บทที่ 606 จงใจเหินห่าง(ตอนฟรี)
บทที่ 606 จงใจเหินห่าง ฟรี
‘จี้เฟิงเอ๊ยจี้เฟิง! นายนี่มันโง่จริงๆ!’ จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะดุด่าตัวเองอยู่ในใจ คำใบ้ง่ายๆแค่นี้แต่กลับไม่สังเกตเห็นมันเลย โง่อะไรขนาดนี้!
เขากัดฟันแน่นและพูดว่า “พ่อครับ พ่อไม่ต้องเป็นห่วง ผมยังมีวิธี!”
จี้เจิ้นหัวค่อนข้างสนใจ จึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “โอ้? วิธีเหรอ? สำหรับเรื่องนี้ยังทำอะไรได้อีกล่ะ?”
“ตอนนี้เราคงใช้ประโยชน์จากตระกูลโจวไม่ได้แล้ว เพราะพวกเขาตัดสินใจใช้บทลงโทษที่หนักสำหรับซื่อหลินไปแล้ว หรือต่อให้พวกเราเข้าไปทำการสืบสวนสอบสวนอีกครั้ง ก็คงจะจับได้แต่ปลาเล็กปลาน้อยเท่านั้น ซึ่งนั่นไม่มีประโยชน์อะไรเลย!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อย เขารู้สึกหงุดหงิดกับการกระทำที่ขาดการไตร่ตรองของตัวเองในครั้งนี้มาก แต่เขาจำเป็นต้องวางอารมณ์นั้นลงก่อน และตั้งเป้าหมายใหม่ให้เร็วที่สุด เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “ดังนั้นผมจึงมีแผนการบางอย่าง... มันเป็นการเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ โดยเริ่มต้นกับสิ่งที่เรียกว่าคุณชายทั้งห้าแห่งมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียง”
จี้เจิ้นหัวส่ายหัวเล็กน้อยและยิ้ม “ไม่ต้องรีบร้อนไป บางทีการทำอะไรช้าๆ มันจะได้พร้าเล่มงาม และการต่อสู้ก็ควรมีการวางแผน ทำตามแผนไปทีละขั้นตอน จงทำด้วยความมั่นใจแต่ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เพราะไม่อย่างนั้นเจ้าอาจจะสะดุดล้มโดยหลุมที่ตัวเองเป็นคนขุดไว้เองก็ได้!”
“ครับพ่อ ผมเข้าใจแล้ว!” จี้เฟิงพยักหน้า
หลังจากวางสาย จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น ครั้งนี้เขาผิดพลาดเองจริงๆ!
‘คุณชายทั้งห้าของเจียงซูและเจ้อเจียง...’
จี้เฟิงขบกรามแน่นและคิดอยู่ในใจว่า ‘คงต้องสั่งสอนกันซักหน่อยสินะ ตราบใดที่พวกเขาได้รับความเจ็บปวด ฉันก็หวังว่าพวกเขาจะเผยธาตุแท้กันออกมาให้เยอะๆ!’
จี้เฟิงไม่เชื่อว่า ในอีกด้านหนึ่งของคุณชายทั้งห้าแห่งมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียงที่ตอนนี้ไม่นับโจวซื่อหลินจะเป็นกลุ่มคุณชายที่สะอาดสะอ้าน มีแต่เรื่องดีๆอยู่เบื้องหลัง! ตราบใดที่พวกเขาทำเรื่องสกปรก มันจะเป็นช่องทางสำหรับจี้เฟิงอย่างแน่นอน!
แต่นี่มันยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่จะต้องรีบจัดการ ก็อย่างที่พ่อของเขาพูด ‘ช้าๆได้พร้าเล่มงาม!’
เมื่อคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ อารมณ์ของจี้เฟิงก็ค่อยๆสงบลง แน่นอนอยู่แล้วว่าโอกาสไม่ได้มีมาทุกวัน แต่เนื่องจากพลาดโอกาสนี้ไปแล้ว สิ่งที่ทำได้ต่อจากนี้คือคอยมองหาโอกาสอย่างช้าๆ และอย่าทำผิดพลาดอีก!
