197-198
7/10
Ep.197
อันหยุนหลานเผยรอยยิ้มอับจนปัญญาบนใบหน้าเธอ “ด้วยความแข็งแกร่งทางจิตของฉันในตอนนี้ เชื่อมจิตได้มากที่สุดแค่คนเดียวเท่านั้น”
ต้องรู้นะว่า พลังจิตของอันหยุนหลานในปัจจุบันอยู่ที่เลเวล 5 ขั้นกลางแล้ว
แต่ฟังจากที่เธอพูด คล้ายกับว่าสามารถใช้มันได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น
หลังอานประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้า เอ่ยว่า “นังหนู รีบเพิ่มพลังรบให้มากกว่านี้ซะ อบิลิตี้นี้ของเจ้าทรงพลังมาก กระทั่งเราราชายังรู้อิจฉาอยู่บ้าง”
ฉู่เซวียนที่อยู่ข้างๆพอได้ยินคำนี้ ก็หัวเราะ ฮี่ ฮี่ ออกมา เอ่ยว่า “หลังอาน ที่จริงแล้วนายก็มีโอกาสได้รับอบิลิตี้นั่นเหมือนกัน”
ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของหลังอานเบิกกว้างขึ้นทันใด อุทานด้วยความตกใจ “อะไรนะ! เจ้าหนูเจ้าหมายความว่ายังไง! เราราชาไม่เข้าใจ”
กระทั่งอี้อี้ก็ได้ยินคำนี้ ยังเงี่ยหูตั้งใจฟัง
ฉู่เซวียนยักไหล่ เอ่ยว่า “ก็โจ๊กที่นายกินเข้าไปไง เจ้าสิ่งนี้ไม่ใช่แค่ช่วยเพิ่มพลังจิต 3% เท่านั้น แต่มันยังมีโอกาสช่วยให้ผู้กินได้รับอบิลิตี้พลังจิตด้วย”
ว่าจบ ฉู่เซวียนก็ตบหัวสุนัขของหลังอานที่แข็งเป็นหิน เอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ว่า “จุ๊ จุ๊ จุ๊ หลังอานเอ๋ย เพราะนายมันหน้าหนาเกินไปเลยไม่ได้พลังใหม่มายังไงเล่า”
อย่างไรก็ตาม อี้อี้ที่อยู่ข้างๆพอได้ยินประโยคนี้ ก็บ่นอุบด้วยความโกรธเคือง “ฮึ่ม! ถ้าพี่ชายพูดแบบนั้น แสดงว่าอี้อี้ก็หน้าหนาด้วยสิ!”
“เอ่อ ...” รอยยิ้มอึดอัดเผยขึ้นบนใบหน้าของฉู่เซวียน เขาลืมไปเลยว่าอี้อี้เองก็ไม่ได้อบิลิตี้เช่นกัน “แน่นอนว่าเธอไม่ใช่ สำหรับเธอมันก็แค่โชคร้าย” ฉู่เซวียนรีบแก้ไข
“ฮึ! แล้วนั่นมันต่างกันตรงไหน” อี้อี้แค่นเสียงเบาๆ แต่สุดท้ายเธอก็หยุดไล่บี้เขา ละความสนใจ หันไปเล่นคนเดียว
ในตอนนั้นเอง เสียงของอันหยุนหลานก็ดังขึ้นในใจฉู่เซวียน
“ฉู่เซวียน ฉันจะตัดการเชื่อมต่อทางจิตก่อนนะ”
สิ้นเสียง ฉู่เซวียนก็รู้สึกว่าพลังทางจิตสายหนึ่งในใจเขาหายไป
“ทำไมรีบหยุดใช้งานมันล่ะ?” ฉู่เซวียนหันไปมองอันหยุนหลานด้วยความสงสัย เอ่ยถามออกไป
อันหยุนหลานยิ้มขมขื่น เอ่ยว่า “ฉันไม่นึกเลยว่าอบิลิตี้นี้จะกินพลังจิตมากขนาดนี้ ใช้แค่ไม่นาน แต่กลับสูบพลังจิตของฉันไปเกือบครึ่ง”
“หือ?”
