เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 50 : สิ่งนี้ควรสาบสูญไปนานแล้วมิใช่หรือ...
ตอนที่ 50 : สิ่งนี้ควรสาบสูญไปนานแล้วมิใช่หรือ...
ใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เสียงคำรามของซวนหนีราวกับจะดังขึ้นมาเป็นพิเศษ เพียงพริบตาเดียวก็สะท้อนก้องไปทั่วทั้งเมืองต้าหยาน ด้านในกำแพงเมือง ผู้คนมากมายกำลังเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบด้านด้วยความแปลกใจ
“นั่นมันหยามหน้าเกินไปหรือไม่? มันมิรู้หรือว่าที่นี่คือถิ่นของสกุลหลิน?”
“เสียงอันใดกัน? มันผู้ใดเป็นคนกล่าว? ต้องอาศัยความกล้าเพียงใดจึงกล้าเอ่ยเช่นนี้กับเมืองของพวกเรา?”
“ข้าเห็นแล้ว! ที่กำแพงเมืองด้านตะวันตก ดูเหมือนว่าจะเป็น....หืม? สัตว์อสูร?”
“มิใช่ว่ามันบาดเจ็บอยู่หรือ? เหตุใดจึงมีร่องรอยของบาดแผลปรากฏทั่วตัวเยี่ยงนั้น? หรือมันจะโดนทำร้ายด้วยคนสกุลหลิน?”
“สัตว์อสูร? เหตุใดจึงมีอสูรปรากฏตัวที่เมืองต้าหยาน?”
ภายในเมือง บัดนี้ผู้คนทั้งหลายกำลังถกเถียงกัน
ใต้ผืนฟ้ายามราตรี อสูรซวนหนีก้มหน้าลงเล็กน้อย ดวงตาของมันเริ่มมีร่องรอยของความเหลืออดเกิดขึ้น
เหลือบมองไปยังเหล่ามนุษย์ตัวจ้อยที่ชี้ไม้ชี้มือมาที่มัน มันจึงแค่นเสียงดูถูก
“เจ้ามดปลวก ผู้ใดในโลกจะสามารถทำให้ข้าบาดเจ็บได้?”
ทันใดนั้นดวงตาสีดำของมันก็ยิงลำแสงพุ่งตรงเข้าไปในเมืองทันที! ลำแสงทมิฬนี้แฝงไปด้วยความคุกคามและกระแสพลังอันเชี่ยวกราก หากกระทบถูกที่ใด บริเวณนั้นย่อมต้องระเบิดอย่างรุนแรง!
แต่แล้ว ทันใดนั้น ก็มีม่านแสงสีดำทองปรากฏขึ้นมาสกัดกั้นลำแสงของมัน ร่างเงามนุษย์ถือทวนทองคำกวาดเอาลำแสงขึ้นและส่งมันหายไปบนท้องฟ้า
ตูม ตูม ตูม!
ประกายแสงระเบิดขึ้นกลางท้องนภา กลายเป็นเปลวไฟสีดำเผาไหม้ก้อนเมฆทั้งหมดกลางอากาศเป็นรัศมีกว่าหมื่นฉื่อ! เมื่อสะเก็ดไฟโปรยปรายลงมา ร่างนั้นก็สะบัดแขนเสื้อเพียงครั้งเดียวส่งผลให้เศษพลังที่เหลือมลายหายไป
ชายคนนั้นเดินขึ้นไปกลางอากาศอย่างช้าๆ พลางมองไปยังอสูรซวนหนี ใบหน้าของเขาช่างเศร้าสร้อย แต่น้ำเสียงของเขาช่างเย็นชา
“สหายท่านนี้ ตระกูลหลินของข้าเคยโจมตีท่านหรือ? หากมิใช่เช่นนั้นแล้วมันดูจะไม่มากเกินไปรึที่ท่านจะทำให้ผู้คนมากมายต้องเดือดร้อนเช่นนี้?”
คนผู้นี้ย่อมมิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นท่านเจ้าเมืองคนปัจจุบันของต้าหยาน หลินเฮ่า!
