เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 3
เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 3
เมื่อที่เบื้องหน้ามีกับดักสกัดไว้ ทัพเสเหลียงก็เชื่องช้าลง ฮัวหยงเริ่มวิตกกังวล เขาได้แต่สั่งให้เหล่าทหารบุกตีเข้าไป พยายามทำลายค่ายกลกับดักของทัพปิงโจว
เมื่อเห็นว่ามีเส้นเชือกจำนวนมากถูกขึงโยงไว้กับหมุดดุจทะเลกับดักที่ด้านหน้าของทัพปิงโจวเพื่อป้องกันไม่ให้ทัพเสเหลียงรุกคืบเข้ามาได้ ลิโป้ก็พยักหน้า ในแววตาปรากฏแววชื่นชม สมแล้วที่ค่ายกลนี้ถูกเรียกว่าค่ายกลติดกับ แม้จะเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่เป็นทัพม้า ทัพปิงโจวก็ยังคงความได้เปรียบ
ตั๋งโต๊ะอยู่ที่แนวหลังของทัพเสเหลียง เมื่อเห็นว่าทัพปิงโจวจัดตั้งรูปขบวนได้สำเร็จและไพร่พลฝั่งเขาเริ่มบาดเจ็บล้มตายมากขึ้น เขาก็รีบออกคำสั่งให้พลกลองลั่นกลองถอยทัพ
ในการต่อสู้ครั้งนี้ กองทัพปิงโจวเสียหายหนักยิ่ง
"ใต้เท้า ตอนนี้ทัพปิงโจวเพิ่งพ่ายแพ้ แนวป้องกันย่อมหย่อนยาน ไฉนไม่สั่งให้ไพร่พลของเราบางส่วนเข้าตีกลางดึกคืนนี้ล่ะขอรับ พวกเราจะต้องสังหารเต๊งหงวนได้แน่" ลิยูฉวยโอกาสเสนอแผนการของตนเองออกไป
"ดี ดี ดีมาก ลิโป้นั่นกำลังบาดเจ็บอยู่ นี่เป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานมา ทั้งยังสามารถบั่นทอนกำลังขวัญของทัพปิงโจวได้ด้วย" ตั๋งโต๊ะลูบเคราหัวเราะ
"นายท่าน ผู้น้อยขออาสานำทหารม้าห้าพันนายบุกเข้าตัดหัวเต๊งหงวนขอรับ" ฮัวหยงกล่าวขันอาสา
"ตกลง ฮัวหยง เจ้านำทหารม้าห้าพันนายบุกโจมตีทัพปิงโจวในยามสาม กุยกีและลิฉุยนำทหารม้าอีกห้าพันคอยประสานเสริม งิวฮูนำทหารม้าอีกห้าพันคอยคุมเชิง หากว่าสำเร็จ เราผู้เป็นไท่ซือจะเลื่อนขั้นให้!"
"ผู้น้อยจะต้องนำหัวของเต๊งหงวนกลับมามอบต่อใต้เท้าให้จงได้" ฮัวหยงกล่าวด้วยความยินดี การสร้างผลงานการรบนั้นเป็นหนทางที่รวดเร็วที่สุดสำหรับการเลื่อนยศของเขา
....................
กลางดึก ลิโป้นั่งอยู่ภายในกระโจม เขากำลังสรุปผลการรบและคำนวณความสูญเสียในวันนี้ ในฐานะที่เคยเป็นหน่วยรบพิเศษมาก่อน แม้ประสบการณ์ส่วนใหญ่ของเขาจะถูกผูกติดอยู่กับการสู้รบขนาดเล็ก กระนั้นเขาก็ยังมีวิสัยทัศน์ทางการทหารอยู่บ้าง
ในศึกเมื่อตอนกลางวัน เขาได้มองเห็นข้อด้อยบางประการของการทำสงครามในสมัยโบราณ นั่นคือแม่ทัพไม่อาจสั่งการไพร่พลได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากว่าทัพปิงโจวในวันนี้สามารถออกรบตามคำสั่งได้ดุจเดียวกับกองทัพสมัยใหม่ วันนี้ทัพเสเหลียงคงได้แต่ถูกสะกดอยู่ฝ่ายเดียว
ทันใดนั้นลิโป้ก็รู้สึกหัวใจสั่นสะท้านอย่างไม่อาจอธิบาย ประสบการณ์หลายปีที่ใช้ชีวิตเฉียดปากเหวแห่งความตายของเขากำลังร้องเตือนว่ากำลังจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น
ครืน.....