ฉู่เซวียนพอได้ยินก็อดประหลาดใจไม่ได้ ก่อนเผยยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “แต่นี่ก็แสดงให้เห็นว่าอบิลิตี้นี้ทรงพลังจริงๆ ไม่ต้องเสียใจไป แค่รีบเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองก็พอ”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเสียงของฉู่เซวียนตกลง เจ้าตัวสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมโชยปะทะใบหน้าเขา จากนั้น เห็นแค่เพียง อันหยุนหลานที่ไม่รู้ว่าขยับเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ประทับรอยจูบลงมา
ขอสารภาพตามตรง ว่าฉู่เซวียนตกใจกับการกระทำที่กล้าหาญนี้ของอันหยุนหลาน ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง
จากนั้น อันหยุนหลานถอยออกไปสองก้าว หลุบตาลงไม่กล้ามองหน้าฉู่เซวียน
อันหยุนหลานเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นฉู่เซวียน ความคิดหนึ่งวาบผ่านเข้ามาในใจเธอ และเป็นมันที่นำไปสู่การกระทำในครั้งนี้
“แค่ก แค่ก ฉันขอตัวก่อนนะ” ใบหน้าของอันหยุนหลานเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อ พูดตะกุกตะกัก วิ่งเหยาะๆหนีไปด้วยท่าทีตื่นตระหนก
ฉู่เซวียนมองตามหลังของอันหยุนหลานที่เดินโซเซไปมา หวนนึกถึงสัมผัสอันอ่อนนุมของริมฝีปากเธอ รอยยิ้มจากผุดขึ้นบนใบหน้าเขา
8/10
Ep.198
หาก ฉู่เซวียนยังเดาไม่ออกว่า อันหยุนหลานกำลังคิดอะไรอยู่ เขาควรหาเต้าหู้ซักชิ้น แล้ววิ่งพุ่งชนมันจนตายซะ
ท่ามกลางหายนะวันสิ้นโลก สำหรับผู้หญิงแล้ว โดยเฉพาะผู้หญิงสวย สภาพแวดล้อมรอบตัวล้วนอันตราย
คนส่วนใหญ่เลือกติดตามผู้ใช้พลังที่แข็งแกร่ง ทว่าอันหยุนหลานไม่ใช่แบบนั้น เธอมีความหนักแน่นเป็นของตัวเอง ไม่คิดเสียสละร่างกายเพื่อความอยู่รอด
อย่างไรก็ตาม ก็เพราะสิ่งนี้เอง อันหยุนหลานถึงต้องได้รับความยากลำบากนานับประการกว่าจะแข็งแกร่งได้
ยังไงก็ตาม การปรากฏตัวของฉู่เซวียนราวกับจุดประกายในชีวิตเธอ เขาช่วยชีวิตเธอถึงสองครั้ง สุดท้ายกลายเป็นความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนจากใจ
ดั่งคำกล่าวว่า วีรบุรุษมักเคียงคู่สาวงาม และสาวงามก็มักเคียงคู่วีรบุรุษ
โดยไม่ทันรู้ตัว หัวใจของอันหยุนหลานได้มอบให้แก่ฉู่เซวียน ไปแล้ว
ฉู่เซวียนเองก็ไม่ใช่นักบุญ ท่ามกลางวันสิ้นโลกที่อาจตายได้ทุกเมื่อนี้ เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เลือกปฏิเสธน้ำใจเธอ
แต่ในตอนนั้นเอง เงาร่างอันงดงามของคนๆหนึ่งปรากฏขึ้นในใจฉู่เซวียน
ฉู่เซวียนกำหมัดแน่น ร่องรอยของความทรงจำและความอ่อนโยนสะท้อนในแววตาเขา
การรุกรานของเผ่าเซิร์ก ทำให้ฉู่เซวียนเข้าใจแล้วว่าในวันสิ้นโลก ทุกอย่างมันไม่ง่ายดายอย่างที่คิด และใจเขาเป็นกังวลเกี่ยวกับเจียงชิงเซว่มาก
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเขายังไม่แข็งแกร่ง ด้วยพลังระดับนี้ แค่การออกตามหาเธอยังทำไม่ได้ ดังนั้นเป้าหมายหลักในตอนนี้คือต้องรีบเพิ่มพูนความแข็งแกร่งซะก่อน
แล้วอีกอย่าง หากชิงเซว่มาเห็นอันหยุนหลาน เขาจะอธิบายอย่างไร?