ก่อนหน้านี้ เขากำลังนั่งเล่นอยู่ที่บ้านกับบุตรชายพลางอ่านตำราไปพลางอย่างผ่อนคลาย การได้อยู่กับลูกและหนังสือที่เขาชื่นชอบช่างเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขยิ่ง แม้หลินซวนตัวน้อยจะชอบมองมาที่เขาด้วยแววตาดูถูก แต่หลินเฮ่าก็ยังคงคิดเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไรเสียบุตรชายของเขาก็ย่อมต้องรักเขาอย่างแน่นอน เพียงแค่ทารกน้อยยังมิรู้จักวิธีแสดงออกอย่างถูกต้องก็เท่านั้น
เขาวางแผนจะอ่านเคล็ดการบ่มเพาะของดินแดนปรับปรุงกายให้บุตรชายได้ฟังเพื่อช่วยเขาในการพัฒนาเส้นทางผู้ฝึกยุทธ แต่ทันใดนั้น เขากลับได้ยินเสียงคำรามจากด้านนอกของเมือง จึงรีบออกจากจวนมาและพบเห็นเหตุการณ์นี้พอดิบพอดี
ในเวลาเดียวกับที่หลินเฮ่าปรากฏตัวขึ้น เหล่าพี่น้องของเขาก็ตามมาด้านหลังเช่นกัน พี่น้องแซ่หลินรุ่นราวคราวเดียวกับหลินเฮ่าทุกคนร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดแน่นทั่วกาย พวกเขาเหาะขึ้นบนฟ้า ในดวงตามีแววไม่เป็นมิตรอยู่
หนึ่งในนั้นเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใย
“อสูรจากแดนรกร้าง? เจ้าคือใคร? มาทำอันใดในเขตตระกูลหลินของข้า!”
“อสูรจากแดนรกร้าง?” เมื่อซวนหนีได้ยินเช่นนี้ มันก็พ่นลมหายใจออกมาก่อนเงยหน้าชูคออยู่หยิ่งผยอง
ทันใดนั้นมันก็พูดออกมาอย่างเต็มภาคภูมิ
“อย่าได้คิดเอาข้าไปเทียบกับสวะเช่นนั้น ข้าคือซวนหนี ข้ารับใช้ของผู้ยิ่งใหญ่แห่งห้วงเหวลึก!”
ซวนหนี?! ได้ยินเช่นนั้น หลินเฮ่าและพี่น้องทั้งหลายก็นิ่งค้างไป มิใช่ว่าพวกมันทั้งล้วนตกตายไปเนิ่นนานแล้วหรือ? ยังมีตัวใดหลงเหลือรอดมาจนยุคปัจจุบันนี้ด้วย?
เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของหลินเฮ่า ซวนหนีแค่นเสียงออกมาอย่างดูแคลน
“ผืนฟ้าเปี่ยมไปด้วยปรากฏการณ์มากมาย แผ่นดินเต็มไปด้วยเรื่องราวนับหมื่นพัน เจ้าเป็นเพียงกบในกะลา ไหนเลยจะรับรู้ว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่เพียงใด?”
เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเฮ่าหรี่ตาแคบลง อสูรตนนี้เป็นเพียงแค่ข้ารับใช้ เหตุใดจึงกล้าเชิดหน้าชูคอเยี่ยงนี้? ต่อให้มันคือซวนหนีจริงแล้วอย่างไร? ต่อให้มันเป็นอสูรโบราณแล้วอย่างไร? หากกล้าจะมาถึงที่นี่ มันก็ทำได้แค่ต้องคุกเข่าให้พวกเขาเท่านั้น!
มีเพียงหลินเฮ่าเท่านั้นที่กำลังขมวดคิ้วอยู่ ก่อนเขาจะก้าวออกไปและห้ามเหล่าพี่น้องมิให้ผลีผลามไปก่อน
“ท่านบอกว่าท่านคือข้ารับใช้ของจ้าวแห่งห้วงเหว หมายถึงอาณาเขตต้องห้าม หุบเหวลึกด้านในของแดนรกร้างอย่างนั้นหรือ?
