ตอนที่ 2
เมื่อเดินผ่านมุมประตู มุมปากของหลิงจางก็กว้างขึ้นเป็นรอยยิ้ม ดวงตาที่เย็นชาของเขาหายไป มีเพียงสายตาที่อบอุ่นที่ทอดมองออกไป
ความเฉยเมยบนใบหน้าของเขาค่อยๆ จางหายไปกลายเป็นอาการมึนงงเขารู้สึกเหนื่อยและฝีเท้าของเขาก็ไม่มั่นคง ความคิดตีกันยุ่งเหยิง
เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ทำลายความเงียบที่มุมห้อง มีคนสองคนวิ่งเข้ามาเพื่อพยุงหลิงจาง
"ก่อนหน้านี้เจ้าไปไหนมา? "
หลิงจางผ่อนคลายทิ้งตัวครึ่งหนึ่งไว้บนคนที่พยุงเขาและยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากของเขา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไร้เรี่ยวแรงและความเหนื่อยล้า
"ข้านั่งที่ศาลาตรงนั้นแล้วเผลอหลับไป"
“หากคุณชายเป็นอะไรไป นายท่าน ต้องลงโทษพวกข้าแน่ คุณชายเรากลับไปพักที่เรือนเถิดขอรับ”
บ่าวรับใช้กล่าวกับหลิงจาง
หลิงจางโบกมือบอกพวกเขาว่าไม่เป็นไรและในอีกครู่ต่อมาเขาก็ครางเบา ๆ ดวงตาของเขาเปิดขึ้นครึ่งหนึ่งขณะที่เขาขมวดคิ้ว
“ข้าปวดหัว''
บ่าวตัวน้อยรับกุลีกุจอเข้ามาประคองอย่างคล่องแคล่ว
ระหว่างทางหลิงจางแสร้งทำเป็นขยี้ตาขณะที่สายตาของเขากวาดตาไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว เขาตระหนักว่าทุกอย่างดูคุ้นเคยมาก
ครั้งหนึ่งเขาเคยไปมาหาสู่เยี่ยมเยียนเจ้าของที่แห่งนี้ในฐานะเพื่อน และยังชื่นชมทิวทัศน์ของที่นี่บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามในที่สุดทิวทัศน์ที่สวยงามต่อหน้าเขาก็กลายเป็นฝันร้ายทำให้เขาตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลลงมาที่หลังของเขา
บ่าวรับใช้ทั้งสองเดินอย่างรวดเร็วและไม่สนใจว่าหลิงจางจะรู้สึกไม่สบายใจเพราะพวกเขาหรือไม่
พวกเขาก็มาถึงห้องโถงใหญ่และพยุงหลิงจางเข้าไป
เมื่อเขาเข้าไปในห้องโถงใหญ่กลิ่นเหล้าและกลิ่นของอาหารผสมทุกชนิดทำให้หลิงจางรู้สึกคลื่นไส้ ตรงกลางโต๊ะมีขนาดใหญ่ มีคนห้าคนนั่งอยู่รอบ ๆ และหนึ่งในที่นั่งว่างคือที่นั่งที่หลิงจางนั่งอยู่ก่อนหน้านี้
“น้องจางในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว หายไปไหนมา?”
รูปร่างหน้าตาของเขาหล่อเหลาโดดเด่นประพฤติตนดีตามขนบธรรมเนียม
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่พวกเขาสัมผัสกันหลิงจางแทบจะไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้ ดวงตาที่หลุบลงบดบังดวงตาที่เย็นชาและดุดันที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ชั่วขณะ
"น้องจาง "บุคคลนั้นไม่ได้รับคำตอบและคว้ามือของหลิงจางไว้แน่นและร้องออกมาด้วยเสียงต่ำ
หลิงจางส่ายหัวราวกับว่าเขาเหนื่อยเกินกว่าที่จะตอบ
"หลิงจาง เจ้าดื่มไปแค่ไม่กี่จอกก็เมามากแล้ว? ไม่ไหวจริงๆ "
"จริงสิ ถ้ายังต้องการเอาชนะหยวนหลิง ช่วยเจ้าต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้ ไม่ใช่เพราะข้าดูหมิ่นเจ้า แต่เจ้าหน่ะยังอ่อนแอเกินไป"
คนที่โต๊ะเยาะเย้ยเสียงดัง ถ้าเป็นก่อนหน้านี้หลิงจางจะคิดว่านี่เป็นแค่คำพูดเสียดสีหยอกเอินซึ่งกันและกันระหว่างเพื่อน เขาคงไม่คิดว่าน้ำเสียงเยาะเย้ยของพวกเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทเช่นนี้
"หยุดพูดได้แล้ว น้องจางเพิ่งโตเป็นผู้ใหญ่และยังไม่เคยดื่มเหล้า เป็นเรื่องปกติที่เขาจะเมา มาๆ นี่ น้องจาง นั่งลงข้าจะให้คนปรุงยาต้มให้เจ้า พอดื่มเสร็จก็ไปนอนห้องข้างๆ ได้เลย "
หลิงจางได้รับการช่วยเหลือให้นั่งลงในที่นั่งว่าง เมื่อเขาได้ยินคำว่า "ยาต้ม" และ "นอนหลับ" มือของเขาที่วางอยู่ใต้โต๊ะก็กำหมัดแน่นในขณะที่เขาระงับความโกรธที่พลุ่งพล่านและพยายามระงับความอาฆาต
ชามยาต้มสีดำก็ถูกวางไว้ตรงหน้าเขาส่งกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกมา
หลิงจางยกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยและมองไปที่ยาต้ม จากนั้นมองไปที่ผู้คนรอบตัวเขา
"น้องจางมีอะไรหรือ? รีบดื่ม แล้วนอนพักสักหน่อย” คนที่นั่งตรงข้ามกับเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนหล่อเหลาและพูดเสียงดุ
ก่อนหน้านี้หลิงจางไม่สามารถมองพวกเขาออก แต่ตอนนี้หลิงจางสามารถมองอุบายพวกเขาได้อย่างง่ายดายและเห็นเจตนาร้ายที่อยู่เบื้องหลังการจ้องมองของพวกเขา
หลิงจางโค้งมุมปากเล็กน้อยเผยรอยยิ้มจริงใจ จากนั้นเขาค่อยๆ ยกชามยาต้มแตะขอบชามด้วยริมฝีปากของเขาและดื่มจนหมดถ้วย
หลิงจางจ้องมองคนทั้งห้าบนโต๊ะโดยไม่กระพริบตา มันแตกต่างจากชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาที่ต้องสับสน แต่คราวนี้เขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาแสดงออกถึงความพึงพอใจและความโล่งใจ
'ช่างน่าขยะแขยง'
"พวกเจ้าไปส่งน้องจางที่เรือน ให้เขาพักผ่อน"
ระหว่างทางไปยังห้องต่างๆ หลิงจางจับจี้หยกสีเขียวเข้มออกจากคอของเขาอย่างเงียบ ๆ และใส่เข้าไปในปากของเขา รสชาติยาจาง ๆ ที่เปล่งออกมาจากปากของเขาช่วยขจัดความง่วงนอนที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
งิ้วโรงใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น แต่คราวนี้เขาจะไม่ยอมเป็นปลาที่ขอความเมตตาจากคนอื่น เขาต้องเป็นคนที่ถือเบ็ดเอง