199-200
9/10
Ep.199
อี้อี้นอนอยู่ลงบนพุงของหลังอาน ใช้เป็นหมอนหนุน และคล้ายว่าจะหลับไปแล้ว
ส่วนอันหยุนหลาน เวลานี้นอนอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เซวียน
แม้ฉู่เซวียนจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เขาไม่ได้ปฏิเสธ นี่ทำให้อันหยุนหลานมีความสุขมาก
ส่วนเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป ก็ปล่อยให้เป็นเป็นในส่วนของอนาคต
ภายใต้อ้อมแขนของฉู่เซวียน อันหยุนหลานได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะและมั่นคงของชายหนุ่ม ความรู้สึกสงบใจที่หายไปนานหวนกลับมาอีกครั้ง นานแค่ไหนแล้วนะที่เธอสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ
เกรงว่านั่นคงเป็นคืนสุดท้ายก่อนวันสิ้นโลกจะมาถึง!
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เดิมอันหยุนหลานกังวลเล็กน้อยเรื่องจะต้องนอนค้างกลางทุ่งหญ้า เพราะอย่างไรเสียกลางคืนในพื้นที่รกร้างค่อนข้างอันตราย พวกสัตว์กลายพันธุ์มักออกล่าตอนกลางคืน อีกทั้งความสามารถของมนุษย์ยามค่ำคืน จะอ่อนแอกว่าตอนกลางวันอย่างเห็นได้ชัด
หากคนของกองทัพหรือกลุ่มทหารรับจ้างต้องค้างคืนกลางทุ่งล่า ทุกคนจะรู้สึกหวาดกลัวมาก หวาดกลัวว่าจะเผชิญกับการโจมตีที่คาดไม่ถึง สุดท้ายโดนปิดล้อม ดังนั้นต้องผลัดกันเฝ้ายาม
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฉู่เซวียนรู้ถึงความคิดของอันหยุนหลาน เขาก็ขจัดความกังวลของเธอด้วยประโยคเดียว “หนึ่งในพวกเราเป็นถึงสัตว์กลายพันธุ์ที่ทรงพลังและชอบกินพวกระดับลอร์ดเป็นอาหาร เธอลองนึกดูเถอะว่าจะมีพวกสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่นกล้าบุกมาไหม”
...
วันถัดมา
แสงแดดอันแรงกล้าลอดผ่านแมกไม้ ฉู่เซวียนค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นอย่างช้าๆ
เขาอ้าปากหาว มองไปยังใบหน้าอันงดงามของอันหยุนหลานที่ยังคงหลับอยู่ข้างกาย อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
จากนั้น ดวงตาของเขาเบนไปทางอี้อี้กับหลังอานที่ยังหลับอยู่ กระแอมเบาๆ เอ่ยปากว่า “แดดจะลนก้นอยู่แล้ว ยังไม่รีบตื่นอีก!”
ได้ยินเสียงปลุก ทุกคนค่อยๆตื่นขึ้นมา หลังอานหาวแล้วพูดว่า “ยังเช้าอยู่เลย ไม่เร็วไปหน่อยหรือ? ปลุกเราราชาทำไม!”
ฉู่เซวียนได้ยินคำนี้ ต้องเอ่ยอย่างขบขัน “ยังเช้าอยู่? นี่มันจะสายแล้วต่างหาก!”
“ก็ได้ ก็ได้” หลังอานขัดคำพูดของฉู่เซวียน แล้วกล่าวว่า “เจ้าหนู รีบทำอาหารเช้าเถอะ เราราชาหิวแล้ว!”
