต่ตอนนี้เขาได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนักให้เป็นเจ้าเมืองปิงโจวแล้ว ดังนั้นสถานการณ์จึงมีความเป็นไปได้นานับประการ ทว่ากองพลหมาป่านั้นเป็นหน่วยรบที่ยอดเยี่ยมที่สุดของปิงโจว โอกาสที่จะชนะจึงค่อนข้างสูง
"กล่าวไปแล้วขอเหวินหยวนอย่าได้หัวเราะ เจ้าและข้านับเป็นพี่น้องกัน ตราบที่เจ้ามุ่งมั่นตั้งใจ ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะต้องรักษาเสถียรภาพในปิงโจวได้แน่ นายอำเภอจิ่วหยวนคนเก่าเป็นคนเปิดเผยจริงใจ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีกับข้า เขาจะต้องไม่มารังควานเจ้าในระหว่างที่จัดหาเสบียงกรังแน่ กะเกณฑ์ไพร่พล จัดหาม้าดี ยามเมื่อข้ากลับไป ข้าต้องการทัพม้าชั้นยอดสามพันนาย"
"ผู้น้อยจะต้องทำตามประสงค์ของท่านแม่ทัพให้สำเร็จ" ดวงตาของเตียวเลี้ยวแดงก่ำ หลังจากออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่มาหลายปี ในที่สุดลิโป้ก็เรียกหาเขาเป็นพี่น้องอีกครั้ง
"กลับไปตระเตรียมตัว ข้าหวังว่ายามที่ข้ากลับไปที่ปิงโจวอีกครั้ง จิ่วหยวนจะยังเป็นของข้า นั่นจึงจะทำให้ข้าวางใจได้"
เตียวเลี้ยวกุมมือลา ก่อนจะออกจากกระโจมไป ความไว้วางใจที่ลิโป้มอบให้ในวันนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นตันใจ ในใจลอบสัตย์สาบานว่าจะฝึกฝนทัพม้าที่เกรียงไกรออกมาให้จงได้
ทัพปิงโจวเป็นกองทัพแนวหน้าของราชวงศ์ฮั่น ทั้งยังเป็นไพร่พลที่เต๊งหงวนรวบรวมมาจากยอดทหารหาญ เป็นมือดีในหมู่มือดี หลังจากที่ลิโป้ปรับโครงสร้างกองทัพใหม่ เหล่าไพร่พลก็ฮึกเหิมคึกคัก ทั้งหมดเฝ้ารอเวลาที่จะได้ล้างแค้นให้กับเต๊งหงวนผู้เป็นนาย
"เรียนท่านแม่ทัพ สายสืบที่กบดานอยู่ภายในเมืองหลวงได้รายงานมาว่าตั๋งโต๊ะต้องการจะปลดฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และยกองค์ชายหลิวเสียขึ้นเป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขอรับ!" เมื่อได้รับข่าวสารสำคัญ โจเส็งก็รีบมารายงานต่อลิโป้ทันที