เกิดเสียงดังครืนครันใกล้เข้ามา ลิโป้หยิบทวนและรีบเดินออกจากกระโจมไป
ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิดจนแทบจะมองไม่เห็นนิ้วมือตัวเอง ฮัวหยงโห่ร้องพลางควบม้านำทัพบุกเข้าตีค่ายของทัพปิงโจว ขณะเดียวกันยังโยนคบเพลิงเผาค่ายกระโจมไปด้วย
"ข้าศึกบุก!" เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือน ทั่วทั้งค่ายก็เกิดความปั่นป่วน
เหล่าไพร่พลปิงโจวไม่ทราบว่าผู้บัญชาการของตนอยู่ที่ไหน พวกเขาได้แต่รวมกำลังพลอย่างฉุกละหุก กุยกีและลิฉุยนำทัพม้าห้าพันนายบุกเข้าตีจากทางซ้ายของค่าย ตอนนี้ไพร่พลทัพปิงโจวยังไม่ทราบว่าข้าศึกมีกำลังมากน้อยเพียงใด บางส่วนยังต่อสู้กันเองเพราะยากจำแนกฝ่ายในความมืด
"สู้กลับ อย่าให้พวกเสเหลียงบุกยึดค่ายได้!" เตียวเลี้ยวรีบวิ่งไปขึ้นม้า
"กองพลหมาป่าอยู่ที่ใด? ตามข้าไปอารักษ์ขาท่านข้าหลวง!" ลิโป้ปีนขึ้นหลังม้าอย่างทุลักทุเลก่อนจะชูทวนเรียกรวมกำลังพล จะอย่างไรเต๊งหงวนก็เป็นถึงผู้นำแห่งทัพปิงโจว ถ้าเกิดว่าเขาเป็นอะไรไป นั่นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว ลิโป้ยังไม่อยากพบเจอชะตากรรมที่ต้องใช้ชีวิตระหกระเหินเร่ร่อนในขณะที่เขายังไม่อาจปรับตัวเข้ากับยุคสมัยนี้
"เต๊งหงวนตายแล้ว! ผู้ที่ทิ้งอาวุธยอมจำนนจะได้รับการละเว้น!" ฮัวหยงพลันตะโกนขึ้น
เมื่อได้ยินว่าเต๊งหงวนถูกฮัวหยงฆ่าตายแล้ว ไพร่พลทัพปิงโจวก็เกิดความแตกตื่น ผู้นำของพวกเขาตายแล้ว แล้วนี่จะทำอย่างไรต่อไป?
เมื่อลิโป้เห็นศีรษะเต๊งหงวนที่ถูกเสียบไว้บนปลายดาบของฮัวหยง เขาก็พลันรู้สึกมือเท้าเย็นเฉียบ เป็นไปได้ไหมว่าไม่ว่าเขาจะเลือกตัดสินใจอย่างไร เต๊งหงวนก็ยังไม่อาจรอดพ้นจากชะตากรรมที่ต้องตาย? เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเต๊งหงวนจะตกตายภายใต้การบุกโจมตีค่ายของฮัวหยงแทนที่จะตายด้วยมือของเขา
"เด็กน้อยฮัวหยง มอบศีรษะเจ้ามา!" เมื่อขี่ม้ามารวมกับเตียวเลี้ยวได้ ลิโป้ก็ตะโกนขึ้น ทั้งสองขี่ม้าโถมเข้าหาฮัวหยงด้วยกัน
เมื่อเห็นลิโป้และเตียวเลี้ยวขี่ม้าเข่นฆ่าเข้ามา ฮัวหยงก็ใจหายวาบ ก่อนหน้านี้ที่หน้าเมืองลั่วหยาง ตัวเขาได้ประจักษ์ฝีมือของลิโป้มาแล้ว ส่วนฝีมือของเตียวเลี้ยวก็ไม่ใช่ย่อย หากสองคนนี้ร่วมมือกันจัดการตน ตนยังจะสู้ได้อย่างไร?
