King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 288 ทำให้มันแน่ชัด
ตอนที่ 288 ทำให้มันแน่ชัด
“เอาไปว่าเรื่องการต่อสู้ บ้าการต่อสู้หรือโครตบ้าการต่อสู้เอาไว้ก่อนแล้วกัน ตอนนี้ข้าต้องการคุยเรื่องอะไรให้มันชัดเจนหน่อยเพราะทางข้าเองก็ไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”
ทุกสายตาจ้องมองมาที่ผมแบบจริงจังมาก
“อันดับแรก ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราต้องทำให้มันแน่นอน อย่างที่ทุกคนรู้ข้านั้นได้หมั่นกับลาฟเชียร์ไปแล้วเมื่อสองปีก่อน แต่ว่า ที่ทำแบบนั้นก็เพราะมีเหตุผล-”
“เฮ้อ~~~~”
ทั้งสี่คนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
จากนั้นพวกเธอทั้งหมดก็มองหน้ากันแล้วพยักหน้าขึ้นลงเหมือนกับว่าให้เริ่มแผนอะไรบางอย่าง
อะไรของพวกนี้อีก ยังพูดไม่ทันจบเลยก็ถอนหายใจออกมาแล้ว???
“ท่านดรารอน์คะ”
ลาฟเชียร์พูดขึ้น
“ว่า”
“เรื่องนั้นพวกข้าทั้งสี่คนได้คุยกันแล้วระหว่างที่ท่านกำลังหลับอยู่”
คุย?
ไปคุยอะไรกันตอนไหน… ไม่สิ! ยิ่งกว่านั้นต้องถามว่าพวกเธอคุยเรื่องอะไรกันต่างหากแล้วผลสรุปที่คุยออกมาเป็นยังไง ตอนนี้ในหัวของผมเต็มไปด้วยคำถามแต่ก็ต้องพูดไปว่า
“อ่า บอกผลสรุปมาได้เลย”
ถึงตอนนี้จะถามอะไรไปมันก็ไม่ได้อะไรเพราะงั้นเข้าเรื่องเลยแล้วกัน
“พวกข้าทั้งสี่คนตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับท่าน!”
“เอ่ะ?!?!?!”
หลังอุทานตกใจกับสิ่งที่ได้ยินไปผมก็กวาดสายตามองอีกสามคนที่เหลือนอกจากลาฟเชียร์ แล้วภาพที่เห็นก็คือพวกนี้เอาจริงแน่นอน แต่แบบนั้นมันได้ด้วยหรอแต่งาน… ไม่สิ! ถ้าเป็นขุนนางหรือราชาการมีหลายคนมันก็ได้นั่นแหละ
แล้วเด็กที่จะเกิดมาละ!
ปวดหัวจริง! เรื่องนี้เอาไว้คิดหลังจากที่จบสงครามก็แล้วกันเพราะถ้าตายในสงครามที่จะถึงเรื่องพวกนี้มันก็ไม่จำเป็น คิดได้ผมก็หันไปที่ประตูห้อง
“ท่านแม่ช่วยเข้ามาหน่อยครับ”
ประตูเปิดออกมาแบบทันทีหลังจากที่ผมพูดไป
ท่าทางของเธอคงเตรียมตัวเข้ามาตลอดเวลาอยู่แล้วนั่นแหละ แล้วเรื่องนี้เองมันก็เกิดขึ้นเพราะเธอด้วยเหตุผลแบบนั้น เรื่องปวดหัวก็โยนให้เอรีน่าเป็นคนจัดการเลยแล้วกัน
ทันทีที่เอรีน่าเข้ามาในห้องผมก็ลุกขึ้น
“พวกเธอคุยกับท่านแม่ของข้าต่อเลย”
“เอ่ะ?!?!?! …ดะ ดรารอน์ละ ลูกจะโยน… ไม่ ไม่ ลูกจะให้แม่จัดการหมดเลยเหรอ”
“ครับ”
“แบบนั้นมันไม่ดีหรอกมะ-”
“ไม่เป็นอะไรครับ ข้าเชื่อใจท่านอยู่แล้ว!”
หลังจากพูดประโยคสุดท้ายผมก็รีบเร่งฝีเท้าเพื่อเดินออกจากห้องทันที ถึงจะรู้ตัวว่าตอนนี้เอรีน่ากำลังส่งสายตาขอความช่วยเหลือตามหลังมาผมก็ไม่ได้สนใจอะไรสายตานั่น
หึหึ!
รับผลที่ตัวเองสร้างขึ้นมาไปสะเถอะ!
ถึงจะเป็นห่วงอยู่หน่อยๆ ที่ให้เอรีน่าจัดการ… ไม่สิ! ผมไม่ได้ห่วงหน่อยๆ แต่กำลังห่วงแบบสุดๆ เลยต่างหาก แต่ว่า มันก็ไม่มีทางเลือกเพราะยังไงสะเธอคงไม่ทำอะไรที่ทำร้ายผมหรอก
…
….
