73 - พวกเราต้องหาทางไปเยี่ยมเพื่อน
73 - พวกเราต้องหาทางไปเยี่ยมเพื่อน
ภายใน 666 วอร์ด
หลินฟ่านและผู้เฒ่าจางนั่งเคียงข้างกันบนเตียงพลางเขย่าเท้าและดื่มนมถั่วเหลือง
พวกเขาสงบมาก แต่ก็มีความสุขเช่นกัน ความสุขของพวกเขาเรียบง่ายไม่มีอะไรหวือหวา
“อร่อยมั้ย?” หลินฟ่านถาม
"อร่อย." ผู้เฒ่าจางตอบกลับ
"ถ้าอย่างนั้นก็อีกถุง"
"ตกลง."
ผู้เฒ่าจางหยิบนมถั่วเหลืองสองถุงออกจากตู้อย่างชำนาญ
ในวอร์ด 666 นมถั่วเหลืองเป็นสกุลเงินที่แข็งและเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องการเป็นอย่างมาก
หลังดื่ม.
ทั้งสองนอนอยู่บนเตียงมองหน้ากันแล้วยิ้ม
“พรุ่งนี้ผมต้องการไปเยี่ยมเพื่อนของเราที่โรงพยาบาล คุณอยากไปไหม” หลินฟ่านถาม
"ตกลง" ผู้เฒ่าจางกล่าว
ในทางเดินหลี่อั้งพิงกำแพงของวอร์ด 666 เขา เสี่ยวเฉินและซุนเหิงเป็นพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลจิตเวชและหน้าที่หลักของพวกเขาคือสำรวจทางเดินเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุสุดวิสัย
โดยปกติเขาและเสี่ยวเฉินจะรับผิดชอบวอร์ด 666
หน้าที่ของพวกเขาคือการเฝ้าระวังเท่านั้น พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการเคลื่อนไหวที่เป็นอันตราย
ความรับผิดชอบนี้หนักและอันตรายมาก มันต้องใช้ความสามารถด้านจิตวิทยาสูง
เดิมทีเขาต้องการปฏิเสธ แต่เมื่อเขานึกถึงพยาบาลหลายๆคนในโรงพยาบาลจิตเวช ทำไมผอ.ฮ่าวถึงเลือกเขา
เขารู้ว่านี่คือความไว้วางใจที่ผอ.วางไว้ในตัวเขา มันเป็นการยอมรับในความเป็นมืออาชีพ
หลี่อั้งเอียงศีรษะและมองอย่างเงียบๆผ่านหน้าต่าง ผู้ป่วยทั้งสองนอนอยู่บนเตียงเดียวกันและไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
แต่ถึงเขาจะอยากรู้มากแค่ไหนเขาก็ไม่คิดจะเปิดประตูเพื่อสนองตอบความต้องการของตัวเอง
ตราบใดที่คนทั้งสองไม่เคลื่อนไหวอันตราย เขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องนี้อย่างเด็ดขาด
เมื่อไม่มีอะไรจะทำเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดแชทกลุ่มเพื่ออ่าน
มันไม่มีเรื่องราวพิเศษอะไรอยู่ในนั้น เขาเพียงเลื่อนแชทไปเรื่อยๆอย่างไร้ความหมาย
แต่จู่ๆ เขาก็ถูกดึงดูดด้วยภาพถ่าย
【วันแห่งความสุข】
รูปถ่ายสาวผมยาวสวมแว่นกันแดดโดยมีท้องฟ้าเป็นแบ็คกราวด์
หลี่อั้งแสดงความคิดเห็นใต้ภาพว่า
[เมื่อมีคุณท้องฟ้าจึงมีสีสัน]
นี่เป็นความคิดที่อยู่ในใจของเขาจริงๆ เขารู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้เป็นพลังผลักดันในชีวิตของเขา
ดิ๊ง ดิ่ง!
