171-172
3/4
Ep.171
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมหลังอานถึงไม่ได้มาพร้อมกับพวกเขา ฉู่เซวียนเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ก่อนหน้านี้ ระหว่างทางหลังอานคล้ายเจออะไรบางอย่างเข้า ดวงตาของมันเปล่งประกาย หันมาพูดกับฉู่เซวียนว่า “เจ้าหนู เราบังเอิญเจอของดีบางอย่าง ไว้จะตามเจ้าไปทีหลัง”
พูดจบ มันก็วิ่งหายเข้าพงหญ้าไปเลย
อย่างไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งของหลังอานที่สามารถกินสัตว์กลายพันธุ์ระดับลอร์ดเป็นอาหารได้ ฉู่เซวียนคิดว่ามันคงไม่ประสบอันตรายใดๆระหว่างทาง
“พี่ชาย เหมือนจะมีอะไรเสียงเอะอะอยู่ข้างหน้า”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ อี้อี้คล้ายพบอะไรบางอย่าง เธอพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“หืม?” ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของฉู่เซวียนเป็นประกายขึ้นทันใด อุทานด้วยความสนใจ
“ไปเถอะ งั้นพวกเราไปดูกัน”
พลังรบของอี้อี้แข็งแกร่งกว่าเขามาก ดังนั้นการที่อี้อี้จับความเคลื่อนไหวได้โดยที่เขาไม่รู้ตัวจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่ในตอนนั้นเอง ฉู่เซวียนฉุกคิดบางเรื่องขึ้นมาได้ เอ่ยถามกับระบบในใจ ‘ระบบ นายช่วยกลบกลิ่นอายซอมบี้ของอี้อี้ได้ไหม?’
“เนื่องจากอี้อี้เคยเป็นเจ้าของชิ้นส่วนระบบมาก่อน ดังนั้นสามารถใช้ฟังก์ชั่นบางอย่างของระบบได้” ระบบตอบกลับ
ฉู่เซวียนได้ยินแบบนั้น ใบหน้าเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงออกถึงความสุข แม้เธอจะได้ครอบครองแค่ ‘ชิ้นส่วน’ ของระบบ แต่ก็ยังได้รับความเมตตาจากมัน
อี้อี้โชคดีจริงๆ
“อี้อี้ ฉันจะช่วยกลบกลิ่นอายซอมบี้ในตัวเธอให้นะ” ฉู่เซวียนหันมาพูดกับเด็กสาว
“เอ๋? พี่ชายจะช่วยให้ฉันเป็นเหมือนกับพี่ที่ดูไม่ต่างจากมนุษย์ได้ด้วยหรอ?” อี้อี้อุทานด้วยความประหลาดใจ
“แน่นอนอยู่แล้ว” ฉู่เซวียนยิ้ม
วินาทีถัดมา ลำแสงสีฟ้าอ่อนที่สามารถมองเห็นได้ทอแสงขึ้นบนสองมือของฉู่เซวียน กระจายเข้าห่อหุ้มทั้งร่างของอี้อี้เอาไว้
จากนั้น เพียงไม่กี่อึดใจ กลิ่นอายซอมบี้ของอี้อี้ก็หายไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นเด็กสาวมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
“ว้าวว! นี่มันสุดยอดไปเลย!” อี้อี้เบิกตากว้าง อุทานด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า มาเถอะ ไปดูกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้างหน้า” ฉู่เซวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นทั้งสองก็เดินไปในทิศทางที่เกิดเสียงเอะอะโวยวาย
...