"ย่าห์!" ฮัวหยงกัดฟันพลางกระตุ้นม้าขึ้นรับหน้า ถึงตรงนี้เขาไม่สามารถถอยหนีไปไหนได้อีกแล้ว
ทักษะขี่ม้าของลิโป้ย่ำแย่ยิ่ง กระนั้นเขายังสามารถอาศัยสัญชาตญาณในการต่อสู้ นอกจากนี้ตัวเขายังมีพละกำลังมหาศาล เขาสามารถกวัดแกว่งทวนเข้ารับมือกับฮัวหยงได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ ส่วนเตียวเลี้ยวก็คอยหาจังหวะโจมตีจากทางด้านข้าง ทำให้ฮัวหยงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
การปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่คาดคิดของลิโป้ทำให้ไพร่พลทัพปิงโจวที่กำลังปั่นป่วนพลันมีศูนย์รวมจิตใจ แม้จะสูญเสียใต้เท้าชื่อฉื่อไป พวกเขาก็ยังมียอดขุนพลไร้เทียมทาน ขุนพลลิ
"ลิโป้ เจ้าคนไร้ยางอาย!" เมื่อเห็นว่าทัพปิงโจวพลันกลับมามั่นคงภายใต้การมาของลิโป้และเริ่มตอบโต้กลับมาได้ ฮัวหยงก็ตะโกนพลางขว้างศีรษะของเต๊งหงวนใส่ลิโป้ ฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายกำลังมือไม้ปั่นป่วน ฮัวหยงก็รีบกระตุ้นม้าหันหัวกลับเข้าทัพเสเหลียง หลังไปรวมกับกุยกีได้ เขาก็หันหัวม้ากลับมา เมื่อเห็นว่าลิโป้นำทัพม้าบุกตีไล่หลังมา เขาก็รีบนำไพร่พลของตนหลบหนีไปทางเมืองลั่วหยาง
ด้วยความช่วยเหลือจากเตียวเลี้ยว โกซุ่นและแม่ทัพนายกองคนอื่นๆ ลิโป้ก็สามารถรวบรวมไพร่พลที่แตกทัพเคลื่อนกำลังไปตั้งค่ายใหม่ที่เมืองกู่เฉิง
มองดูค่ายเก่าที่ถูกเผาจนดำมะเมื่อมและเกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพแล้ว ลิโป้ที่ในชีวิตก่อนเคยผ่านการฝึกอย่างทรหดก็รู้สึกชาหนึบที่หนังศีรษะ ก่อนหน้านี้ทหารเหล่านั้นยังมองดูเขาด้วยดวงตาเคารพบูชา มาบัดนี้ทหารเหล่านั้นกลับกลายเป็นซากศพเย็นชืดไปเสียแล้ว
"เรียนท่านแม่ทัพ ทัพเราเสียกำลังพลไปประมาณสามพันและบาดเจ็บอีกหกพันจากศึกนี้" เตียวเลี้ยวกุมมือกล่าวรายงาน
"อืม ทราบแล้ว" ลิโป้พยักหน้า ตอนนี้อารมณ์ของเขากำลังตกต่ำถึงขีดสุด คาดว่าในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งก็ยังไม่มีไพร่พลตายอย่างอเนจอนาถเท่านี้
เมื่อเต๊งหงวนตาย เตียวเลี้ยว โกซุ่นและแม่ทัพนายกองคนอื่นๆก็ยกลิโป้ขึ้นเป็นผู้นำทัพปิงโจว
ด้วยชื่อเสียงบารมีของลิโป้แล้ว ย่อมไม่มีผู้ใดส่งเสียงคัดค้าน
