King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 295 ทำสั่งนั้น
ตอนที่ 295 ทำสั่งนั้น
ฉวบ!
เวทย์ไฟออกจากนิ้วของผมเป็นเส้นตรงทะลุผ่านหัวของมอเตยไปแบบปกติ ส่วนผลที่ออกมาก็แน่นอนต่อให้เก่งขนาดไหนแต่โดนโจมตีไปแบบนั้นยังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว
หลังจัดการไปเสียงซุบซิบก็ดังขึ้นทันที
“-นี่มันเรื่องบ้าอะไรถึงบอกว่าโทษต้องหนักกว่านี้ก็เถอะ แต่มาฆ่าดยุคประเทศอื่นง่ายๆ เป็นแบบนี้ประเทศทาซัสกับเมซัสจะไม่มีปัญหากันเหรอ”
“-องค์ชายดรารอน์ทำแบบนี้มันก็ไม่ถูกต้อง”
“-ถึงจะทำเรื่องแบบนั้นไปก็เถอะแต่ยังไงหมอนั่นก็เป็นถึงดยุคนะ”
เสียงซุบซิบที่ดังออกมาตอนนี้มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วผมเข้าใจดี เพราะชาติก่อนโดนมาเยอะ
ฟังสักพักผมก็หันไปทางทาร์เทียร์ที่ยืนทำหน้าตกใจอยู่
“แบบนี้ท่านแม่ทัพใหญ่ประเทศเอลฟ์พอใจหรือไม่”
“นะ แน่นอนครับ”
หลังเรียบร้อยไปหนึ่งผมก็หันไปทางเฮสเฟียร์ต่อ แต่ตอนนี้เธอก็กำลังพยามเบนสายตาหลบผมอยู่ซึ่งก็คงไม่ต้องถามอะไรเธอแล้ว งั้นก็มาเริ่มแผนต่อไปเลยแล้วกัน หึหึ!
ในเมื่อแผนเชือดไก่ให้ลิงดูจบไปแล้ว แผนต่อไปของผมก็คือความต่างชั้น
พวกทหารยศสูงทั้งห้าประเทศหลายร้อยคนที่ผมเรียกมาก้เพื่อแสดงให้เห็นทั้งสองเรื่องนี้แหละเพราะถ้าได้เข้าใจสองอย่างแล้วพวกนี้ต้องเข้าใจแน่นอนว่าต้องทำอะไรต่อ เมื่อได้รับคำสั่งอะไรจากผม
“โซฟี! ท่านช่วยออกไปให้ห่างจากลานกว้างหน่อย ถ้าให้ดีกลับไปเลยก็ได้”
ผมหันเรียกโซฟีที่ยืนอยู่ด้านข้างเพราะไม่อยากให้เธอได้รับผลกระทบไปด้วย
โซฟีมีสีหน้าบูดทันที
“นี่เจ้ากำลังจะบอกว่า ‘หมดประโยช์แล้วก็กลับ’ แบบนั้นใช่ไหม”
ก็ประมาณนั้นแหละเธออยู่ด้วยมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรดีขึ้น ถึงอยากจะตอบแบบที่คิดแต่ก็ทำไม่ได้
“ข้ากำลังจะปลดปล่อยพลังเวทย์ซึ่งมันเป็นพลังมหาศาลมากข้าไม่อยากให้ท่านเป็นอะไร” ถ้าเธอเป็นอะไรอีกมีหวังพวกทหารประเทศทาซัสคุมยากแน่ “เพราะแบบนั้นข้าเลยอยากให้ท่านกลับไปคุยเรื่องที่ทารอนกำลังเสนอดีกว่า”
“ชิ …เอาแบบนั้นก็ได้ งั้นถ้าว่างข้าจะมาใหม่แล้วกัน”
“ครับ”
เมื่อสามารถทำให้โซฟีเดินออกไปได้แล้วผมก็เดินไปที่ด้านหน้าของทั้งพวกทหารทั้ง 5 ประเทศ อย่างที่ได้บอกเมื่อตอนแรกว่าหลังจากที่เดินมาถึงพวกทหารแบ่งออกกันเป็นทั้งหมด 5 กลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มของอะไรบางก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะมันมีห้าประเทศอยู่แล้ว
ที่ด้านหน้าของแต่ละกลุ่มก็มีแม่ทัพใหญ่ของแต่ละประเทศยืนอยู่
ไล่จากกลุ่มขวามือของผมเป็นกลุ่มที่ 1 กลุ่มเอลฟ์ มีทาร์เทียร์เป็นแม่ทัพใหญ่