ท่ามกลางพื้นที่รกร้าง คนสองคนกำลังเผชิญหน้ากันจากระยะไกล
รอบตัวทั้งสอง ต้นไม้นับไม่ถ้วนล้มกองกับพื้น ชัดเจนว่าเกิดการต่อสู้ดุเดือดขึ้นที่นี่
หนึ่งในนั้นคือชายร่างใหญ่ในชุดเกราะหนัก สูงประมาณสองเมตร ในมือถือขวานยักษ์ ตามร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อปูดนูน และบางครั้งก็จะมีสีเมทัลลิก(เงินเลื่อม) สะท้อนออกมาเป็นครั้งคราว
ส่วนฝ่ายตรงข้ามที่กำลังสู้กับเขาเป็นหญิงสาวหน้าตาดี หุ่นของเธอร้อนแรงดูน่าประทับใจ ทั้งยังมีใบหน้าทรงเสน่ห์
หากฉู่เซวียนมาอยู่ที่นี่ เขาจะระบุตัวตนของอีกฝ่ายได้ทันที ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอันหยุนหลานอดีตเพื่อนร่วมทีมของเขา
“หลี่หวู่ชาง นายคิดจะฆ่าทุกคนที่เห็นต่างให้หมดจริงๆน่ะหรอ!” อันหยุนหลานตวาดอย่างโกรธแค้น สีหน้าของเธอแดงก่ำผิดธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีรอยเลือดอยู่ตรงมุมปากเธอ ชัดเจนว่าได้รับบาดเจ็บภายใน
ได้ยินแบบนั้น ชายร่างใหญ่ที่ชื่อว่าหลี่หวู่ชางก็หัวเราะเสียงดัง “อันหยุนหลาน ไม่นึกเลยว่าเธอจะพูดแบบนั้นออกมา เธอทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ”
อันหยุนหลานพอได้ฟังก็แค่นเสียงเย็น เอ่ยสวนว่า “หลี่หวู่ชาง ไม่นึกเลยว่านายจะเป็นคนแบบนี้! เจ้าพวกนั้นมีดีอะไร นายถึงไปเข้าร่วมกับพวกเขา!”
“เหอ เหอ เธอยังไม่เคยเห็นพลังของทูตสวรรค์ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทรงพลังขนาดไหน!”
“ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าเมื่อสองเดือนที่แล้วเธอโชคดีได้เจอสมบัติสวรรค์อะไรเข้า ถึงได้สามารถก้าวขึ้นไปเป็นเลเวล 5 ได้ แต่สำหรับฉัน แม้ไม่มีสมบัติสวรรค์ แต่ด้วยความช่วยเหลือของท่านทูตสวรรค์ ตอนนี้ฉันเหนือกว่าเธอ ได้ขึ้นเป็นเลเวล 5 ขั้นกลางแล้ว!”
4/4
Ep.172
“ฉันเคยได้ยินเรื่องเพื่อนของเธอแล้วนะ เจ้าพวกเฉียวหลวน , เจิ้งสุ่ย กับหยางเจิ้นดูเหมือนจะถูกจับเพราะเลือกที่จะต่อต้านท่านทูตสวรรค์ถูกไหม?” คล้ายนึกอะไรบางอย่างออก รอยยิ้มที่ค่อนข้างพึงพอใจผุดขึ้นบนใบหน้าเขา
“จุ๊ จุ๊ จุ๊ ได้รับพรจากท่านทูตสวรรค์มันไม่ดียังไง ตอนนี้คงเหลือแค่คนของกองทัพเท่านั้นที่ยังไม่เห็นด้วยกับท่านทูสวรรค์ แต่ฉันเชื่อว่าพวกเขาคงถ่วงเวลาได้อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวพอเวลาผ่านไป ทั่วทั้งฐานเทียนหัวก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของท่านทูตสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจ เงินทอง ถึงเวลานั้นอยากได้อะไรพวกเราก็จะได้มันมา!”
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของอันหยุนหลานอดแปรเปลี่ยนไปไม่ได้ เพราะสิ่งที่หลี่หวู่ชางพูดนั้นเป็นความจริง
ตัวเธอเองที่เลือกมาพื้นที่รกร้างเพราะต้องการหลบหนีจากฐานเทียนหัวที่ใกล้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของทูตสวรรค์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เธอดันถูกอีกฝ่ายพบเข้าเสียก่อน
อันหยุนหลานกล่าวด้วยความโกรธเคืองว่า “ทูตสวรรค์บ้าบออะไร ทั้งหมดนี้มันแผนสมคบคิดกันทั้งนั้น! ไอ้พวกที่เรียกตัวเองว่าเผ่าเทพนั่น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่จริงรึเปล่า แล้วนายไปเชื่อพวกเขาได้ยังไง!”
