บทที่ 70 รวมสายเลือดครั้งที่ 3
8 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เฟลิกซ์ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้อง ไม่ว่าจะเป็นการดูดซับธาตุรายวันจากแอสน่า หรือค้นหาการประมูลใน UVR ที่เขาสามารถเข้าร่วมด้วยสถานะทางสังคมที่น่าสมเพชของเขาเพื่อซื้อสมบัติธรรมชาติหรือหินเกรดสูง
โชคดีที่เขาพบและซื้อหินเกรดสูงจำนวนมาก ที่จะช่วยให้เขาสามารถเพิ่ม % ได้หลังจากที่แอสน่าและเขากินชุดแรกไป
ตอนนี้เมื่อหมดคูลดาวน์แล้ว เขาก็กำลังจะเริ่มการผสานรวมครั้งที่ 3
เฟลิกซ์เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ตั้งแต่โพชั่นไปจนถึงสายเลือด สิ่งเดียวที่ขาดไปคือการตรวจสอบว่าสายเลือดระดับ 5 หายากที่เขาซื้อ มีสายเลือดยอร์มุงกันเดอร์อยู่ข้างในรึเปล่า
ดังนั้นไม่ชักช้าอีกต่อไป เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และฉีดเข็มขนาดใหญ่ที่บรรจุเลือดครึ่งหนึ่งลงในหัวใจของเขา! แต่เขายังไม่หยุด
เขาเอาเข็มที่ว่างเปล่าออกจากหัวใจ แล้วดูดเลือดอีกครึ่งหนึ่ง วางแผนจะฉีดอีก 50% ที่เหลือด้วย!
เขาต้องการแยกสายเลือดออกจากกันก่อน และรวมทุกเปอร์เซ็นต์ของยอร์มุงกันเดอร์ที่แอสน่าพบทั้งหมดรวดเดียว แต่นั่นก็ต่อเมื่อเธอสามารถหาเจอน่ะนะ
กลยุทธ์นี้อาจมีความเสี่ยง เนื่องจากเฟลิกซ์จะต้องรับมือกับคลื่นความเจ็บปวดจำนวนมาก แต่มันจะช่วยให้เขาลดจำนวนการผสานรวมที่เขาต้องทำในอนาคตให้เหลือน้อยที่สุด
อย่างน้อย ก็จนกว่าเขาจะลดระยะเวลาคูลดาวน์ให้เหลือน้อยที่สุด โดยการเพิ่มเปอร์เซ็นต์ความเข้ากันได้ของเขา เมื่อถึงจุดนั้น เขาก็ไม่ต้องทรมานตัวเองอย่างที่กำลังทำตอนนี้อีกต่อไป
"เริ่มได้เลย" เขาสั่งแอสน่าให้เริ่มตรวจดูสายเลือดยอร์มุงกันเดอร์
แอสน่าไม่ได้รอให้เขาสั่งเธอ เธออ่านความทรงจำในสายเลือดทันทีหลังจากที่มันเข้าสู่ร่างกายของเขา
ไม่กี่วิต่อมา เธอก็อุทานด้วยความประหลาดใจ “นายโชคดี รอบนี้มีสายเลือดของยอร์มุงกันเดอร์ 10% และความทรงจำที่มีประโยชน์!”
เฟลิกซ์ตื่นเต้นเมื่อได้ยินข่าวที่พระเจ้าส่งมา เขากำหมัดขณะหัวเราะออกมาดัง ๆ
เขาตีแจ็คพอตอย่างแท้จริง เขาคิดว่าคราวนี้เขาจะกลับมามือเปล่า หรืออย่างน้อยก็พบแค่ 2% หรือ 3%
สายเลือดต้นกำเนิดไม่ได้มีอยู่ภายในสัตว์พิษทุกตัวในจักรวาล แต่อยู่ในสัตว์ชั้นสูงเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น
ดังนั้นเพื่อให้เฟลิกซ์ได้รับ 10% ในคราวเดียวจากสายเลือดระดับ 5 เพียงสายเลือดเดียวนั้น นับเป็นชัยชนะอย่างแท้จริง
ในขณะที่โนอาห์ โอลิเวียร์ และลูกพี่ลูกน้องของเขาบางคนเริ่มต้นการผสานรวมครั้งที่ 2 หรือกำลังจะผสานรวมครั้งที่ 3
ช่างตลกจริง ๆ ทั้งที่เขาก็ตื่นเร็วกว่าพวกเขา 1 เดือนหรือมากกว่านั้น แต่ยังต้องดิ้นรนเพื่อให้เข้าถึงความบริสุทธิ์น้อยกว่า (15%)
แต่ตอนนี้ทุกอย่างดีแล้ว ด้วย 10% นี้บวก 5% ที่เขามีอยู่ เขาจะไปถึง 15% และปลดล็อกความสามารถพาสซีฟครั้งแรกของยอร์มุงกันเดอร์!
