King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 296 ปัญหาของประเทศทอซัส
ตอนที่ 296 ปัญหาของประเทศทอซัส
“สรุปมาก็เป็นแบบที่ข้าบอกไป ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
ผมก้มหน้าแล้วพูดขอโทษอีกครั้งหลังพูดจบ ถึงตอนนี้สีหน้าของแต่ละคนจะแสดงออกว่าไม่พอใจออกมาก็ตามแต่ก็ยังไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
“ช่างเถอะยังไงก็ไม่เป็นความผิดของท่าน”
ทาร์เทียร์พูดแล้วพยุงผมเงยหน้าขึ้น
“อ่า! ถ้าพวกท่านไม่มีใครต่อต้านแล้วพวกเราก็มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”
ผมเปิดเวทย์มิติทันทีหลังพูดจบแล้วหยิบกระดาษที่เตรียมเอาไว้ทั้งห้าแผ่นด้านในออกมา จากนั้นก็ส่งมันให้กับแม่ทัพใหญ่ทั้งห้าที่ยืนมองอยู่
“เชิญพวกท่านลองอ่าน”
หลังบอกไปพวกแม่ทัพก็เริ่มอ่านกระดาษในมือกันทันที กระดาษที่พวกนี้กำลังอ่านอยู่มันเป็นแผนแบบคร่าวๆ ที่ผมได้วางเอาไว้เมื่อหลายเดือนก่อน เพราะผมคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเอาแต่ละประเทศมาฝึกร่วมกัน
ซึ่งสิ่งที่ผมเขียนไปในกระดาษพวกนั้นแบ่งออกหลักๆ ได้อยู่สองอย่าง
1.การผสมกำลังรบ
2.การฝึกแบบแสนสาหัส
เริ่มอธิบายจากเรื่องผสมกองกำลังรบก่อนแล้วกัน อันดับแรกต้องบอกก่อนเลยเรื่องผสมกองกำลังรบไม่ได้ทำเพื่อให้เหล่าทหารแน่นแฟ้งกันเท่านั้น แต่ทว่า มันยังช่วยเพิ่มกำลังรบได้อย่างมากยกตัวอย่างกองทัพที่มีมนุษย์อย่างเดียวจะเก่งเรื่องภาคพื้นและการเข้าปะทะ
กองทัพที่มีเอลฟ์จะเก่งได้โจมตีระยะไกลและกลาง ไม่เน้นปะทะ
กองทัพภูติจะเน้นโจมตีและเก่งเมื่อสู้กลางอาการเน้นปะทะกลางอากาศ
แต่หลังจากที่คิดไปคิดมาผมก็เลยเอาวิธีจากชาติก่อนมาใช้ ในตอนนั้นมีประเทศที่ทหารถนัดเรื่องธนู และประเทศถนัดเรื่องดาบร่วมมือกันเพื่อต่อต้านผมตอนแรกก็คิดว่าพวกอ่อนแอรวมตัวกันมันก็คงไม่ได้มีอะไรเพิ่มขึ้นมา แต่ความคิดแบบนั้นมันผิด! หลังจากที่พวกนั้นรวมตัวกันทั้งสองต่างก็กลบจุดด้อยของกันและกันจนทำให้มีพลังทำลายเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า
เพราะแบบนี้ผมเลยจะเอามาใช้กับ มนุษย์ ภูติและเอลฟ์ หึหึ!
ส่วนของที่สองอย่างการฝึกที่แสนสาหัสคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะยังไงสะชื่อมันก็ชัดอยู่แล้ว
ในระหว่างกำลังก้มหน้าอ่านเฮสเฟียร์ก็พูดขึ้นมา
“รวมกองทัพแบบนี้มันจะไม่เป็นปัญหาเหรอ???”
“ข้าเองก็คิดแบบนั้น!”