“ถูกต้อง” ซวนหนีพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ
เป็นเขตต้องห้ามของแดนรกร้างโบราณจริงๆ! ในตอนนี้ หลินเฮ่าและคนด้านหลังเริ่มสีหน้าเปลี่ยนไป ในฐานะตระกูลอันดับต้นของอาณาจักรฉีซาน พวกเขาย่อมรับรู้ถึงการมีอยู่ของห้วงเหวแห่งนั้น!
เป็นเขตต้องห้ามใจกลางแดนรกร้างที่ไม่อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตใดเหยียบย่างเข้าไป แม้กระทั่งเหล่าราชาอสูรผู้ปกครองในดินแดนโบราณแห่งนั้นก็ยังมีมีตนใดกล้าเฉียดกรายเข้าไปใกล้เขตต้องห้ามแม้แต่ตนเดียว! บัดนี้ กลับมีสิ่งมีชีวิตกล่าวว่าตนเองมาจากที่นั่น ถึงขั้นบอกว่าตนเป็นข้ารับใช้ของจ้าวหุบเหว?
หลินเฮ่าหรี่ตาแคบลงและถามด้วยน้ำเสียงจมลึก
“ตระกูลหลินของข้าและเขตห้วงเหวมิเคยมีธุระใดต่อกัน เหตุใดท่านจึงมาที่นี่?”
เมื่อเห็นสีหน้าของหลินเฮ่า อสูรซวนหนีคิดว่าพวกเขากำลังเกรงกลัวมัน จึงได้พ่นคำพูดดูถูกออกมา
“มิใช่เรื่องของเจ้า”
“ท่านมั่นใจ?”
เพียงกล่าวจบ อสูรตนนั้นก็เร่งเร้าเปลวไฟของตนให้ก่อร่างเป็นรูปลักษณ์ของแท่นบูชาห้าสีทันที
เมื่อเห็นแท่นบูชานั้น หลินเฮ่าบังเกิดความตื่นตระหนกขึ้น สิ่งนี้เพิ่งปรากฏเมื่อไม่กี่ชั่วยามมานี้เอง และการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าเขาก็มิได้รอดพ้นสายตาที่จับจ้องอยู่ของซวนหนี!
“เจ้ารู้จักมัน!”
“เจ้าหัวขโมยชั่วช้า เป็นเจ้าจริงๆ เสียด้วย!”
“แท่นบูชานี้เป็นสมบัติของนายแห่งข้า มันเพิ่งสูญหายไปเมื่อวานเท่านั้น....” ซวนหนีหรี่ตามองอย่างเย็นชา ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“พูดมา! แท่นบูชาอยู่ในตระกูลหลินของเจ้าใช่หรือไม่!”
เมื่อได้ยินที่ซวนหนีเอ่ยถาม พวกเขาก็นิ่งค้างทันที มันมาตามหาแท่นบูชาอันนั้นจริงๆ! สมบัตินี้มาจากห้วงเหวลึก? มิน่าประหลาดใจเลยว่าเหตุใดหลินซวนถึงค้นพบและพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะนำมันกลับมากับตนเอง!
“ส่งสมบัติคืนมา หรือไม่ข้าจะสังหารเจ้า หวังว่าพวกเจ้าจะมีสติปัญญามากพอเลือกทางที่ถูกต้อง!” อสูรยักษ์เอ่ยออกมาด้วยเสียงเย็นยะเยือกเสียดแทงกระดูกพลางมองไปยังมนุษย์ตัวน้อยเบื้องหน้าตน
ร่างกายของหลินเฮ่าและคนแซ่หลินด้านหลังสั่นสะท้าน ท่าทางของเจ้าอสูรตนนี้ไม่เป็นมิตรโดยสิ้นเชิง คงเป็นเพราะสมบัติที่โดนขโมย....หยิบยืมมาโดยหลินซวนเป็นแน่แท้
แต่ทว่า เมื่อวานที่หลินซวนกลับมาถึงตระกูลนั้น เจ้าทารกดันกินแท่นบูชานั้นเข้าไปเสียแล้ว! พวกเขาทำได้เพียงมอง ไม่ทันจะได้ขยับตัวทำสิ่งใดเสียด้วยซ้ำ แล้วต้องทำเยี่ยงไรจึงจะคืนของให้ผู้มาทวงถามได้เล่า?