กลุ่มที่ 2 กลุ่มภูติ มีเฮสเฟียร์เป็นแม่ทัพใหญ่ …น่าจะละนะ
กลุ่มที่ 3 กลุ่มประเทศเมซัส มีอากอร์ที่ยืนยิ้มให้ผมตั้งแต่เมื่อกี้เป็นแม่ทัพใหญ่ ในใจของหมอนั่นคงกำลังชื่นชมกับผลงานที่ผมได้พึ่งทำไปอยู่แน่ เหอะๆ
กลุ่มที่ 4 กลุ่มประเทศทาซัส เป็นผู้ชายตัวใหญ่สวมชุดเกราะหนัก ชื่ออะไรก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะทางผมไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่พลังก็อยู่ขั้นตำนานช่วงสูงคงมีประโยชน์ไม่น้อย
กลุ่มที่ 5 กลุ่มประเทศทอซัส เป็นจอมเวทย์รูปร่างบางมาก คนนี้อย่าว่าแต่ชื่อเลยเพียงแค่เป็นผู้ชายหรือหญิงผมก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เป็นคนที่แข็งแกร่งที่พลังอยู่ขั้นตำนานช่วงสูงที่มีพลังเวทย์มากที่สุดในหมู่แม่ทัพใหญ่ทั้งห้าคน
ราชาประเทศทอซัสไปเอาคนแบบนี้มาจากไหนกันนะ???
ถึงจะน่าสงสัยแต่ผมก็ต้องทำเป็นไม่สนใจแล้วเริ่มทำตามแผน
“นับตั้งแต่วันนี้ไปพวกเจ้าทั้งหมด ทุกคน ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกลำดับขั้นไม่ว่าจะเคยเป็นดยุคหรือผู้สืบทอดประเทศต่อจากผู้นำจะต้องมาอยู่ภายใต้คำสั่งของข้าในตลอดเวลาการฝึก ซึ่งก่อนจะถึงตอนนั้นข้าจะเปิดโอกาสให้ก่อนว่าใครอยากมาประลองเพื่อทดสอบฝีมือก่อนไหม เพราะถ้าเริ่มฝึกแล้วข้าไม่ต้องการมาเสียเวลาทำเรื่องพวกนั้น…”
พูดจบที่ด้านหลังของผมก็ปรากฏบอลเวทย์ขนาดใหญ่ด้านหลัง ซึ่งเวทย์ที่ปรากฏออกมาตอนนี้ผมก็เป็นคนใช้มันเองแล้วก็ทำเพื่อให้เห็นถึงความต่างชั้นส่วนบอลเวทย์ที่ใช้ตอนนี้ก็มี บอลไฟ บอลน้ำ บอลลม บอลดิน บอลแสงสว่างและบอลความมืดไปพร้อมกันในครั้งเดียวเลย
สีหน้าของพวกทหารด้านหน้าต่างก็ตกใจที่ได้เห็นมัน แต่ก็มีอยู่บางส่วนที่เข้าใจความสามารถของผมจึงไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจอะไรออกมา อย่างเช่น เฮสเฟียร์และทาร์เทียร์
ในระหว่างนั้นเสียงซุบซิบของเหล่าทหารที่ได้เห็นบอลเวทย์ก็ดังขึ้นแบบค่อยๆ
“-เป็นข่าวจริงด้วยสินะพลังนั้น”
“-เรื่องที่พลังธาตุทุกธาตุอยู่ในตัวคนเพียงคนเดียวถ้าไม่เห็นด้วยตัวเองข้าก็คงไม่เชื่อหรอก”
“-พลังระดับนั้นคนละระดับกับพวกเราจริงๆ”
ตอนนี้ทุกอย่างก็ได้เป็นไปตามที่ผมคิดเอาไว้แล้ว อันดับแรกแผนเชือด อันดับสองแผนความแตกต่างของพลังเพียงเท่านี้พวกทหารทั้งหมดต่างก็เข้าใจว่าตัวเองอยู่จุดไหน
หลังจากที่เป็นแบบที่คิดผมก็ยกเลิกเวทย์บอลทั้งหมด เพราะมันเปลืองพลังถ้าจะคงรูปเอาไว้
จากนั้นก็ออกคำสั่งไปต่อ
“เมื่อเข้าใจแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันได้ เหลือแต่เพียงแม่ทัพใหญ่ทั้งห้าก็พอ!!!”
“ครับ!!!”
“ค่ะ!!!”