ไม่สนใจคำพูดของหลังอาน ฉู่เซวียนหันไปมองอันหยุนหลานที่ยังงัวเงีย หัวเราะแล้วพูดว่า “ตื่นเถอะ ฉันจะไปทำอาหารเช้าให้”
“อื้ม!” อันหยุนหลานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกหวานชื่นปรากฏขึ้นในใจเธอ ดวงตาจับจ้องไปทาง ฉู่เซวียนที่กำลังวุ่นอยู่ข้างๆ
อี้อี้เกิดความอยากรู้อยากเห็น รีบวิ่งมาข้างๆ อันหยุนหลาน ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความสงสัย “พี่สาวอัน เมื่อคืนพี่นอนกับพี่ชายหรือ ฮี่ ฮี่”
ได้ยินคำนี้ อันหยุนหลานเริ่มหน้าแดง เหลือบมองไปยังฉู่เซวียนที่อยู่ไม่ไกล ก่อนพยักหน้าเบาๆ
อี้อี้พอได้ยินก็ยิ้ม ร้องด้วยความตื่นเต้น “ว้าว! งั้นต่อไปพี่ชายกับพี่สาวจะมีลูกด้วยกันใช่ไหม”
ถูกตอกย้ำแบบนี้ อันหยุนหลานหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม รีบดึงอี้อี้ลงมา กระซิบว่า “อี้อี้ เธอไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน?”
“เคยเห็นในทีวี!” อี้อี้ตอบ
“เธอยังเด็กอยู่ เอาไว้ค่อยเรียนรู้เรื่องพวกนี้ทีหลัง” อันหยุนหลานลูบหัวอี้อี้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
...
อาหารเช้าของฉู่เซวียนมื้อนี้ปรุงจากวัตถุดิบทั่วไปที่เขาเคยรวบรวมมาจากเมืองตงเฉิง และไม่เกินความคาดหมาย เอฟเฟกต์ของพวกมันมีแค่ช่วยเร่งการฟื้นฟูทางกายภาพได้นิดหน่อยเท่านั้น
ณ ขณะนี้ ฉู่เซวียนพอจะเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถของเทคนิคการทำอาหารขั้นต้นของเขาแล้ว นั่นคือวัตถุดิบยิ่งทรงพลัง เอฟเฟกต์ยามปรุงสุกก็จะยิ่งทรงประสิทธิภาพ
10/10
Ep.200
หลังจากรับประทานมื้อเช้าอย่างอิ่มหนำ พวกฉู่เซวียนก็เริ่มออกเดินทางสู่ฐานเทียนหัว
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา กำแพงเมืองตระหง่านของฐานเทียนหัวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าฉู่เซวียนอีกครั้ง
เห็นภาพนี้ อี้อี้ดวงตาลุกวาว ร้องอุทานขึ้นมา “ว้าว! นี่น่ะหรอฐานเทียนหัว อลังการจริงๆ!”
ในฐานะซอมบี้ลอร์ดแห่งตงเฉิง อี้อี้ไม่เหมือนกับซอมบี้ระดับสูงตัวอื่นๆที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือด เธอไม่เคยนำกองทัพซอมบี้โจมตีฐานมนุษย์เลย
ดังนั้นเมื่อได้เห็นฐานเทียนหัวเป็นครั้งแรก จะรู้สึกตื่นเต้นก็ไม่แปลกอะไร
อันหยุนหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ “ฐานเทียนหัว ... ไม่นึกเลยว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง”
ได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของอันหยุนหลาน ฉู่เซวียนค่อยๆกุมมือเธอ พูดให้กำลังใจว่า “ไม่ต้องกังวล ยังมีฉันอยู่”
ได้ยินคำนี้ อันหยุนหลานพยักหน้าน้อยๆ ใบหน้างดงามของเธอดูมีความสุขมาก