เมื่อได้ลองมาบริหารจัดการทัพปิงโจวด้วยตนเอง ลิโป้ก็ทราบแล้วว่าก่อนหน้านี้เต๊งหงวนค้องพบเจอกับเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้าเพียงใด เรื่องแรกเลย คือปัญหาด้านเสบียงซึ่งจะต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว โชคดีที่บริเวณโดยรอบของลั่วหยางพอจะมีเมืองที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งสามารถแก้ไขวิกฤตนี้ได้ชั่วคราวอยู่ และขบวนเสบียงจะถูกส่งมาถึงทัพปิงโจวในไม่ช้า
อย่างไรก็ตามการตายของเต๊งหงวนก็ส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทัพปิงโจวอย่างหนัก ทั่วทั้งค่ายถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศอันอึมครึม
"ฮ่าๆ โจรเฒ่าเต๊งหงวนตายแล้ว เราผู้เป็นไท่ซือไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก พรุ่งนี้เช้าข้าจะผลักดันเรื่องปลดฮ่องเต้ ดูซิว่าใครยังจะกล้าส่งเสียงคัดค้านข้าอีก!" ตั๋งโต๊ะระเบิดเสียงหัวเราะจนดังไปทั่วจวน
"ใต้เท้า แม้ว่าเต๊งหงวนจะตายแล้ว หากแต่ลิโป้ยังคงรั้งทัพอยู่ที่กู่เฉิง นี่เป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว"
"เด็กน้อยลิโป้งั้นรึ แค่ทหารกล้าคนเดียวจะมีอะไรน่ากังวลกัน อีกทั้งกู่เฉิงยังเป็นแค่เมืองขนาดเล็ก ขอเพียงทัพเสเหลียงของข้าเคลื่อนทัพไปถึง ลิโป้จะถูกเหยียบจนจมดิน" ตั๋งโต๊ะกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ เต๊งหงวนที่เป็นถึงขุนนางมีชื่อยังตกตายในมือของเขา แล้วลิโป้ที่เป็นเพียงนายทหารคนหนึ่งยังจะนับเป็นอย่างไร?
"ใต้เท้าไท่ซือเปี่ยมด้วยความสามารถ ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเปรียบ หากแต่ทัพปิงโจวยังคงอยู่ที่ด้านนอกนั่น นี่คล้ายมีมีดเล่มหนึ่งจ่อใส่คอหอยของพวกเรา ในตำราขงจื๊อมีแผนการหนึ่งที่สามารถทำให้ทัพปิงโจวไม่อาจรวมกำลังกันเป็นปึกแผ่น" ลิยูกล่าวขึ้น
"โอ เหวินโยวมีแผนการใด?" ตั๋งโต๊ะได้ยินแล้วก็ยินดี ตอนนี้ลิยูเป็นกุนซือที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขา แม้ว่าในราชสำนักจะมีผู้เปี่ยมพรสวรรค์อยู่มากมาย แต่คนเหล่านั้นไม่เต็มใจที่จะรับใช้เขา โดยเฉพาะเหล่าขุนนางบุ๋นที่ดูถูกดูแคลนเขาทั้งในทางเปิดเผยและทางลับ มิเช่นนั้นเขาคงไม่ต้องฆ่าคนมากมายในลั่วหยาง
"เต๊งหงวนตายแล้ว ขอเพียงใต้เท้าออกหนังสือแต่งตั้งเตียนเอี๋ยงเป็นเจ้าเมืองปิงโจว และแต่งตั้งลิโป้เป็นนายอำเภอแห่งจิ่วหยวน เพียงเท่านี้ทั้งสองก็จะหวาดระแวงซึ่งกันและกัน และไม่ช้า ลิโป้จะต้องรีบถอนทัพกลับไปอย่างแน่นอน"