เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 1
เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 1
"เหวินหยวน[1] พักนี้เกิดอะไรขึ้นกับท่านแม่ทัพกัน ข้ารู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก"
[1 ชื่อรองของเตียวเลี้ยว]
"เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านแม่ทัพบังเกิดความกังวลหลังจากที่ใต้เท้าชื่อฉื่อ(ข้าหลวง)และโจรกบฏตั๋งโต๊ะฉีกหน้าต่อกัน? มิเช่นนั้นคงไม่พลัดตกจากหลังม้าเช่นนั้น"
"ชู่ว ท่านแม่ทัพอยู่ใกล้ๆนี่ เหวินหยวน ดูนั่น ท่านแม่ทัพกำลังยิ้ม" โจเส็งมองดูลิโป้ที่กำลังใกล้เข้ามาด้วยความประหลาดใจ ในใจปรากฏม่านหมอกแห่งความสงสัยขึ้น ลิโป้มักจะนำทัพด้วยความเข้มงวดกวดขันอยู่เสมอ โดยเฉพาะหลังจากที่ได้รับคำสั่งให้ออกเดินทางไปยังเป่ยจิงด้วยกันกับใต้เท้าผู้ตรวจการ โจเส็งก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเผยยิ้มอีกเลย แม้แต่การพบปะกันเป็นการส่วนตัวกับโจเส็งก็พลอยน้อยครั้งไปด้วย
"ท่านแม่ทัพ" เตียวเลี้ยวและโจเส็งรีบกุมมือคารวะ
"หืม พวกเจ้าสองคนมาซุบซิบอะไรกันอยู่ตรงนี้?" ลิโป้เอ่ยถามพร้อมด้วยรอยยิ้มบางขณะเดินกะเผลกมาทางทั้งสอง แม้การก้าวเดินจะดูทุลักทุเลไปหน่อย กระนั้นก็ยังดูทรงพลัง
"ท่านแม่ทัพ อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?" เตียวเลี้ยวรีบถามขึ้นเมื่อเห็นว่าโจเส็งยังนิ่งเงียบไม่ทันตอบสนอง
"เพียงบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ต้องกังวล เหตุการณ์ในการทัพยังปกติดีหรือไม่? เจ้าต้องฝึกฝนกำลังพล อย่างไรก็ดี ไพล่พลที่รับบาดเจ็บเหล่านั้นยังต้องดูแลให้ดี" ลิโป้กล่าวขณะเดินไปทางลานฝึกทหาร
เตียวเลี้ยวและโจเส็งหันไปมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างก็สังเกตเห็นความสับสนในแววตาของอีกฝ่าย แม้จะรู้จักกันมาตั้งแต่ยังเปื้อนฝุ่นโคลน ลิโป้ก็มักจะเย่อหยิ่งและไร้เทียมทานในสายตาของพวกเขามาโดยเสมอ และพวกเขาก็เต็มใจที่จะติดตามรับใช้ลิโป้ กระนั้นพวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากทำงานได้เพียงไม่กี่วัน ลิโป้จะเปลี่ยนบุคลิกไปราวกับเป็นคนละคน จากที่เคยเฉยเมยต่อไพร่พล ช่วงนี้เขากลับยิ่งเข้าไปคลุกคลีไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกับเหล่าทหารใต้บัญชาด้วยตัวเอง นับเป็นเรื่องที่ดียิ่ง
นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ทั้งสองคนต่างก็คิดว่า หลังจากออกรบมาหลายศึก ทัศนคติของลิโป้ก็ค่อยๆเติบโตขึ้น ทว่าพวกเขากลับหารู้ไม่ว่า แม้ว่าร่างจะยังคงเป็นลิโป้ แต่วิญญาณของเขากลับเป็นวิญญาณของชนรุ่นหลังในอีกหลายพันปี
ในฐานะหน่วยรบพิเศษคนหนึ่งของกองทัพ เมื่อเผชิญกับการกดดันและไล่ล่าจากศัตรูเข้มแข็งจำนวนมาก ตัวเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกระโดดลงหน้าผา เขาคิดว่าตนเองคงไม่รอดแล้ว แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าตนเองจะมาโผล่ในยุคสมัยที่แผ่นดินวุ่นวายที่สุด ยุคราชวงศ์ฮั่น ที่คิดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ ตัวเขาจะกลายเป็นยอดนักรบเบอร์หนึ่งแห่งยุค เทพสงครามลิโป้ หลังจากตื่นเต้นจนแทบจะตะโกนโห่ร้อง ความรู้สึกสิ้นหวังก็เริ่มเข้าแทนที่แทบจะในทันที
ในด้านความแข็งแกร่ง ตัวเขาในชีวิตก่อนยังพอจะมีที่อวดอ้าง แต่เมื่อคำนึงถึงตัวตนและยุคสมัยที่เปลี่ยนไปแบบพลิกฟ้าคว่ำดิน ในยุคสมัยที่ปืนไรเฟิลจู่โจมถูกแทนที่ด้วยทวน และรถยนต์ถูกแทนที่ด้วยม้าศึกนี้ เขาก็ยังปรับสภาพจิตใจตามไม่ทันอยู่ดี ความทรงจำของลิโป้และฝีมือของเขายังคงติดตัวอยู่ ที่เห็นจะแตกต่างออกไปก็คือแววตา อย่างไรเสียการสังหารด้วยอาวุธยาวอย่างทวนกับปืนก็แตกต่างกัน ยังไม่พอ เพื่อที่จะทำความคุ้นชินกับร่างกายนี้โดยเร็วที่สุด เขาจึงพยายามฝึกฝนการขี่ม้าด้วย ทว่าสถานการณ์จริงกลับไม่เป็นอย่างที่คิด แม่ทัพขุนพลผู้สง่างามพลันหงายหลังร่วงจากหลังม้าทันทีที่ขึ้นขี่ กลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คน