นี่เป็นช่วงเวลาที่จะตัดสินใจว่าการเลือกเส้นทางที่ท้าทายของเขา เป็นการเคลื่อนไหวที่ดีหรือไม่
แอสน่าขัดจังหวะความตื่นเต้นของเขาด้วยเสียงที่เร่งรีบ “หยุดหัวเราะได้แล้วไอ้บ้า เริ่มดื่มยาได้แล้ว”
เธอแยกสายเลือดเสร็จแล้ว สิ่งเดียวที่เหลือคือให้เฟลิกซ์เตรียมการให้เสร็จ
เฟลิกซ์ดื่มมันทันที มีความสยดสยองในดวงตาของเขาหลังจากที่ได้รับการเตือนความจำว่าเขากำลังจะรวมสายเลือด 10% ทั้งหมดในคราวเดียว!
เฟลิกซ์ไม่เคยคิดที่จะรวม % มากขนาดนี้ในคราวเดียว เขาไม่ใช่คนโรคจิตหรือมาโซคิสต์ เขาเชื่ออย่างตรงไปตรงมาว่าหากเขาโชคดี สายเลือดยอร์มุงกันเดอร์ที่เขาได้รับ สูงสุดก็แค่ 6% หรือ 7%
แผนของเขาทำร้ายเขาแล้ว เพราะตอนนี้เขากำลังจะต้องรับมือกับความเจ็บปวด 5 ระลอกที่คงอยู่นานถึง 15 นาที!
“ไม่!!! เอาคืน! แอสน่าช่วยแบ่งเปอร์เซ็นที!”
เฟลิกซ์สิ้นหวังและกลัวมาก เขาดื่มยาอย่างรวดเร็ว ขณะที่ขอร้องให้แอสนาช่วยเขาลดเปอร์เซ็นต์ให้เหลืออย่างน้อย 5% เขามั่นใจในการจัดการกับ 5% แต่ 10%? เขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น
แม้ว่าระดับความเจ็บปวดจะน้อยกว่าที่เขาประสบระหว่างการตื่นครั้งแรก แต่ 5 คลื่นในคราวเดียวก็เพียงพอที่จะฆ่าเขา
“ฮิฮิ จะถามทำไมในเมื่อนายก็รู้คำตอบของฉันอยู่แล้ว” แอสน่าหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ไม่สนใจคำขอร้องที่น่าสงสารของเฟลิกซ์
“บ้าไปแล้ว!” เขาสบถอย่างเกลียดชัง และเพิกเฉยต่อเธอทันที
เขาหลับตาและเริ่มหายใจเข้าลึก ๆ เข้าและออก ขณะที่สั่นไหล่หวังว่าจะบรรเทาความเกรงที่เขารู้สึกบ้างสักนิด
1 นาทีต่อมา
เขาเปิดตาขึ้น สายตาของเขาดุดัน และตะโกนอย่างกล้าหาญภายในห้อง
"เอาเลย!!!"
ก่อนที่เสียงของเขาจะดังก้องไปไกล เสียงกรีดร้องยาวก็เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว คล้ายกับเสียงผู้หญิงที่กรีดร้องเมื่อตอนคลอดลูก
"อ๊ากกกกก!!!"