เทพธิดาส่งข้อความมา
[เทพธิดา: ได้ยินว่าคุณป่วย? 】
หลี่อั้งเห็นว่าหญิงสาวส่งข้อความถึงเขาเป็นการส่วนตัว มันแทบจะทำให้เขากระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี
หลังจากระงับความตื่นเต้นเขาก็ตอบกลับไปว่า
[หลี่อั้ง: ขอบคุณสำหรับความกังวลของคุณ ผมหายป่วยแล้ว 】
เมื่อเห็นเทพธิดาที่ห่วงใยเขา หัวใจของหลี่อั้งก็แทบละลาย บางทีเทพธิดาอาจมีใจให้เขาเล็กน้อย
ถ้าฉันยังคงทำงานหนัก สักวันหนึ่งฉันอาจจะได้หัวใจของเธอมาครอบครอง
ขณะที่เขากำลังฝันถึงอนาคตที่สดใสจู่ๆก็มีคนมาตบไหล่เขา
“ซุนเหิง คุณ...”
เมื่อเขาต้องการหันกลับไปตำหนิเพื่อนร่วมงานร่างกายของเขากลับไม่ฟังคำสั่ง
ผู้ป่วยที่อันตรายที่สุดสองคนยืนอยู่ต่อหน้าเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เมื่อสัมผัสกับรอยยิ้มสดใสแบบนั้นหัวใจของเขาก็ร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที
นั่นเป็นสัญญาณอันตราย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
หลี่อั้งต้องการตำหนิ แต่หลังจากคิดเรื่องนี้แล้วเขาก็ลดท่าที่ลง และเสียงของเขาก็อ่อนโยนมากยิ่งขึ้น
"ไม่มีอะไร" หลินฟ่านกล่าว
"ไม่มีอะไร" ผู้เฒ่าจางกล่าว
หลี่อั้งก้าวถอยหลังและพร้อมที่จะวิ่ง ตราบใดที่พวกเขาแสดงท่าทีก้าวร้าว เขาสัญญาว่าเขาจะวิ่ง 100 เมตรในเวลาเพียง 9 วินาที
หลี่อั้งไม่มีประสบการณ์ในการสื่อสารกับผู้ป่วยทางจิตดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรในตอนนี้
ในขณะที่เขากำลังตกตะลึงหลินฟ่านก็ดึงบาร์เบลล์ออกจากเป้า
หลี่อั้งตกใจและมีภาพมากมายปรากฏขึ้นในสมองของเขา ผู้ป่วยทางจิตคนหนึ่งกดเขาลงกับพื้น ขณะที่อีกคนทุบศีรษะเขาด้วยบาร์เบลล์
เมื่อคิดถึงภาพนั้น ร่างกายของเขาก็สั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม
ซุนเหิง นายอยู่ไหน... ออกมาช่วยฉันต้านภัยพิบัติเร็ว
ผู้ป่วยจิตเวช 2 คน ต้องการฆ่าฉัน!
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดของหลี่อั้งเท่านั้น มันไม่มีทางที่เขาจะตะโกนออกมาต่อหน้าผู้ป่วยจิตเวชทั้งสอง
เขาไม่สามารถพูดอะไรได้
“คุณรวยไหม” หลินฟ่านถาม
เหล่าจางก็มองเข้ามาด้วยความคาดหวัง
หลี่อั้งแอบกลืนน้ำลายลงท้อง
แบล็กเมล์ นี่มันแบล็กเมล์ชัดๆ ฉันหลี่อั้งชอบเอาเปรียบคนอื่นมาตลอดและไม่มีใครกล้าเอาเปรียบฉันมาก่อน
แต่สิ่งที่เขาพบวันนี้คือคนโรคจิต
เขาไม่กล้าอวดดี
หลี่อั้งหยิบธนบัตร 2-3 ใบออกจากกระเป๋าก่อนจะเริ่มนับอย่างระมัดระวัง
“ผมมีเงินแค่หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดหยวน”
หลินฟ่านยื่นบาร์เบลล์ให้อีกฝ่าย จากนั้นจึงคว้าเงินและใส่ไว้ในกระเป๋าของตัวเอง