จากแววตาของเหล่าทหารที่เขาเดินผ่านตลอดทาง ลิโป้สังเกตเห็นความนิยมเลื่อมใสและความคลั่งไคล้ แม้ว่าการฝึกทหารจะดูแปลกประหลาดไปบ้างสำหรับเขา นี่เป็นงานที่หนักหน่วงงานหนึ่ง อีกทั้งผู้คนยังค่อนข้างที่จะเกียจคร้าน
ในช่วงกลางดึก ลิโป้หยิบ "ชุนชิว(วสันตสารท)" ที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะมาไว้ในมือพลางพลิกอ่านด้วยความเพลิดเพลิน ในความเห็นของเขา ตำราหนังสือโบราณนั้นหนักและเทอะทะเกินไป การอ่านเรื่องสั้นนั้นเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของเขา เพราะมันสามารถกรองสาระสำคัญที่ต้องการได้โดยตรง
"เรียนท่านแม่ทัพ ใต้เท้าชื่อฉื่ออยู่ด้านนอกกระโจมแล้วขอรับ" ทหารองค์รักษ์กระซิบกล่าวเสียงเบาหลังจากจากที่เข้ามาในกระโจม
"ใต้เท้าชื่อฉื่อ" ลิโป้ไม่กล้านิ่งเฉยเมื่อได้ยินชื่อเรียกนี้ เขารีบลุกออกไปต้อนรับอีกฝ่าย
"เฟิ่งเสียน[2] ได้ยินมาว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บขณะขี่ม้า อาการเป็นอย่างไรบ้าง?" เต๊งหงวนสอบถามอย่างเป็นห่วง
[1 ชื่อรองของลิโป้]
"ไม่เป็นไรขอรับ บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย พักสักระยะคงหายเป็นปลิดทิ้ง นี่ก็ดึกแล้ว ท่านผู้เฒ่ายังไม่นอน?" ลิโป้ยังรู้สึกไม่คุ้นชินกับการออกเสียงอันสลับซับซ้อนของจีนโบราณอยู่บ้าง ดีที่ลิโป้นั้นเป็นขุนนางฝ่ายทหาร ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดถือสาหาความ
เต๊งหงวนอายุใกล้จะห้าสิบปีแล้ว ตอนที่กล่าววาจาก็มักจะมีรอยยิ้มน้อยๆแขวนอยู่บนใบหน้า จึงให้ความรู้สึกที่ใกล้ชิดสนิทสนมแก่ผู้คน
มองดูเต๊งหงวนที่เบื้องหน้า ลิโป้ก็เกิดความรู้สึกที่ผสมปนเป ในความทรงจำของเขา ท่านข้าหลวงได้ดูแลเขาเป็นอย่างดี เขาขยันหมั่นเพียรเพื่อพัฒนาตน ทั้งยังมอบหน้าที่ฝึกทหารม้าให้กับเขา ในตอนนี้ตัวลิโป้ดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการทหารม้า
"ประเสริฐ ในวันพรุ่งจะมีศึกกับตั๋งโต๊ะ เฟิ่งเสียน เจ้าไม่ต้องเข้าร่วม ให้พักรักษาจนหายดี ในภายหน้าเจ้าจะได้ช่วยบิดากำจัดโจรชั่วตั๋งโต๊ะและฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น" ขณะกล่าว สีหน้าของเต๊งหงวนก็เต็มไปด้วยความเดือดดาลและความคาดหวัง ในฐานะข้าราชบริพาร นี่เป็นเป้าหมายที่สูงส่งที่สุดแล้ว
"นายท่าน ไพร่พลของตั๋งโต๊ะมีมากกว่าเรามากมายนัก ทั้งอีกฝ่ายยังอาศัยเมืองลั่วหยางในการตั้งรับ กองทัพของเราดั้นด้นมาจากปิงโจว การขนส่งเสบียงค่อนข้างยากลำบาก เมื่อเวลาผ่านไปข้าเกรงว่าจะเกิดเหตุเปลี่ยนแปลง ขอนายท่านโปรดพิจารณาด้วย" ลิโป้กล่าวเกลี้ยมกล่อม
"โอ เช่นนั้นข้าควรทำอย่างไร?" ดวงตาของเต๊งหงวนเป็นประกาย ก่อนหน้านี้ลิโป้เพียงรู้จักการรบทัพจับศึกและการฝึกฝนไพร่พล เขาไม่เคยออกความเห็นที่ลึกล้ำเช่นนี้มาก่อน
"นายท่านขอรับ ข้าน้อยมีความเห็นความพวกเราควรจะถอยทัพก่อน ในภายหน้าพวกเราจะต้องมีโอกาสกำจัดตั๋งโต๊ะอีกเป็นแน่ขอรับ" ลิโป้ยังคงไม่อาจออกเสียง "อี้ฟู่(บิดาบุญธรรม)" ได้
"ไม่ได้ ตอนนี้เหล่าขุนนางตกอยู่ในกำมือของโจรชั่วตั๋งโต๊ะแล้ว อีกทั้งฝ่าบาทก็กำลังตกอยู่ในอันตราย ในฐานะข้าราชบริพารแล้ว ข้าจะนิ่งเฉยดูดาย ยอมปล่อยให้โจรชั่วตั๋งโต๊ะกำเริบเสิบสานและสร้างกรรมชั่วได้อย่างไร?" แม้ความคิดรวมกำลังและถอยกลับก่อนของลิโป้จะเป็นความคิดที่ถูกต้อง แต่หากทำเช่นนั้น ผู้คนจะมองเต๊งหงวนว่าอย่างไร?