อากอร์เอ่ยตอบรับแบบทันที
หลังได้ยินผมเลยตอบไป
“ปัญหานะมันมีแน่นอนอยู่แล้ว ถึงตอนนี้พวกเราจะร่วมมือกันแต่มันก็เป็นการตัดสินใจของผู้ที่มีอำนาจในประเทศ ส่วนพวกทหารก็คงยังแค้นกันอยู่มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีปัญหา”
“แล้วเจ้าจะทำยังไง เผ่าภูติของข้าส่วนมากก็เป็นแบบนั้นอยู่”
“และคิดว่าข้าเรียกพวกแม่ทัพมาเพื่ออะไรกันละ”
หน้าตาของเฮสเฟียร์ที่มองผมเต็มไปด้วยความสงสัย พวกแม่ทัพทั้งสี่เองก็คงรอคำตอบเหมือนกันเพราะถึงทุกคนจะไม่พูดอะไรออกมาแต่ก็สนใจผมกับเฮสเฟียร์มาก
ผมเลยชี้นิ้วไปที่เฮสเฟียร์
“เธอเป็นแม่ทัพใหญ่ใช่ไหม”
“ก็ใช่…”
“เพราะงั้นปัญหานั่นเธอต้องเป็นคนแก้เอง” พูดกับเธอจบผมก็กวาดสายตามองคนอื่นต่อ “ส่วนพวกท่านเองก็เช่นกันต้องทำให้ทหารของพวกท่านยอมรับเรื่องนี้ให้ได้ ข้าเชื่อว่าระดับพวกท่านคงเข้าใจดีโดยไม่ต้องอธิบายว่าการรวมทัพมันสุดยอดขนาดไหน ส่วนทหารที่ไม่เห็นด้วยพวกท่านก็ปลดมันออกไปได้เลยเพราะยังไงสะทางเราก็ต้องการคนที่เต็มใจเท่านั้น”
หลังพูดจบผมก็หลับตายืนกอดอกเพื่อรอคำตอบ
ทางด้านของเหล่าแม่ทัพใหญ่ก็มองหน้ากันไปมาเหมือนจะมีปัญหา แต่แล้วพอเวลาผ่านไปได้ไม่นานสิ่งที่ผมรอคอยก็ดังออกมา
“ประเทศเอลฟ์ตกลงเรื่องนี้”
“ประเทศภูติก็เช่นกัน”
“ประเทศเมซัสก็ไม่มีปัญหา”
“ประเทศทาซัสตกลงเช่นกันครับ”
เกือบครบแล้วแต่เหมือนกับว่าตอนนี้เจ้าผ้าคลุมสีดำคงกำลังมีปัญหาอยู่ เมื่อบรรยากาศเงียบไปสักพักผมเลยต้องถามออกไปเพราะความสงสัยที่ประเทศทอซัสยังไม่ตอบเห็นด้วย
“ท่านแม่ทัพใหญ่ประเทศทอซัส ท่านคิดว่ายังไง?”
“ข้าตกลงครับ แต่…”
“แต่???”
แต่อะไรอีก? แต่ยังไงตอนนี้ก็รู้แล้วว่าหมอนี่เป็นผู้ชาย เหอะๆ
“ประเทศของข้าได้รับความเสียหายจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อน ทางเราคงสนับสนุนเรื่องของเงินทุนให้กับทหารแบบที่ท่านระบุเอาไว้ไม่ได้หรอกครับ เกราะ! โล่! ดาบ! ของที่ท่านระบุมาราคามันเกิดมาตรฐานพอสมควร”
“อะไรกันนี่เจ้ากำลังจะบอกว่าของที่ท่านดรารอน์จะให้ใช้มะ-”
“ใจเย็นก่อนท่านอากอร์!”
ผมขึ้นเสียงเพื่อหยุดอากอร์เอาไว้เพราะหมอนั่นเหมือนกำลังเข้าใจความหมายผิดอยู่ ที่ตอนนี้แม่ทัพใหญ่ประเทศทอซัสกำลังจะสื่อก็คือไม่มีงบประมาณต่างหาก เพราะเรื่องที่เกิดการทรยศขึ้นภายในประเทศเมื่อไม่กี่ปีก่อนของนิวตรอนแต่ของที่ผมกำหนดไปทั้งหมดมันก็เพื่อความปลอดภัยของทหารเพราะต้องทำให้แข็งแรงราคาเลยแพงกว่าปกติพอสมควร
ไม่สิ!
ราคามันแพงกว่าปกติ 3 เท่า เลยต่างหาก
สำหรับประเทศอื่นที่มีเงินกันอยู่แล้วราคาเพียงเท่านั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ทางประเทศทอซัสตอนนี้หลังจากสงครามกลางเมืองก็คงลำบากอยู่เหมือนกัน เมื่อมองลองคำนวณดูแล้วจำนวนที่ต้องใช้ก็มากกว่า 10 ล้านเหรียญทอง สำหรับประเทศที่พึงสร้างตัวขึ้นมาใหม่คงเป็นปัญหาใหญ่พอตัว
อืม… …. …..