…..
หลังจากที่เดินออกมาจากห้องได้สักพักผมก็เดินมาถึงสนามฝึกซ้อมของคฤหาสน์ ที่ตอนนี้มีพวกทหารกำลังฝึกซ้อมกันอยู่แบบเป็นกลุ่ม แล้วที่ผมมานี่ก็ไม่ได้มาสู้หรืออะไร เพียงแต่ว่าเดินมาเพื่อหาตัวรับผิดชอบเรื่องของทายาทราชามังกรแทนต่างหาก
ใช่แล้ว!
ถึงตอนนี้ผมจะพยามทำเป็นไม่สนใจเรื่องทายาทราชามังกรที่โอรอสบอกมาในความฝัน มันเป็นความฝัน! อยากพูดแบบนั้นอยู่หรอก แต่คงทำแบบนั้นไม่ได้ แล้วในส่วนเรื่องทายาทเองผมก็ต้องเตรียมเอาไว้ด้วยเช่นกัน โดยตอนนี้คนที่ผมกำลังมองหาอยู่ก็คือ ธานอส!
เจ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของทารอนซึ่งก็หมายความว่าตามสิทธิ์สายเลือดแล้วธานอสก็มีสิทธิ์ในตำแหน่งราชามังกรคนที่ 101 เช่นเดียวกัน หรือก็คือ ผมไม่จำเป็นต้องปวดหัวเรื่องนั้นอีกแล้วถ้าเอาธานอสไปรับตำแหน่งตรงนั้นแทน
ถึงจะรู้สึกผิดแต่นี้ก็เพื่อชีวิตแสนสุขของดรารอน์
“อ่าวๆ นั่นมันเจ้าองค์ชายบ้าการต่อสู้ที่ตื่นมาแล้วไปจัดการราชาเอลฟ์มาไม่ใช่เหรอ”
เสียงดังขึ้นมาจากด้านข้าง
ก็ไม่รู้หรอกนะทำไมเรื่องมันถึงได้ไว้ขนาดนั้น แต่ในหัวผมก็เห็นรูปของเอรีน่าลอยมาเลย
ส่วนคนที่กำลังพูดกับผมอยู่ตอนนี้ก็คือกริมเซอร์ หรือก็คือตาของผมเอง กริมเซอร์ที่พูดออกมาตอนนี้กำลังเดินตรงมาทางผมพร้อมรอยยิ้มอย่างชอบใจ
“ข้าไม่ได้บ้าการต่อสู้ครับแต่มันไม่มีทางเลือก”
“ฮาฮาฮาฮา คนบ้าไม่ยอมรับว่าตัวเองบ้าหรอก”
รู้เลยว่าเอรีน่าได้คำคมอย่าง [ภาพจินตนาการไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นภาพจินตนาการ] มาจากใคร
“มันเป็นเรื่องจริงครับ แล้วข้าก็ไปเพียงคุยเท่านั้นไม่ได้ไปสู้อะไรสักหน่อย”
“ยังถ่อมตัวเหมือนเดิมเลยนะ ข่าวเรื่องที่เจ้าฟันแขนราชาเอลฟ์ขาดตั้งแต่ยังไม่ได้สู้มันกระจายรู้กันทั่วแล้ว ส่วนเรื่องที่เจ้าตบราชาเอลฟ์เหมือนแมลงและแพ้ในการโจมตีเดียวก็เช่นกัน”
โห่ว! ช่างรวดเร็วสะจริง
ไม่คิดเลยว่าเรื่องที่ผมไปจัดการมันจะรวดเร็วขนาดนี้ ถ้าขืนเป็นแบบนี้ชื่อเสียงขององค์ชายดรารอน์ก็รังแต่จะเพิ่มขึ้นแน่คิดผิดหรือถูกนะที่ไปทำแบบนั้น
ไม่สิ!
เรื่องนี้มันเป็นความผิดของเจ้าราชาเอลฟ์บ้านั่นต่างหาก แค่ปิดข่าวที่ตัวเองแพ้ไม่ให้รายงานออกมานอกประเทศมันลำบากขนาดนั้นเลยหรือไง
เฮ้อ~
แต่ช่างเถอะ มาเจอกริมเซอร์แบบนี้ก็พอดีเลย เล่าเรื่องที่โอรอสบอกให้ฟังไปเลยแล้วกันถ้าได้หมอนี่ช่วยพูดให้ธานอสก็คงไม่มีทางเลือกแล้วคงยอมรับตำแหน่งราชามังกรเอง คิดได้ผมก็เริ่มเล่าเรื่องที่สมควรเล่าให้กริมเซอร์ฟัง
เมื่อได้ฟังจบ
หน้าตาของกริมเซอร์ก็แสดงออกไม่ต่างจากลูกของตนทั้งสองคนเลย อ้าปากค้างกับเรื่องที่ได้ยินมาก ตามจริงก็คิดว่าหมอนี่จะตกใจน้อยที่สุดเพราะพอรู้เรื่องในห้องลับกับผมเมื่อตอนนั้นไปบ้างแล้วแต่คิดผิดเลย หมอนี่ตกใจยิ่งกว่าทารอนและเอรีน่าอีก
“จะ จะ เจ้าพะ พะ พูดระ เรื่องจริงงะ งั้นเหรอ”
นี่ไงสิ่งยืนยันว่าตกใจมากกว่าสองคนนั้น เหอะๆ
“เจ้าพูดเรื่องจริงงั้นเหรอ! …ท่านกำลังจะถามข้าแบบนี้ใช่ไหม?”
