ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 199 กฎหมาย
ตอนที่ 199 กฎหมาย
หนึ่งเดือนต่อมา
ณ ส่วนด้านนอกคฤหาสน์
ตอนนี้เวลาได้มาล่วงเลยมาเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนแล้ว ตั้งแต่ที่ผมได้ทำสัญญาให้พวกราชาเอลฟ์และราชาคนแคระให้เข้ามาในการดูแล ซึ่งเรื่องทั้งหมดมันก็ราบรื่นไม่มีปัญหาอะไร พวกทหารที่ได้มาต่างก็ปรับตัวเข้ากับมนุษย์ได้อย่างดี
แล้วในตอนนี้ผมก็กำลังอยู่ในช่วงพักผ่อนร่างกายที่ใช้งานนักเวลานาน โดยสวนที่กำลังนั่งอยู่เป็นสวนขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบไปด้วยแหล่งน้ำจำนวนมากทำให้ไม่ร้อนอะไรมาก จากแสงแดดช่วงบ่ายเวลานี้ ใจกลางสวนก็มีศาลาที่ทำจากหินอ่อนทั้งหมดตั้งอยู่ ซึ่งมันก็เป็นจุดที่ผมกำลังนั่งอยู่นั่นเอง
ในศาลาเองก็มีชุดโต๊ะหินอ่อนสีขาวแสนเรียบง่ายตั้งเอาไว้ ซึ่งก็เป็นจุดที่ผมกำลังอยู่เช่นกัน บนโต๊ะก็มีชุดน้ำชาตั้งเอาไว้อยู่พร้อมกับขนมหวานที่สั่งทำมาเป็นพิเศษจากช็อกโกแลตที่ผลิตได้
อื้ม! มันต้องแบบนี้สิถึงเรียกว่าการใช้ชีวิตแบบขุนนาง นี่เป็นความคิดของผมที่กำลังนั่งจิบน้ำชาพร้อมกินช็อกโกแลตอยู่ ตามจริงก็อยากได้เครื่องเกมส์ไม่ก็โทรศัพท์มาเพื่อใช้งานอยู่หรอก แต่มันคงทำแบบนั้นไม่ได้ แต่ถึงแบบนั้นเท่านี้ก็พอแล้ว หึหึ!
…
….
…..
ในเวลาต่อมาหลังจากที่ผมกำลังนั่งชิลล์อยู่คนเดียวโดยมองบรรยากาศแสนสบายตาอยู่นั่น ที่ด้านข้างก็เห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็นก็เดินเข้ามาจนได้ ซึ่งคนที่กำลังเดินเข้ามาก็คือ เวโรนิก้า ในหน้าตากำลังจริงจังมากๆ
วันนี้ก็มาอีกแล้วเหรอ เฮ้อ~
“ท่านบารอนนี่ท่านคิดจะทำบ้าอะไรกันแน่ ถึงได้ออกกฎหมายบ้าบอแบบนี้”
เวโรนิก้าที่เดินมาถึงด้านหน้าเธอก็ถามออกมาทันที พร้อมกับกระดาษหนึ่งแผ่นที่น่าจะเป็นกฎหมายใหม่ที่ผมออกไปได้ไม่กี่วันก่อนวางบนโต๊ะหินอ่อน ฉันจะทำอะไรกับอาณาเขตของฉันมันเกี่ยวอะไรกับเธอ ชิ! อยากตอบออกไปแบบนี้จังแต่ทำไม่ได้หรอก
การตอบไปแบบนั้นก็เหมือนกับเอาน้ำมันไปราดไฟนั่นแหละ ขนาดพยามหาเหตุผลให้กลับเมืองหลวงหลายอย่างแล้ว ยัยนี่ยังไม่กลับเลย ดื้อจนขนาดทางเราเองตัดใจแล้ว
“ท่านหมายถึงข้อไหน เพราะข้าออกใหม่ไปสองข้อ”
“แล้วมันต่างกันด้วยหรือไง ไอสองข้อของท่านนะ ดูสิดู ท่านทำแบบนี้ไม่กลัวว่าพวกชาวเมืองจะได้ใจไม่มาทำงานกันหรือไง?”