“เธออาจจะพูดถูกก็ได้ แต่แล้วยังไง? เรื่องนั้นมันเกี่ยวอะไรกับฉัน? ขอแค่ได้สิ่งที่ต้องการ ขอแค่ฉันแข็งแกร่งขึ้น จะให้เข้าร่วมหรือขายวิญญาณกับพวกเขา มันก็ได้ทั้งนั้น!” หลี่หวู่ชวงกล่าว แต่แล้วน้ำเสียงเขาก็เปลี่ยนไป “แล้วอีกอย่าง ฉันยังรู้ด้วยนะ ว่าตอนนี้เธอกำลังแอบฟื้นฟูพลังจิตอยู่ เลยยอมคุยกับฉัน”
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของ อันหยุนหลานแปรเปลี่ยนไป เพราะอีกฝ่ายพูดจริง เหตุผลที่ อันหยุนหลานยอมพูดกับหลี่หวู่ชางตั้งมากมาย นั่นก็เพื่อถ่วงเวลา
เพราะท้ายที่สุดแล้วเธอได้รับบาดเจ็บ แถมพลังจิตก็ใกล้จะหมดแล้ว อาจกล่าวได้ว่าเป็นตะเกียงใกล้มอดดับ
และในช่วงเวลาสั้นๆนี้ ต่อให้พลังจิตของอันหยุนหลานฟื้นขึ้นมา มันก็ไม่มากพอที่จะใช้สู้กับหลี่หวู่ชางอีกครั้ง
“บ้าจริง!” อันหยุนหลานกัดฟัน ความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในใจเธอ และทุกความคิดคือทำอย่างไรดีถึงจะหนีรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้
“เหอ เหอ แต่ถ้าเธอยอมเป็นคู่นอนให้ฉัน ฉันจะลองพิจารณาดู บางทีฉันอาจไปช่วยพูดกับท่านทูตสวรรค์ให้ยอมไว้ชีวิตเธอก็ได้”
ว่าจบ หลี่หวู่ชางก็หัวเราะออกมา รอยยิ้มลามกประทับอยู่บนใบหน้าเขา สายตากวาดขึ้นๆลงๆทั่วร่างของอันหยุนหลาน
ในฐานเทียนหัว เมื่อก่อนหลี่หวู่ชางปรารถนาในความงามของอันหยุนหลานมาเป็นเวลานานแล้ว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพลังรบของทั้งสองทัดเทียมกัน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าลงมือ ยิ่งเมื่อสองเดือนก่อน หลังจากที่อันหยุนหลานกลับมายังฐานเทียนหัว ไม่รู้ว่าเธอไปพบเจอโชคลาภแบบใดมา พลังรบได้ทะยานขึ้นเป็นเลเวล 5
ตอนนั้นหลี่หวู่ชางตัดใจจากเธอแล้ว ยังไงก็ตาม จู่ๆทูตสวรรค์ก็ปรากฏตัวขึ้นในฐานเทียนหัว เวลานั้นเขาตัดสินใจยอมจำนน จึงได้รับพรจากทูตสวรรค์ พลังรบทะยานขึ้นสู่เลเวล 5 ขั้นกลางในทันที
ขณะเดียวกัน ผู้ที่เลือกต่อต้านทูตสวรรค์ล้วนถูกจับกุม แต่อันหยุนหลานสามารถหนีรอดออกมาได้สำเร็จ
ในตอนนั้น เมื่อทูตสวรรค์ได้ยินเรื่องนี้ก็โกรธมาก เพราะนี่เท่ากับเป็นการบั่นทอนอำนาจเขา สุดท้ายจึงนำมาสู่เหตุการณ์ที่หลี่หวู่ชางมาจับตัวอันหยุนหลานกลางพื้นที่รกร้างในเวลานี้ และแน่นอนว่าเขาจะไม่มีทางปล่อยเธอไป
‘ครั้งนี้แหละ ฉันจะต้องให้เธอมาเป็นของฉันให้จงได้!’
เหม่อมองไปยังร่างเพรียวบางของอันหยุนหลาน หลี่หวู่ชางรู้สึกว่าเลือดลมเดือดพล่านไปทั้งกายเขา
ถูกจับจ้องโดยสายตาลามกของหลี่หวู่ชาง อันหยุนหลานเย็นสันหลังวาบ ขนบนผิวกระจ่างใสลุกชันไปทั่วทั้งตัว
“ฝันไปเหอะ!” อันหยุนหลานตะโกนเสียงขรึม แม้เวลาอยู่กับสหาย เธอมักจะทำตัวหว่านเสน่ห์ หยอกล้อกับพวกเขา แต่สำหรับผู้ที่เธอเกลียดชัง เธอจะไม่มีวันยอมแสดงท่าทีแบบนั้นออกมาเด็ดขาด!