King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 292 ความสัมพันธ์
ตอนที่ 292 ความสัมพันธ์
หลังจากที่สามารถจัดการเรื่องของดิวนีสันต์เรียบร้อยผมก็เริ่มเปิดประตูเคลื่อนย้ายต่อโดยมีเป้าหมายไปที่ประเทศทาซัส สาเหตุที่กำลังจะเดินทางไปประเทศนั้นก็เพราะต้องไปคุยเรื่องที่ได้บอกดิวนีสันต์ไปเมื่อครู่ว่าให้เตรียมต้อนรับคนจำนวนมาก แล้วพวกทหารที่ร่วมเอาไว้เพื่อฝึกผมก็ร่วมเอาไว้ที่ประเทศทาซัสด้วย
ระหว่างกำลังเดินเข้าประตูเสียงทารอนก็ดังขึ้น
“ดรารอน์เจ้ากำลังจะไปไหน”
“ข้าจะเดินทางไปคุยกับโซ… ไม่สิ! ผู้นำประเทศทาซัส”
“แล้วเจ้าเคยไปที่พระราชวังประเทศนั้นด้วยเหรอ”
แน่นอนว่าไม่สิ ข้าจะไปทำไม
“ยังครับ แต่ข้าจะเดินทางไปเมืองโรงเรียนเดเชียแล้วบินไปต่อ”
“ไม่ต้องๆ ข้าเองก็จะไปด้วยเพราะงั้นไปเวทย์เคลื่อนย้ายของพระราชวังดีกว่า”
อื้ม! แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน
แต่ทารอนจะไปทำไม??? …เอาเถอะ ยังไงหมอนี่คงไม่ได้ไปสร้างปัญหาอะไรให้หรอกระดับทารอนแล้ว
“ครับ! เอาแบบนั้นก็ได้”
หลังจากตกลงกันได้เราสองคนก็ทิ้งดิวนีสันต์เอาไว้แล้วผมก็เดินมาที่ห้องเคลื่อนย้าย ที่ห้องเคลื่อนย้ายพระราชวังตอนนี้ก็เป็นเหมือนที่ได้อธิบายไปครั้งก่อน จอมเวทย์! ทหาร! ต่างก็ยืนตามผนังห้องเต็มไปหมด กลางห้องก็มีเวทย์มิติที่ปลายทางเป็นพระราชวังของประเทศทาซัสอยู่ แต่จะว่าไปแล้วการเดินทางไปแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันเพราะการเดินทางแบบนี้ทั้งสองประเทศจะประสานงานกันว่า ใคร! เดินทางมาทำอะไร! ที่ไหน! เพราะอะไร! ด้วยเหตุผลที่บอกไปเรื่องทหารเข้าใจผิดแล้วเข้าโจมตีสุ่มสี่สุ่มห้าก็ไม่เกิดขึ้น
“รอนานไหม?”
เสียงทารอนดังจากด้านหลัง
“ครับไม่นาน”
อยากจะถามอยู่หรอกว่าไปทำอะไรมา เมื่อกี้หลังจากที่ออกจากห้องโถงมาพวกเราสองคนก็แยกทางกันโดนทารอนบอกเอาไว้ว่า [ไปเตรียมของ] ซึ่งจากที่ดูก็ยังอยู่ในสภาพเดิมไม่เห็นมีอะไรมาด้วยเลย
สงสัยสักพักก็เลยเอ่ยถามไป
“ไหนท่านบอกจะไปเตรียมของ?”
“ฮาฮาฮา เรื่องนั้นไม่ต้องแล้วละ”
ทารอนตอบด้วยใบหน้าปั้นยิ้ม
“ครับๆ แบบนั้นก็ได้ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับงานของท่านก็แล้วกัน แต่ว่า ขอบอกเอาไว้ก่อนก็แล้วกันถ้าเรื่องอะไรที่มันเกี่ยวกับข้าท่านต้องมาคุยกับข้าก่อน อย่าตอบตกลงเด็ดขาดย้ำนะครับว่าเด็ดขาด”
“แน่นอนๆ~”
เข้าใจจริงไหมละเนี่ย ฟังจากน้ำเสียงตอบรับแล้วเหมือนตอบให้มันผ่านๆ เลย
“แน่ในนะครับ!”