ตรงกันข้ามกับฉู่เซวียน ดวงตาของเขาหรี่แคบลง มุมปากยกโค้งเป็นรอยยิ้มกระหายเลือด ไอหนาวเหน็บของเทพมรณะผุดออกมาจากร่างเขา
‘ทูตสวรรค์งั้นหรอ? เหอ เหอ เดี๋ยวได้เจอกัน’
“ไปเถอะ” ฉู่เซวียนเรียกคนอื่นๆ จากนั้น กลุ่มที่มีสองซอมบี้ หนึ่งสัตว์กลายพันธุ์ และหนึ่งมนุษย์ก็ก้าวออกไปข้างหน้า
มองไปยังฐานเทียนหัวที่ค่อยๆใกล้เข้ามา ฉู่เซวียนไม่ลืมย้ำเตือนหลังอานว่า “หลังอาน ห้ามพูดไร้สาระออกมาเด็ดขาดเลยนะ”
หากเห็นว่าหลังอานพูดได้ ต่อให้เป็นคนโง่ที่สุดในโลกก็ยังต้องตะหงิดใจว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ได้ยินแบบนั้น หลังอานยกยิ้มมุมปาก เอ่ยด้วยความหงุดหงิดว่า “เออ เรารู้แล้ว เราราชาไม่ได้โง่ เราท่องไปในโลกหายนะมานานกว่าเจ้าซะอีก ถึงเวลา เราราชาจะทำตัวหยิ่งทะนง เป็นหมาป่าองอาจไม่ปริปากพูดเอง”
ว่าจบ หลังอานก็แหงนหน้าขึ้น 45 องศา เชิดหน้าเดินอกผายไหล่ผึ่งเหมือนมนุษย์
ฉู่เซวียนพอเห็นท่าทางของหลังอานก็อดหัวเราะไม่ได้ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า นายก็รู้วิธีทำตัวให้เป็นธรรมชาตินี่ ถ้าไม่จำเป็น พยายามหลีกเลี่ยงปัญหาล่ะ เข้าใจไหม?”
ทั้งกลุ่มพูดคุยหัวเราะกัน จนในที่สุดมาถึงหน้าทางเข้าฐานเทียนหัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้ามาใกล้ ฉู่เซวียนกลับพบว่าฐานเทียนหัวในเวลานี้ เมื่อเทียบกับครั้งก่อนแล้ว บรรยากาศกลับดูอึมครึมกว่ามาก ทั้งยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟัน
อย่างทางเข้าที่เดิมมีเพียงทหารรักษาการณ์ไม่กี่คน เวลานี้กลับมีทหารนับร้อยประจำการอยู่
พวกนักเดินทางและกลุ่มทหารรับจ้างที่กลับมาจากสำรวจพื้นที่รกร้าง เวลานี้ทั้งหมดหุบปากเงียบ ไม่มีใครกล้าโหวกเหวกโวยวายเหมือนแต่ก่อน
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” ฉู่เซวียนพอเห็น ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เอ่ยถามด้วยความฉงน
อันหยุนหลานที่อยู่ข้างๆกระซิบว่า “ทั้งหมดเป็นเพราะทูตสวรรค์ เขาได้รับการสนับสนุนจากหนึ่งในผู้บัญชาการทหารในกองทัพ เลยสามารถควบคุมทางเข้าออกของฐานเทียนหัวได้”
“ทำไมต้องทำแบบนั้น” ฉู่เซวียนถาม
อันหยุนหลานยิ้นหยัน “แน่นอน ว่ากฏนี้มีไว้เพื่อตรวจสอบดูว่าคนเหล่านี้ได้เข้าร่วมกับลัทธิเทพแล้วหรือยัง ทุกคนที่เข้าไปต้องถูกตรวจสอบ ตราบใดที่ยอมเป็นคนของลัทธิเทพ พวกเขาจะได้รับที่พักพิงและการปฏิบัติอย่างดีในเมือง พอคนอื่นๆรู้เรื่องนี้ นายเดาสิว่าพวกเขาจะตอบยังไง”
ฉู่เซวียนพยักหน้าว่าเข้าใจ “แน่นอน ถ้าเป็นฉัน ฉันต้องเลือกเข้าร่วมกับพวกเขา เพราะยังไงซะ ใครเล่าจะไม่ยอมคว้าผลประโยชน์ที่กองอยู่ตรงหน้า?”