หลังจากพวกทหารทั้งหมดเดินออกไปแม่ทัพทั้งห้าต่างก็เดินเข้ามาหาผมทันที แต่ละคนต่างก็ทำสีหน้าจริงจังแบบซีเรียสกันทั้งนั้น แต่ถึงแบบนั้นก็เถอะท่าทางของเฮสเฟียร์ไม่เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้เอาสะเลย เหอะๆ นี่ราชินีภูติคิดยังไงถึงเอาเธอมาเป็นแม่ทัพใหญ่กันนะ เฮ้อ~
เมื่อบรรยากาศตึงเครียดได้สักพักเสียงก็ดังขึ้น
“อันดับแรกข้าขอถามอะไรก่อนได้ไหมองค์ชาย?”
คนที่เอ่ยขึ้นมาก่อนตอนนี้คือทาร์เทียร์
“เชิญท่านถามมาได้เลย”
“อันดับแรกข้าอยากถามว่ามันพอมีทางอื่นที่ท่านจะลดอัตราการเสียชีวิตระหว่างฝึกได้ไหม เพราะทหารเอลฟ์ของเราต่างก็มีครอบครัว เพราะแบบนั้นทาง-”
“ท่านคิดว่าทหารประเทศของข้าไม่มีครอบครัวหรือไง”
อากอร์ขัดออกมา
“ใจเย็นก่อนท่านอากอร์ เรื่องนั้นข้าจะอธิบายเองท่านช่วยเงียบไปก่อน”
“ครับองค์ชาย...”
“ไม่! ตอนนี้อย่าเรียกข้าว่าองค์ชาย เพราะข้าไม่ได้เป็นคนของประเทศเมซัสเพียงประเทศเดียว”
“คะ ครับ… ท่านดรารอน์”
อากอร์ตอบแบบเสียงอ่อนๆ แต่การที่ผมพูดออกไปแบบนั้นมันก็มีเหตุผลอยู่เพราะงั้นมันถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่พูดออกไป
หลังจากคุยกับอากอร์รู้เรื่องผมก็มองไปทางทาร์เทียร์ และก้มหัวลง
“ต้องขอโทษท่านด้วยที่ทำให้เข้าใจผิด”
“อะ …ไม่สิ! ท่านดรารอน์เงยหน้าขึ้นเถอะครับ” ทาร์เทียร์พูดเสียงร้อนรน “อีกอย่างเรื่องที่ท่านต้องก้มหน้าขอโทษแบบนี้มันเรื่องอะไรกัน?”
หลังโดนถามผมเลยเงยหน้าขึ้นแล้วกวาดตามองทุกคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า
“อันดับแรกข้าต้องขอบอกว่าเรื่องอัตราการรอดชีวิตมันผิดผลาดนิดหน่อย ตัวเลขที่พวกท่านรู้ตอนนี้คือ 50/50 กันใช่ไหมละ”
ทุกคนต่างพยักหน้าเมื่อโดนผมถามไป
“เพราะแบบนั้นแหละข้าต้องเลยขอโทษแบบนี้ เพราะตามจริงแล้วตัวเลขอัตราการรอดชีวิตมันอยู่ที่ 80/20 ต่างหาก”
“ห่ะ!!!” เสียงอุทานของเฮสเฟียร์ดังขึ้น แต่ไม่ต้องถามก็รู้ถ้ามองจากใบหน้าของเธอที่กำลังตกใจแบบนั้น “จะ … เจ้ากำลังจะบะ บอกวะ ว่าโอกาสรอดมันแค่นั้นเองเหรอ???”
เป็นแบบที่คิดเอาไว้ยัยนี่เข้าใจผิดจริงๆ แต่จะไปว่าเธอก็ไม่ได้เพราะประเทศภูตินั้นเป็นประเทศที่เรียงเลขต่างจากประเทศอื่น อย่างในเอกสารก็เรียง 001 เป็นหนึ่งร้อย ต่างจากประเทศทั้งสี่ที่ใช้ 100 ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำอะไรแตกต่างจากคนอื่นด้วย แต่ช่างเถอะ
ตอนนี้ต้องรีบอธิบายแล้วละ เพราะอีกสี่คนที่เหลือก็แสดงใบหน้าเป็นกังวลออกมากันแล้ว
ให้ตายสิ! พวกที่น่าจะเข้าใจดันไปหลงตามสิ่งที่เฮสเฟียร์ตกใจสะได้ เหอะๆ
จากนั้นผมจึงเริ่มเลยอธิบายใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ทั้งห้าได้เข้าใจตรงกัน!