“แน่ๆ”
ทารอนตอบพยักหน้าขึ้นลงด้วยใบหน้าปั้นยิ้มอีกครั้ง
เอาเถอะๆ เฮ้อ~
“ถ้างั้นพวกเราก็ไปกันเถอะครับ”
“อ่า”
ในเมื่อตกลงกันเรียบร้อยผมกับทารอนก็เดินทางเข้าเวทย์เคลื่อนย้ายทันที เมื่อทะลุมาอีกด้านของเวทย์เคลื่อนย้ายผมก็ออกมาที่ห้องที่ไม่ได้ต่างอะไรจากห้องที่เดินทางมาเมื่อกี้เท่าไหร่นัก ทหารเต็มห้อง! นักเวทย์เต็มห้อง! เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ต้องเจอ
แต่ว่า
มันก็มีเรื่องไม่ปกติอยู่เพราะที่ด้านหน้าของผมคือโซฟีที่สวมผ้าคลุมแล้วก็ชุดสวยงามประดับไปด้วยเพรช โซฟีนะมันก็ปกติแหละที่มายืนรอแต่ที่ด้านหลังของเธอนี่สิมันอะไร
ในตอนนี้ทารอนที่เดินเข้ามาก่อนผมก็อยู่ที่ด้านหน้าของโซฟีแล้ว
“ยินทีที่ได้เจอครับท่านโซฟี”
“ข้าเองก็เช่นกันท่านอัครเสนบดี ว่าแต่ว่าเรื่องที่ข้าขอไปเมื่อครั้งก่อนทางท่านจัดการไปเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
เมื่อโดนถาม ทารอนก็เบนสายตามาทางผมแบบหางตา
นั่นไง!
“นะ แน่นอนครับ แต่ว่า… เรื่องนั้นข้าคิดว่าท่านต้องใช้เวลาสักหน่อยถ้าเอาแบบที่ท่านต้องการ แต่ทางข้าก็มีทางเลือกอื่นมาให้ท่านแล้วนะครับ” ทารอนหยิบหนังสือออกมาจากเสื้อคลุมของตัวเอง “สิ่งนี้จะเป็นตัวแก้ปัญหาทั้งหมดได้”
ทันทีที่เห็นหนังสือนั้นผมก็เข้าใจดีว่าทำไมด้านหลังของโซฟีถึงมีเด็กผู้หญิงที่น่าจะเป็นลูกขุนนางยืนอยู่หลายสิบคน แบบนี้เอง! อย่างงี้เองสินะ! สำหรับหนังสือที่ทารอนเอาออกมานั้นมันคือหนังสือรวบรวมรายชื่อขุนนางของประเทศเมซัส แถมในนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชื่อแต่ยังมีรูป อายุ และรายละเอียดต่างๆ เก็บเอาไว้ครบ
เรื่องที่ทารอนกำลังพยามทำอยู่คือการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นขึ้นแน่ แล้วการเชื่อมสัมพันธ์แบบมั่นคงแล้วรวดเร็วที่สุดก็คือ แต่งงาน!
แต่แบบนี้แหละดี เพราะงั้นไม่ต้องสนใจก็แล้วกัน
คิดได้ผมก็เดินเข้าไปหาโซฟีแล้วก้มหัวเคารพ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
“26 เดือน 13 วัน”
นับเอาไว้ขนาดนั้นเลยเหรอ เหอะๆ
หลังได้ยินเธอตอบผมก็ยิ้มให้เธอแล้วพูดต่อ
“เรื่องนั้นช่างเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้ข้ามีเรื่องอะไรต้องคุยกับท่านหน่อย”
“คุย? เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อฝึกพวกทหารที่มีโอกาสรอดชีวิตเพียง 50/50 งั้นเหรอ”
หลังได้ยินโอกาสรอดชีวิตผมก็มองไปที่ทารอน ท่าทางตอบกลับของทารอนก็คือพยามเลี่ยงที่จะคุยกับผมแล้วมองไปทางอื่นอย่างเห็นได้ชัด แต่จะด่าตอนนี้ก็ไม่ได้ด้วยเพราะยังไงก็คนประเทศเดียวกัน
ชิ! ทางข้าบอกไปว่าโอกาสรอดชีวิตคือ 80/20 ต่างหาก ทำไมมันถึงได้เปลี่ยนไปเป็นครึ่งๆ แบบนั้นสะได้ เฮ้อ~
พยามสงบสติสักพักผมก็พูดกับโซฟีต่อ
“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังครับ เพราะยังไงเราก็ตะ-”
“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องห่วงดรารอน์!”