หงิก! หงิก! กริมเซอร์พยักหน้าขึ้นลงเพื่อเป็นคำตอบ
จากนั้นผมก็ปล่อยไอพลังเวทย์ออกไปพร้อมกับพูดว่า
“ท่านเชื่อหรือยัง”
ผลจากการปล่อยไอพลังของผมที่เหนือกว่าขั้นทำนานทำให้กริมเซอร์เผลอก้าวถอยหลังไปแบบไม่รู้ตัวประมาณ 2 ก้าว ทางด้านพวกทหารที่กำลังฝึกต่อสู้บนสนามฝึกซ้อมกันอยู่ต่างก็หยุดแล้วหันมองมาทางผมด้วยสีหน้าตกใจ
“พวกเจ้ามองอะไรกัน!!!”
กริมเซอร์ตะโกนใส่พวกทหารที่มองดู
หลังจากที่โดนตะโกนใส่พวกทหารก็เริ่มกลับไปฝึกกันอีกครั้งแบบไม่มีสติกันเท่าไหร่ ก็ช่วยไม่ได้หรอกเจอพลังขนาดนั้นเข้าไปก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา จะไปมีสติฝึกอะไรกันได้ไง
“ตอนนี้จะบอกไม่เชื่อก็คงไม่ได้แล้วละ พลังเจ้าเพิ่มมากกว่าขั้นตำนานแบบนี้”
“ครับ”
“ครับบ้าอะไรละ! ตอนนี้เจ้าต้องการอะไรกันแน่ทำไมถึงได้ปล่อยพลังแบบนั้นออกมา พลังของเจ้าตอนนี้มันต้องเก็บเอาไว้ก่อนไม่ใช่หรือไง”
กริมเซอร์พูดแบบใส่อารมณ์
น่ารำคาญจริง ก็เพราะเจ้าเองไม่ใช่หรือไงถ้าอธิบายไปโดยไม่แสดงให้ดูจะยอมเชื่อว่าเรื่องที่พูดมันเป็นเรื่องจริงง่ายๆ แบบนี้เหรอ เหอะ!
หลังได้ฟังกริมเซอร์อารมณ์ขึ้นใส่ผมก็ก้มหน้าลง
“ขอโทษด้วยครับ”
“เฮ้อ~ ช่างเถอะๆ ถ้างั้นเจ้าช่วยบอกมาหน่อยว่าจะทำยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าเจ้าไปเป็นราชามังกรแล้วใคร-”
“เดี๋ยวก่อนครับ!” ผมชูมือขวาหยุดกริมเซอร์เอาไว้ “ข้าบอกตอนไหนจะไปเป็นราชามังกร”
“เอ่ะ?!?!? ก็ถ้าเจ้าไม่ไปจะให้สุนัขตัวไหนไปเป็นละ”
สุนัข?
นี่เล่นเปรียบขนาดนั้นเลยเหรอ…
“หรือว่า….”
ยังไม่ทันได้พูดอะไรกริมเซอร์ก็เหมือนจะคิดอะไรออก
“ใช่แล้วครับ! ข้าจะให้ธานอสเป็นคนรับตำแหน่งแทน”
ถ้าเผ่ามังกรมันไม่ตายหมดในสงครามครั้งนี้ละนะ
ตามจริงผมก็แอบคิดอีกทางเลือกเอาไว้เหมือนกันซึ่งนั่นก็คือ การฆ่าให้หมด! แต่พอมาลองคิดใหม่ก็คงทำไมได้ เพราะเผ่ามังกรถึงจะแข็งแกร่งแต่ก็ยังมีเด็กและผู้หญิงที่ไม่เข้าร่วมการเก็บเกี่ยว ซึ่งก็แปลว่ายังไงก็ต้องมีคนปกครองพวกนั้นอยู่ดี
หลังจากบอกเป้าหมายไป กริมเซอร์ก็ส่ายหน้าไปมา
“เสียใจด้วยนะ แต่ความคิดนั้นข้าว่าไม่ไหวหรอก”
“มันจะไม่ไหวได้ยังไงละครับ ข้าคิดมาแล้วยังไงมันก็ต้องไหวสิ”
“เจ้าคงยังไม่รู้สินะ เรื่องเกี่ยวกับธานอส!”
“ไม่รู้? ข้ายังไม่รู้อะไร???”