อย่างไรก็ตาม สำหรับฮูยูจินและอีกสามคนที่เหลือ จี้เฟิงไม่ได้คิดที่จะผ่อนคลายความระมัดระวังของเขาลง เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความถึงหลิวเฟยและจูหวยชุนตามลำดับ
เมื่อกลับมาถึงเจียงโจว อารมณ์ของจี้เฟิงนั้นแตกต่างจากตอนที่เขาออกจากเจียงโจวอย่างสิ้นเชิง เขาไปที่เมืองหางโจวเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับเซียวฉางเหอ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองหางโจวทำให้จี้เฟิงสับสนวุ่นวายพอสมควร
แม้ว่าเขาจะทำกำไรได้อีกครั้งในงานแสดงสินค้าหินหยกหยาบ แต่ความสุขของเขามันถูกเจือจางลงด้วยความผิดพลาดของตัวเขาเอง
อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงปรับอารมณ์และความคิดของเขาอย่างรวดเร็ว และเมื่อเข้ามาถึงตัวเมืองเจียงโจว ก็มีรอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้าของเขาอีกครั้ง
เมื่อรถคาดิลแลคของฉินซูเจี๋ยหยุดลง และฉินซูเจี๋ยที่สวมเสื้อผ้าลุคนักธุรกิจหญิงก็ลงจากรถด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน ขนตาที่งอนยาวสั่นไหวเล็กน้อย ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของเธอนั้นช่างเป็นแรงดูดดึงที่มหาศาลอย่างมากสำหรับผู้ชายธรรมดาๆ
“พี่สาวฉิน เรามาถึงเจียงโจวแล้ว งั้นเราก็แยกกันตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ....” จี้เฟิงบังคับตัวเองไม่ให้มองไปที่ใบหน้าของฉินซูเจี๋ย ดวงตาของเขาเหลือบมองต่ำลงเล็กน้อย นั่นทำให้เขาเห็นคอสีขาวราวกับหิมะของเธอและเนินอกขาวที่ยิ่งกว่า มุมปากของเขากระตุกสองสามครั้งและรีบเบนหน้าหนีออกไปด้านข้างทันที
พฤติกรรมของจี้เฟิงอยู่ในสายตาของฉินซูเจี๋ยตั้งแต่ต้นจนจบ และเธอก็รู้สึกดีใจมากที่จี้เฟิงไม่กล้ามองหน้าเธอ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอมีเสน่ห์ต่อจี้เฟิง
“จี้เฟิง ในงานแสดงสินค้า นายช่วยฉันไว้มากเลย และตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ฉันขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นการขอบคุณแล้วกันนะ โอเคมั้ย?” ฉินซูเจี๋ยฉีกยิ้มหวาน ดวงตาของเธอกะพริบช้าๆ แต่ภายในใจของเธอนั้นรู้สึกประหม่ามาก และสิ่งนี้ก็ทำให้เธออดที่จะหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้ เธอเป็นผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้างและมีลูกติด แต่กลับทำตัวเหมือนสาวน้อยที่พบรักแรก ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องแค่นี้ก็ทำให้เธอรู้สึกประหม่าได้แล้ว!
“คือ...” แน่นอนว่าจี้เฟิงมองเห็นสายตาที่คาดหวังของฉินซูเจี๋ย ซึ่งทำให้เขาพูดปฏิเสธได้ลำบาก เขาทำได้แค่ยิ้มและพยักหน้า “โอเค! แต่ว่าให้สุภาพสตรีเป็นเจ้ามือนี่ไม่ใช่นิสัยของผมเลย เอาเป็นว่า ผมขอเป็นเจ้ามือเองแล้วกัน!”
“ได้เลย ฉันจะมอบตำแหน่งนี้ให้กับนาย!” ฉินซูเจี๋ยฉีกยิ้มและพูดติดตลก
จี้เฟิงพยักหน้าและยิ้ม แต่ในใจกำลังคิดเกี่ยวกับท่าทีของฉินซูเจี๋ยที่มีต่อเขา ดูเหมือนว่าเธอจะสนใจเขา....