ทารอนทำตัวรู้หน้าที่ทันทีก่อนที่ผมจะพูดจบ คงเข้าใจนั่นแหละว่าตัวเองทำผิด
“เรื่องนั้นข้าที่เป็นอัครเสนาบดีจะคุยกับอัครเสนาบดีของประเทศนี้เอง เจ้ากับท่านโซฟีไปฝึกพวกทหารตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้เถอะ”
“ท่านแน่ใจนะ”
“นะ แน่นอน รอบนี้ไม่พลาดแล้ว”
พลาดเหรอ! ไอ้เรื่องนั้นไม่ใช่ว่าเจ้าจงใจตัดพวกทหารประเทศอื่นออกให้เข้ามาฝึกน้อยโดยเพิ่มโอกาสการตายหรือไง สถานการณ์เป็นแบบนี้ยังเป็นห่วงเรื่องกำลังรบประเทศอื่นอีก ในตอนแรกก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมประเทศอื่นส่งทหารเข้าร่วมฝึกไม่เกิน 80% กันทั้งนั้น แต่ประเทศเมซัสส่งเข้าร่วม 100% มันเป็นเพราะเจ้านี่นี่เอง
“ท่านลุงเรื่องนี้ท่านกับข้าต้องคุยกัน แต่หลังจากฝึกก็แล้วกัน”
“แน่นอนๆ เจ้าไปเถอะ”
เมื่อคุยกับทารอนรู้เรื่อง ถึงจะไม่ร้อยเปอร์เซนแต่ก็รู้เรื่องผมจึงหันไปทางโซฟีที่ยืนรออยู่
“ถ้างั้นท่านช่วยนำทางข้าด้วย”
“อ่า งั้นก็ไปกันเถอะ”
###############
ณ ที่ไหนสักที่ประเทศทาซัส
หลังจากที่ผมเดินทางออกมาจากพระราชวังก็ได้นั่งรถม้ามากับโซฟีจนถึงขุดรวมตัวของเหล่าทหารที่ประเทศทาซัสได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ ทันทีที่เดินลงมาก็เจอกับค่ายขนาดใหญ่ที่เป็นเต็นท์สีขาวสุดลูกหูลูกตา ถ้านับจำนวนก็คงนับทั้งวันไม่หมดแต่ถ้าให้ประมาณก็คงไม่ต่ำกว่าล้านเต็นท์
“เป็นการรวมทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เลยละ”
โซที่ที่เดินลงมาตามหลังผมพูดออกมา
“นั่นสินะครับ”
“แล้วเจ้าคิดว่ากำลังรบขนาดนี้พอสู้พวกนั้นได้ไหม”
“เอาตามตรงเลยไหมละ”
“แล้วคิดว่าข้าถามทำไม”
สีหน้าของโซฟีดูจริงจังมากผิดจากปกติเล็กน้อย แต่ก็นะ ถ้าเป็นใครเห็นกำลังรบขนาดนี้ก็ต้องคิดว่ามันสุดยอดแน่ขนาดผมที่ลงมาจากรถม้าเมื่อครู่แล้วเห็นยังตกใจไปแวบนึงเลย
แต่ว่า
“ไม่มีทางแน่นอน”
“ห่ะ??? เอาจริงเหรอ”
“ครับ ตอนนี้กำลังรบของพวกเรามีมากก็จริง แต่ถ้านับด้านพลังยังไงทหารของฝั่งเราก็ไม่มีทางสู้พวกนั้นได้แน่นอน แต่ก็เพราะแบบนั้นข้าถึงได้มาที่นี่ไงละ”
“งะ งั้นเหรอ”
พวกเราคุยกันได้ไม่นานเกี่ยวกับภาพที่เห็นด้านหน้าก็มีทหารเดินเข้ามา ทหารที่กำลังเดินเข้ามาดูจากชุดเกราะแล้วก็คงเป็นทหารของประเทศทาซัสแถมยังยศสูงด้วย หมอนั่นกำลังเดินตรงเข้ามาหาผมกับโซฟีด้วยใบหน้าปั้นยิ้ม แต่มันพึ่งออกมาต้อนรับตอนนี้นะเหรอ เหอะ!
งั้นก็มาเริ่มจากเจ้าทหารไม่ได้เรื่องคนนี้ก่อนเลยแล้วกัน
“ท่านโซฟี”
“เรียกโซฟีก็พอ”
“ครับ ถ้างั้นขอถามหน่อยแล้วกันท่านได้แจ้งมาก่อนไหมว่าจะเดินทางมานี่”
“แน่นอนสิ! …แต่ทำไมเจ้าบ้านั่นถึงได้ออกมาต้อนรับช้าขนาดนี้ก็ไม่รู้”
เหมือนว่าท่าทางและน้ำเสียงที่ออกมาของโซฟีก็ไม่พอใจทหารที่กำลังเดินมาอยู่เหมือนกัน
รู้แบบนั้นผมจึงพูดไปต่อว่า
“งั้นข้าขอจัดการมันได้เลยสินะ”
“ถึงอยากจะบอกว่าได้ก็เถอะ แต่ยังไงหมอนั่นก็เป็นถึงขุนนางยศดยุคการทำอะไรเพราะเรื่องแค่นี้ชื่อเสียงของข้าในฐานะ-”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เรื่องเหตุผลข้าหาให้ได้ขุนนางแบบเจ้านั่นข้าเจอมาเยอะ”
ผมแสยะยิ้มออกไปด้วยระหว่างพูดไป
หลังจากพูดไปทางโซฟีก็เหมือนจะเข้าใจจึงแสดงสีหน้าเหนื่อยใจ
“เฮ้อ~ เบาๆ หน่อยแล้วกัน…”
“ครับ… ครับ…”
ทหารที่ไม่รู้หน้าที่ตัวเองแบบนี้แหละที่เหมาะกับการเอาไปเชือดไก่ให้ลิงดู หึหึ!