เจ้าตัวส่ายหัว โยนความคิดเรื่องทั้งหมดนี้ทิ้งไป ฉู่เซวียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“หลังอาน นั่นพี่ชายกับพี่สาวอันทำอะไรกันอยู่น่ะ?” อี้อี้ที่อยู่ไม่ไกลย่อมเห็นภาพนี้ เธอถามหลังอานด้วยความสงสัย
“อย่ารู้เลยดีว่า” หลังอานพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้น “อี้อี้ เจ้าอย่าไปสนใจพวกเขาเลย แต่ว่าก็ว่าเถอะ อาหารฝีมือเจ้าหนูนี่อร่อยจริงๆ เอิ๊ก ..!”
“อ้อ เข้าใจแล้ว” อี้อี้พยักหน้า แต่ก็ยังไม่วายเอ่ยถาม “หลังอาน แต่จะดีจริงๆหรอที่กินส่วนที่เหลือในหม้อแบบนี้?”
ขณะนี้ อี้อี้กับหลังอานนั่งอยู่ข้างหม้อตุ๋น และหัวของหลังอานจมอยู่ข้างในนั้น มันกำลังสวาปามอาหารบำรุงกำลังที่เหลือ ส่วนเรื่องมารยาทช่างแม่งแล้ว
หลังอานทางหนึ่งกลืนอาหารเข้าปาก ทางหนึ่งพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ยังไงพวกเขาก็กินไปแล้ว เหอ เหอ ส่วนที่เหลือต้องเป็นของเราราชาแน่นอน! อี้อี้ ยังอยากกินอีกไหม”
มองไปยังลิ้นของหลังอานที่กำลังเลียแผล่บ แผล่บอยู่ในหม้อ อี้อี้ส่ายหัวอย่างเด็ดขาด
เดิมฉู่เซวียนยังคงดื่มด่ำไปกับความทรงจำของเขา แต่เมื่อหันกลับมามอง ฉากที่เห็นก็ทำให้เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“หลังอาน นายลืมที่ฉันบอกไปแล้วรึไง!”
ฉู่เซวียนเดินเข้ามา ตะโกนเสียงดัง
หลังอานส่งเสียงฮึ่มๆ สองครั้ง พูดโดยไม่เงยหน้าตอบ “อย่าคิดว่าเราราชาไม่รู้ เจ้าหนู ที่เจ้าทำอาหารมากขนาดนี้ ก็เพื่อเก็บไว้ให้เรากินไม่ใช่หรือ?”
ฉู่เซวียนพอได้ยิน ใบหน้าเขาผุดยิ้มขบขัน นั่นเพราะหลังอานเดาถูกจริงๆ
ปกติแม้มันจะไอคิวต่ำ แต่ในด้านของกินนี่นับว่าฉลาดมาก อาาาา!
“ฟิ้ววว! อิ่มจัง”
หลังอานกลิ้งตัวลงกับพื้น กล่าวด้วยสีหน้าพอใจ
ฉู่เซวียนทำตาม เขาเอนตัวลงนอนบนผืนหญ้า มุมปากคาบก้านหญ้าอ่อน เหม่อมองไปยังดวงดาวบนท้องฟ้า