“เพื่อนของเราเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและเรากำลังจะไปหาเขา แต่เราไม่มีเงินที่จะซื้อของขวัญ ดังนั้นผมจะขอจำนำบาร์เบลนี้ไว้ชั่วคราว ในอนาคตผมจะหาเงินมาไถ่มันคืนอย่างแน่นอน”
"ไม่! พวกคุณเอาไปเลยไม่ต้องเอามาคืนผม"
หลี่อั้งรีบโบกมืออย่างร้อนรน เงินพวกนี้เป็นแค่เศษเงินเล็กๆน้อยๆ เขาไม่ต้องการติดต่อกับผู้ป่วยจิตเวชทั้งสองอีก
ไม่จำเป็นต้องมีการสื่อสารที่ลึกซึ้ง
ขอร้องปล่อยผมไปเถอะ ผมพึ่งสูญเสียแฟนสาวที่น่ารักไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้สภาพจิตใจของผมย่ำแย่มาก
"เอาไป" หลินฟ่านกล่าวอย่างจริงจัง
หลี่อั้งรู้สึกกระวนกระวายใจและจากนั้นเขาก็ถือบาร์เบลล์ไว้ในมือโดยไม่รู้ตัว
หลินฟ่านมองหน้าเหล่าจางและยิ้มอย่างสดใส ในที่สุดพวกเขาก็มีเงินไปเยี่ยมเพื่อน แม้ว่าจะไม่มากแต่ก็สามารถซื้อของบางอย่างได้
มันดีกว่าการไปเยี่ยมด้วยมือเปล่าหลายเท่า
“ขอเงินคืนให้ผมสัก 2-3 หยวนได้ไหม คืนนี้ผมจะได้มีค่ารถกลับบ้าน” หลี่อั้งถามด้วยความลำบากใจ
"ตกลง" หลินฟ่านหยิบเหรียญออกมาสองเหรียญ “ไม่ต้องห่วง เราจะคืนเงินให้ เราไม่เคยเป็นหนี้คนอื่น”
หลี่อั้งหยิบเหรียญอย่างระมัดระวังและยิ้มอย่างเขินอาย.
จ่ายคืน?
ผมไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ ผมยินดีที่พวกคุณมีความสุข แต่ขอร้องว่าอย่าทำให้ผมตกใจอีกเลย
หลังจากนั้นผู้ป่วยจิตเวชทั้งสองก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
หลี่อั้งมองลงไปที่บาร์เบลล์พร้อมกับใช้ความคิดอย่างจริงจัง ไม่นานหลังจากที่เขามาที่โรงพยาบาลจิตเวชเมื่อหลายเดือนก่อนชีวิตของเขาก็พบเจอกับความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
เข้าโรงพยาบาล!
แฟนสาวเสียชีวิตอย่างอนาถ!
สิ่งเหล่านี้อาจเป็นประเด็นสำคัญหรือไม่ก็ได้
ประเด็นคือผู้ป่วยทางจิตทั้งสองดูเหมือนจะมีความทรงจำบางอย่างต่อเขา
นี่เป็นสิ่งที่อันตรายมากแต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร
ภายในวอร์ด.
“เราจะไปเยี่ยมเพื่อน” หลินฟ่านกล่าว
“แต่พวกมันไม่ให้พวกเราออกไป มีคนร้ายเฝ้าประตูอยู่ตลอดเวลา” ผู้เฒ่าจางนึกถึงฉากที่เขาเคยเห็นมาก่อนและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า
“ผมเคยเห็นคนแอบหนีมาก่อน เขาวิ่งเร็ว แล้วคนเลวพวกนั้นก็ไล่ตามเขาด้วยกระบอง เขาหนีไปได้ไม่กี่สิบนาทีด้วยซ้ำสุดท้ายเขาก็ถูกลากกลับมา”
"มันน่ากลัวจริงๆ"
ขณะที่เขาพูดเหล่าจางก็ก้มศีรษะด้วยความกลัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นฝังใจเขามากแค่ไหน
หลินฟ่านจับไหล่ของเหล่าจางเป็นเชิงปลอบโยน
"ไม่ต้องกลัว"
"ผมจะหาวิธี"
“ไม่เป็นไร อยู่กับผมไม่มีใครรังแกคุณได้”
เหล่าจางพยักหน้า เมื่อได้รับคำปลอบจากหลินฟ่านเขาก็สงบลง