“ประธานฉิน น้องจี้ พวกคุณหนุ่มสาวไปทานข้าวกันได้เลยนะ คนแก่อย่างฉันต้องขอตัวก่อน!” เซียนเหมาลงจากรถด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ฉันไม่ได้เจอหลานชายตัวน้อยของฉันมาหลายวันแล้ว... อยากรีบไปหาซักหน่อย!”
“เซียนเหมา ไปเจียงซูและเจ้อเจียงคราวนี้ คุณทำงานหนักมากเลย ดังนั้นเซียนเหมาก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านไปซักสองสามวันก่อนแล้วกันนะคะ แล้วค่อยไปทำงานอีกทีวันจันทร์เลย!” ฉินซูเจี๋ยเป็นผู้หญิงที่บริหารบริษัทด้วยตัวเอง ดังนั้นการตัดสินใจต่างๆ จึงไม่ต้องผ่านขั้นตอนยุ่งยากใดๆ และเธอก็ไม่ใช่คนไร้น้ำใจ จึงมีเหตุผลเพียงพอที่จะให้เซียนเหมาหยุดพักไปสองสามวัน
“จี้เฟิง ไปรถของฉันก็แล้วกันนะ!” ฉินซูเจี๋ยเชิญ
จี้เฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “เดี๋ยวผมไปบอกเพื่อนของผมก่อน!”
เขารีบไปที่รถของเขาและพูดว่า “กัวเถา นายกลับไปก่อน นำทุกอย่างกลับไปที่โรงงาน...”
กัวเถาพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มที่มีความหมาย “ครับบอส... ขอให้คุณมีช่วงเวลาที่ ‘แฮปปี้!’ นะครับ!”
“ตลกแล้วๆ!” จี้เฟิงหัวเราะและกล่าวด้วยเสียงดุ “ไปเลยไป!”
กัวเถาหัวเราะก่อนจะเข้าเกียร์และเหยียบคันเร่ง จากนั้นบีเอ็มดับเบิลยูสีดำก็คำรามและพุ่งตัวออกไป เหลือเพียงจี้เฟิงที่ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว
“จี้เฟิง ไปกันเถอะ!” ฉินซูเจี๋ยยืนอยู่น้ารถและตะโกนเรียกจี้เฟิงด้วยน้ำเสียงหวานหยด ราวกับภรรยาสาวสวยที่เรียกสามีของเธอกลับมา จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะตะลึงและมึนงงเล็กน้อย
“มัวยืนอึ้งอะไรอยู่ได้!” เมื่อเห็นจี้เฟิงยืนงง ฉินซูเจี๋ยก็อดไม่ได้ที่จะเขินอายเล็กน้อย เธอกระทืบเท้าและพูดอย่างงอนๆ
จี้เฟิงรู้สึกตัวขึ้นมาทันที เขากระแอมไอเบาๆและกล่าวอย่างรวดเร็ว “มาแล้วๆ!”
เมื่อพวกเขาทั้งสองคนขึ้นไปอยู่บนรถ ดูเหมือนจะรู้สึกเขินอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกันเล็กน้อย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้พูดคุยอะไรกัน
หลังจากที่ฉินซูเจี๋ยสั่งให้หยุดรถ เสี่ยวเว่ยก็นั่งแท็กซี่กลับไปก่อนแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่เธอกับจี้เฟิงสองคนเท่านั้น ฉินซูเจี๋ยสตาร์ทรถและรถก็เคลื่อนตัวออกไปช้าๆ
ขณะรับประทานอาหาร ความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ในใจของจี้เฟิงก็ชัดเจนมากขึ้น แต่เขาทำได้แค่เพียงหลีกเลี่ยงมันให้มากที่สุด เพราะตอนนี้ยังมีถงเล่ยและหยูซวนรอเขาอยู่ที่บ้าน เขาต้องยับยั้งจิตใจของเขาให้ได้มากที่สุดเท่านั้น ไม่กล้าที่จะคิดอะไรเกินเลยมากไปกว่านี้
ฉินซูเจี๋ยรู้สึกได้รางๆถึงกำแพงที่จี้เฟิงสร้างขึ้นมากั้นขวางเธอไว้ มันทำให้หัวใจของเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บจี๊ดเบาๆ
เป็นมื้ออาหารที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนพูดคุยสัพเพเหระกันไม่กี่เรื่อง และหลังจากที่ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็แยกย้ายกันไป
ในตอนที่กำลังจะแยกทางกัน จี้เฟิงบังเอิญได้เห็นแววตาที่ขุ่นเคืองของฉินซูเจี๋ย แต่เขาทำได้แค่เพียงเมินเฉยไม่รับรู้ และเมื่อยืนส่งฉินซูเจี๋ยที่ขับรถกลับไปเรียบร้อยแล้ว จี้เฟิงก็เตรียมที่จะโบกรถแท็กซี่กลับไปเช่นกัน
“Rrrrrrr~”
แต่จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เป็นเซียวฉางเหอโทรมา
จี้เฟิงรับโทรศัพท์ทันทีและกล่าวว่า “ครับลุงเซียว มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เสี่ยวเฟิง เธอจะกลับมาที่เจียงโจวเมื่อไหร่เหรอ?” เซียวฉางเหอกล่าว “ฉันมีเรื่องที่ต้องรบกวนเธออีกแล้ว!”