เวโรนิก้าขึ้นเสียงสูงแล้วชูกระดาษขึ้นมา ไม่ต้องมาให้ดูก็ได้คนที่ออกกฎพวกนั้นไปมันฉันเอง เธอไม่ต้องมาให้ดูหรอก เหอะๆ
ส่วนที่เขียนอยู่ในกระดาษด้านหน้ามีอยู่สองข้อ
หนึ่งพนักงานทุกคนในเมืองจะได้หยุดงานทุกวันอาทิตย์ ยกเว้นอาชีพที่หยุดไม่ได้อย่างทหาร แต่จะได้รับวันหยุดเดือนละ 4 วัน เพื่อพักผ่อนแทน
สองเมื่อทำงานจนอายุครบ 60 ปี จะได้รับเงิน 5 เหรียญเงิน ติดต่อกันทุกเดือนเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต [เวลาทำงานจะโดนหัก 10% จากเงินเดือนทุกเดือน ถึงจะได้รับสิทธิ์ตรงนี้]
ซึ่งทั้งสองข้อผมคิดว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นเลย ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมยัยนี่ถึงได้ไม่พอใจนัก ทางเมคัสเองก็เหมือนกันตอนบอกให้จัดการก็ขัดขวางเหมือนกัน เฮ้อ~ ให้วันหยุดแล้วก็เงินคนแก่มันผิดตรงไหน เพราะยังไงถ้าไม่มีพวกคนแก่ก็มีพวกคนหนุ่มคนสาวหรอก
หลังจากที่ผมมองกระดาษสักพักเสียงเวโรนิก้าก็ดังขึ้นมาอีก
“ท่านให้ไหมท่านทำอะไรลงไป ไปให้วันหยุดขนาดนั้นแถมยังให้เงินกับพวกคนแก่ที่ไม่ได้ทำงานอีก แบบนี้ระบบงานมันก็พังหมดนะสิ”
“พัง? มันจะพังได้ยังไงไหนท่านลองบอกมาสิ”
“ก็…”
“องค์หญิงข้าเองก็ไม่ได้อยากทำก็ทำ ข้าคิดเอาไว้แล้วเช่นกันตัวระบบงานหยุดงานก็แค่ทำให้การผลิตลดน้อยลงไปเท่านั้น ส่วนคนแก่ก็สมควรที่ได้รับเงินสนับสนุนแล้วไม่ใช่หรือไง เพราะพวกนั้นเหนื่อยมามากก็ต้องมีของตอบแทนกันบ้าง ส่วนเรื่องวันหยุดมันก็ต้องมีกันบ้างเพื่อให้พนักงานทำงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น”
เมื่อเริ่มอธิบายไปสีหน้ากำลังโมโหของเวโรนิก้าก็เริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นสีหน้ากำลังเจ็บใจแทน กำลังเจ็บใจอะไรล่ะนั้น อย่าบอกนะว่าเถียงไม่ชนะก็เลยเป็นแบบนั้น
ส่วนไอ้เรื่องที่พูดไปมันก็มีความจริงบางส่วนเท่านั้นแหละ หึหึ! ผมไม่มีทางทำอะไรที่ตัวเองไม่ได้รับประโยชน์ตามหลังหรอก แต่ตอนนี้อย่าพึ่งบอกเธอดีกว่าถ้าความลับมีคนรู้สองคนขึ้นไปมันก็ไม่ใช่ความลับ
“ท่านมีอะไรจะพูดอีกไหมครับองค์หญิง”
ผมหยิบชาขึ้นมาจิบหลังถามไปอีกครั้ง แต่ว่ามองจากใบหน้าเจ็บใจของเธอก็คงไม่มีอะไรจะพูดแล้วละ
“ไม่มีแล้ว!”
“ถ้างั้นช่วยออกไปก่อนนะครับ เพราะวันนี้เป็นวันพักผ่อนของข้าต้องการชมกับบรรยากาศในสวนเพียงคนเดียว และคิดอะไรนิดหน่อย”
“นะ นี่ท่านกล้าไล่ข้าเลยเหรอ!!!”
เวโรนิก้าตะโกนขึ้นพร้อมกับหน้าตาที่กำลังจะร้องไห้ ความหมายจริงๆ มันก็คือการไล่ให้ออกไปนั่นแหละ แต่หน้าตาแบบนั้นมันก็น่าสงสารเหมือนกันแฮะ งั้นก็ช่วยไม่ได้เพราะยังไงยัยนี่ก็เป็นองค์หญิง
“งั้นท่านก็เชิญนั่งก่อนครับ”
“ค่ะ”
ใบหน้าของเวโรนิก้าเปลี่ยนทันที่เป็นแบบหน้ายิ้มแบบสดใส จากนั้นเมื่อนั่งลงฝั่งตรงข้ามของผม เธอก็ชูมือแล้วโบกไปมา และเมื่อมองไปทางที่เธอกำลังโบกมือไปก็พบกับกลุ่มเมดกำลังยกขนมหวานมาเพิ่มอยู่
หน็อย! ยัยนี่วางแผนแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วสินะ แต่ช่างเถอะวันนี้เป็นวันหยุดอย่าไปอารมณ์เสียมากดีกว่า
จากนั้นผมกับเธอก็นั่งด้วยกันหลายชั่วโมง โดยระหว่างกำลังนั่งอยู่ด้วยกันเธอก็เล่าเรื่องของเธอให้ฟังมากมายตั้งแต่เด็ก รวมถึงแนวคิดของเธอเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ซึ่งมันก็น่าสนใจไม่น้อย แต่ว่าผมก็ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น แล้วอยากพูดไปว่า [รำคาญจัง] แต่ก็ไม่ได้พูดไป ได้แต่ทนฟังเรื่องที่เธอพูดให้ฟัง เฮ้อ~
และเมื่อผมฟังเธอได้จนถึงช่วงบ่ายแก่ๆ สิ่งที่ทำให้ผมรอดก็กำลังเดินเข้ามาหาพวกเรา ซึ่งคนที่กำลังเดินเข้ามาก็คือ เมคัส!