หลังพยามคิดหาทางแก้สักพักผมก็พูดไป
“เรื่องนั้นท่านกับข้าคงต้องคุยกันหน่อย เพราะทางข้าพอมีทาง”
“ครับ…”
ทางแก้ที่คิดออกมาได้ตอนนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำเท่าไหร่ เพราะงั้นเอาเป็นว่าไปคุยเป็นการส่วนตัวน่าจะเป็นปัญหาน้อยกว่า
“ถ้าเข้าใจแล้วทุกท่านก็แยกย้ายไปทำตามแผนที่ข้าจัดเอาไว้ได้เลย”
“ครับ!”
“ค่ะ!”
เมื่อตอบรับเรียบร้อยแม่ทัพแต่ละประเทศก็เดินทางไปคนละทิศตามกองทัพของตัวเอง ส่วนทางผมเองก็เดินออกจากลานกว้างเพื่อที่จะไปหาแม่ทัพใหญ่ประเทศทอซัสตามที่บอกเอาไว้ ตามจริงก็อยากคุยตั้งแต่ที่สั่งแยกตัวตอนนั้นเลยแต่ถ้าทำแบบนั้นมันอาจจะดูไม่ดีเพราะพวกประเทศอื่นอาจคิดว่าตัวเองโดนแบ่งแยกเอาได้ อีกอย่างเรื่องที่ประเทศทอซัสต้องทำเพื่อให้ได้เงินจำนวนนั้นมาก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าพูดให้คนอื่นฟังเท่าไหร่ด้วย
เฮ้อ~
…
….
…..
ณ ฝั่งทหารประเทศทอซัส
หลังจากที่เดินทางมาเพื่อมาพบแม่ทัพใหญ่ที่ได้บอกไปผมก็มานั่งรอในเต็นท์ของค่าย ภายในเต็นท์ตอนนี้ต่างก็เต็มไปด้วยโต๊ะขนาดใหญ่แบบโต๊ะห้องอาหารในคฤหาสน์และมีอาหารวางอยู่เต็มไปหมด ผมก็เลยถือโอกาสนี้จัดสักหน่อยเพราะเริ่มหิวแล้ว
งับ!
งับ!
งับ!
อร่อย~
บางทีก็แอบคิดเหมือนกันว่าผมติดโรคอยากอาหารจากทาร์เลียมาหรือเปล่า หรือเป็นเพราะหลังรวมร่างกับโอรอสความสามารถในการรับรสของผมมันเพิ่มขึ้นหรือเปล่า เพราะตั้งแต่วันนั้นอาหารทุกอย่างที่ผมกินมันก็อร่อยมากขึ้นจริงๆ ขนาดน้ำซุปยังอร่อย!
ก่อนที่ทาร์เลียจะไปอยู่ที่วังกับเอรีน่าผมก็เคยประลองการกินกับเธอไปเลยหนึ่งครั้ง แต่ผลที่ออกมามันก็แน่นอนอยู่แล้วดินที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นดาวยังไงก็สู้ดาวจริงๆ ไม่ได้หรอก ให้พูดเข้าใจง่ายๆ ก็คือผมแพ้อย่างราบครอบด้วยไก่ 10 ตัว กับ 100 ตัว
แต่เรื่องนั่นช่างเถอะ!
งับ!
ในระหว่างนั่งกินเสียงก็ดังมาจากทางด้านนอก
“ให้ข้าเข้าไปได้เลยไหมครับ”
“อ่า เข้ามาเลย”
ผมเริ่มเช็ดทำความสะอาดร่างกายบริเวณปากทันทีหลังตอบไป ส่วนคนที่กำลังจะเข้ามาตอนนี้ก็คงเป็นแม่ทัพใหญ่ประเทศทอซัสนั่นเอง ทันทีที่เดินเข้ามาแม่ทัพใหญ่ประเทศทอซัสก็ก้มหัวลง
“ขอโทษครับท่านดรารอน์!!! ข้าจะไปจัดการพวกทหารให้!!!”
อะไร?
ขอโทษทำไม?
พวกทหารทำอะไรผิด?
ตอนนี้สมองของผมตามภาพด้านหน้าไม่ทันแล้ว ตามที่คิดได้พวกทหารก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิด แถมยังดูแลผมดีมากด้วยในระหว่างที่นำทางมาที่นี่ เวลารอก็รอไม่ถึง 10 นาที แล้วทำไมต้องขอโทษเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้น???
ลองคิดสักพักแต่ก็ไม่ได้คำตอบทำให้ผมที่สงสัยต้องเอ่ยถามไป
“ท่านกำลังขอโทษข้าเรื่องอะไร?”