"นายท่าน" ลิโป้อดกล่าวขึ้นอีกไม่ได้
"ไม่คุยกันเรื่องการศึกแล้ว ข้าได้ยินมาจากองค์รักษ์ว่าเจ้ากำลังศึกษาตำราชุนชิว?"
"ขอรับ เพราะข้าบาดเจ็บ ดังนั้นจึงหาอะไรทำ แต่ก็ยังมีอีกหลายจุดที่ข้าอ่านไม่เข้าใจขอรับ" ลิโป้ยิ้มกล่าว
"ดี เฟิ่งเสียน ฝีมือส่วนตัวอย่างไรเสียก็ยังไม่สู้กลยุทธ์" เต๊งหงวนกล่าวด้วยความยินดี
หลังจากส่งเต๊งหงวนจากไปแล้ว ลิโป้ก็หยิบตำราชุนชิวขึ้นมาด้วยสีหน้าซับซ้อน เขาจำได้ว่าเต๊งหงวนจะจบชีวิตด้วยน้ำมือของเขาเองหลังจากที่เคยได้อ่านสามก๊กมา หากแต่ตัวเขาที่เป็นลิโป้ในเวลานี้เป็นวิญญาณของคนในยุคสมัยใหม่ เมื่อนึกถึงความใจดีมีเมตตาของเต็งหงวนแล้ว เขาก็คิดกับตนเองในใจ 'แบบนั้นก็อย่าให้ประวัติศาตร์ซ้ำรอยเถอะ เราจะไม่ยอมถูกประณามว่าลูกสามพ่อ ไหนๆก็มาถึงยุคอันวุ่นวายนี้แล้ว เราต้องทำอะไรสักอย่าง ถึงแม้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงโลก แต่อย่างน้อยก็ต้องเปลี่ยนแปลงชะตาของตัวเอง'
"ท่านแม่ทัพ ที่ด้านนอกกระโจมมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นสหายเก่าของท่านและต้องการเข้าพบท่านแม่ทัพขอรับ"
"หืม สหายเก่า? ให้เข้ามาได้" ลิโป้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวตอบ
"เฟิ่งเสียน สบายดี?" บุรุษผอมบางในชุดผ้าฝ้ายซึ่งมีดวงตาที่เฉียบคมปรากฏตัวขึ้น หากแต่เคราแพะของเจ้าตัวกลับทำให้ลิโป้รู้สึกขบขันเล็กน้อย
"ท่านคือ?" ลิโป้ถามขึ้น
"เฟิ่งเสียนพอขึ้นเป็นแม่ทัพก็ไม่รู้จักสหายเก่าผู้นี้เสียแล้ว?" ลิซกกล่าวยิ้มๆ "ข้าเป็นคนบ้านเกิดเดียวกันกับเจ้าชื่อว่าลิซก ตอนที่ยังเด็กพวกเรามักจะเล่นด้วยกัน"
ในดวงตาของลิโป้ปรากฏประกายขึ้นวูบ ในที่สุดบุคคลที่สมควรมาก็มาแล้ว "อ้อ เป็นใต้เท้าลิซกนี่เอง เชิญ เชิญ"
"เฟิ่งเสียนอย่าได้หยอกเย้า ใต้ทงใตเท้าอะไรกัน ข้าเพียงเป็นผู้พึ่งใบบุญตัวเล็กๆของใต้เท้าไท่ซือเพียงเท่านั้น"
"อ้อ รับใช้โจรเฒ่าตั๋งโต๊ะ ท่านควรทราบว่าเวลานี้สองฝ่ายกำลังทำสงครามกัน แต่ท่านกลับมาที่ค่ายของข้า นี่ใช่เป็นการสอดแนมทางทหารหรือไม่?" สีหน้าของลิโป้เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นมา