“ผมอยู่ที่เจียงโจวแล้วครับ เพิ่งกลับมาถึง!” จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า “ลุงเซียว คุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจ มีเรื่องอะไรขอแค่พูดมาได้เลยครับ!”
ในขณะเดียวกันจี้เฟิงก็แอบสงสัยอยู่ในใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหางโจวอาจจะไม่ได้รับการแก้ไขจนเสร็จสิ้นไปแล้วอย่างที่คิด หรือว่าจะมีเรื่องอย่างอื่นอีก?
“เธอกลับมาแล้วเหรอ?! ดีๆ!” เซียวฉางเหอกล่าวอย่างมีความสุข ก่อนจะอธิบายเสริมว่า “ตาเฒ่าหยางน่ะสิ เขามีบางอย่างที่ต้องการขอความช่วยเหลือจากเธอ แต่เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องที่พูดยาก เขาเพิ่งมาหาฉันและต้องการให้ฉันช่วยบอกเธอ! อ้อ! ตอนนี้เหล่าหยางก็อยู่กับฉันที่บ้านนี่แหละ เธอพอจะมีเวลามาหาฉันที่นี่สักครู่หนึ่งได้มั้ย?”
สำหรับคำขอของเซียวฉางเหอ จี้เฟิงไม่สามารถปฏิเสธได้หากไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ ตามความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา มันไม่แปลกที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายเอาใจเซียวฉางเหอ เพราะท้ายที่สุด เซียวฉางเหอก็เป็นพ่อตาในอนาคตของเขา แต่ตอนนี้เซียวฉางเหอมักจะแสดงความเกรงใจกับเขาอยู่ในระดับหนึ่ง นั่นจึงทำให้เขาได้แต่เพียงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
จี้เฟิงออกจากความคิดของตัวเองและกล่าวว่า “ได้ครับลุงเซียว ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย!” หลังจากวางสายเขาก็มองไปรอบๆ และวิ่งไปที่ซูเปอร์มาเก็ตใกล้ๆเพื่อซื้อของขวัญบางอย่างแล้วนั่งแท็กซี่ตรงไปที่บ้านของเซียวฉางเหอ
ในใจของเขากำลังสงสัยว่าเรื่องที่หยางเต๋อจ้าวต้องการขอความช่วยเหลือจากเขาคือเรื่องอะไร ทำไมถึงไม่มาพูดกับเขาโดยตรง แต่ต้องขอร้องผ่านเซียวฉางเหอ?
เมื่อมาถึงบ้านของเซียวฉางเหอ นางเหอยังคงกระตือรือร้นในการต้อนรับเขาเช่นเคย เมื่อเทียบกับความสุภาพของเซียวฉางเหอ จี้เฟิงรู้สึกชื่นชอบและสบายใจกับทัศนคติของนางเหอมากกว่า เธอปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นคนในครอบครัวมากกว่าการเป็นลูกหลานของตระกูลจี้
เมื่อมาถึงห้องรับแขก เขาก็เห็นเซียวฉางเหอและหยางเต๋อจ้าวนั่งอยู่บนโซฟาและกำลังรอเขาอยู่ หยางเต๋อจ้าวมีสีหน้าที่ดูกังวลมาก เขาสูบบุหรี่ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด คิ้วขมวดกันจนแทบจะเป็นปม
“สวัสดีครับลุงเซียว ลุงหยาง!” จี้เฟิงยิ้มและเดินเข้ามาวางของขวัญไว้ข้างๆ
“เสี่ยวเฟิง! เธอมาแล้ว!”
ทั้งสามคนพูดคุยและทักทายกันตามมารยาทอยู่สองสามคำ จากนั้นเซียวฉางเหอก็พูดเข้าประเด็น “เสี่ยวเฟิง ลูกชายของเหล่าหยาง หยางหยูน่ะ เมื่อไม่นานมานี้มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา และเรื่องราวต่างๆดูเหมือนว่าจะจัดการได้ลำบากมากจริงๆ!”
“เรื่องอะไรเหรอครับ?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
“มันเป็นความผิดของเจ้าเด็กเวรนั่น! หมกมุ่นอยู่แต่กับคอมพิวเตอร์!” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หยางเต๋อจ้าวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ “จี้เฟิง เธอก็รู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่าก่อนหน้านี้หยางหยูไปช่วยตำรวจเกี่ยวกับแก๊งอาชญากรด้านคอมพิวเตอร์ ที่แบล็กเมล์ออนไลน์น่ะ?”
“ครับ ผมรู้เรื่องนี้ ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้น?” จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและถามด้วยความสงสัย
“เป็นเพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครถูกจับ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าหยางหยูเป็นคนที่ถูกตำรวจจับกุมตัวไว้!” หยางเต๋อจ้าวส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าเด็กเวรนั่นทำให้ฉันปวดหัวจนแทบจะเบิด!”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ลุงหยาง ไว้เราค่อยคุยเรื่องคุณโกรธเขามากแค่ไหนกันทีหลังนะครับ ตอนนี้ลุงหยางต้องบอกผมก่อนว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น หยางหยูไปช่วยงานตำรวจไม่ใช่เหรอ? แล้วเขาไปถูกจับได้ยังไง?”
“เฮ้อ—!”
หยางเต๋อจ้าวถอนหายใจและกล่าวว่า “ฉันไปที่สถานีตำรวจเพื่อถามเรื่องนี้โดยเฉพาะ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบเรื่องนี้ก็บอกว่า หยางหยูขัดขวางการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาเปิดเผยข้อมูลบางอย่างให้กับแก๊งแบล็กเมล์ออนไลน์ เป็นผลให้แก๊งแบล็กเมล์ออนไลน์หลบหนีไป ตำรวจจึงทำการสืบค้นและพบว่าหยางหยูเป็นคนแจ้งเบาะแส จึงดำเนินการเอาผิดทางอาญากับหยางหยู!”
“แจ้งเบาะแสให้กับแก๊งอาชญากรไซเบอร์?” จี้เฟิงอดขมวดคิ้วไม่ได้ “ลุงหยาง ถ้าเป็นกรณีนี้ ผมคงช่วยอะไรไม่ได้ หยางหยูทำสิ่งผิดกฎหมาย ไม่มีใครทำอะไรได้ทั้งนั้น!”
“จี้เฟิง เธอก็รู้จักหยางหยูไม่ใช่เหรอ และเธอคิดว่านิสัยอย่างหยางหยูจะทำเรื่องอะไรแบบนี้งั้นเหรอ?” หยางเต๋อจ้าวส่ายหัว “ฉันสงสัยว่าเป็นเพราะตำรวจพวกนั้นไม่สามารถจับแก๊งแบล็กเมล์ออนไลน์ได้เองมากกว่า ดังนั้นพวกเขาเลยหาข้ออ้างมาใส่ร้ายหยางหยู และทำให้เขากลายเป็นแพะรับบาป! จี้เฟิง เธอเป็นคนมีเส้นสายที่หลากหลาย อย่างน้อยก็ช่วยสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูให้หน่อยได้มั้ย?”
.....จบบทที่ 606 ~