ความกล้าหาญของเขาไม่มีความหมายต่อหน้าความเจ็บปวดนี้
นี่คือเหตุผลที่แอสน่าตื่นขึ้นโดยไม่มีข้อร้องเรียนใด ๆ
เธอจะพลาดฉากตลกของเฟลิกซ์ ที่ร้องไห้เหมือนลูกหมาตัวเล็ก ๆ โดยมีน้ำตาไหลอาบแก้มได้อย่างไร
เหงื่อของเขาไหลออกจากรูขุมขนอย่างหนักราวกับน้ำพุ
เธอยังคงชี้ไปที่เขาด้วยนิ้วสั่น ๆ ในขณะที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งในใจเขา
“อ่า ช่างมีความสุขจริง ๆ ฉันหวังว่าไอ้สารเลวนี่จะเข้าถึง 100% เร็วขึ้น และผ่านขุมนรกนี้ทุกวันโดยไม่มีคูลดาวน์” เธอกุมมืออธิษฐานอย่างจริงใจ
แอสน่าชอบที่จะเพลิดเพลินไปกับความทุกข์ยากที่เขาต้องประสบ แต่ทำไมเธอถึงนอนหลับอยู่ตลอด?
เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเธอเกลียดชังการดูเขาสนุกกับการใช้ชีวิตผ่านสายตาของเขา
นั่นสรุปได้ง่าย ๆ จากวิธีที่เธอใช้เวลา 6 เดือนในการชมภาพยนตร์และซีรีส์ทั้งหมด โดยไม่เหลียวเฟลิกซ์เลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่ต้องพูดถึงการนอนเป็นเวลานานในแต่ละวันโดยที่ไม่ต้องตื่น
เฟลิกซ์คิดว่าเป็นเพราะเธอขี้เกียจหรือไม่ก็เหนื่อย
แต่ความจริงแล้ว เธอฟื้นจากอาการอ่อนเพลียนานแล้ว เหตุผลเดียวที่เธอยังคงหลับอยู่ก็เพราะว่าในจิตสำนึกของเฟลิกซ์ไม่มีอะไรให้เธอต้องตื่นมาดู
ทุกครั้งที่เธอตื่นขึ้น เธอจะเห็นเพียงหมอกสีเทารอบ ๆ ตัวเธอ และหากเธอเงยหน้าขึ้น ภาพของเฟลิกซ์ที่มีความสุขกับชีวิตของเขาจะทักทายเธอ ขณะที่เธอติดอยู่ข้างในอย่างไม่มีกำหนด
ความเพลิดเพลินเพียงอย่างเดียวของเธอในตอนนี้ คือการได้ดูเฟลิกซ์ที่มีบางสิ่งที่เธอต้องการอย่างยิ่งแต่ไม่มีถูกทรมาน
แม้ว่าเธอจะเป็นคนซาดิสม์ แต่เธอก็ยังเข้าใจว่าเฟลิกซ์ต้องไม่ตายไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ท้ายที่สุด เขาเป็นตั๋วใบเดียวสู่อิสรภาพของเธอ ดังนั้นทุกครั้งที่เธอเห็นว่าเขาใกล้จะยอมแพ้และเป็นลม เธอจะทำงานและให้กำลังใจเขาด้วยเสียงอันไพเราะของเธอ กระตุ้นให้เขามีสติอยู่ 2-3 นาที
ขณะที่กระบวนการใกล้จะสิ้นสุดลง แอสน่าก็หยุดหัวเราะและจดจ่ออยู่ที่การเชียร์เขาเท่านั้น เธอกังวลเล็กน้อยว่าเขาจะทำไม่ได้ เธอเห็นว่าเขานอนอยู่บนพื้นอย่างสมบูรณ์ด้วยดวงตาพร่ามัวและหายใจตื้น ๆ ราวกับว่าเขาใกล้ตาย
10 9 8 7....3 2 1!
15 นาทีของหนึ่งในประสบการณ์ที่อันตรายและทรมานที่สุดที่เฟลิกซ์ได้สัมผัส ในที่สุดก็จบลงแล้ว!
เขาหมดสติไปในที่สุด
โชคดีที่มันเกิดขึ้นหนึ่งวินาทีหลังจากกระบวนการเสร็จสิ้น
"เฮ้!"
"เฟลิกซ์! นายได้ยินฉันไหม"
"ถ้านายไม่ตื่น ฉันจะดูความทรงจำเรื่องเซ็กซ์ของนาย!"
แอสน่าเรียกเขาดัง ๆ พยายามปลุกเขาให้ตื่น แต่เขาหมดสติไปโดยไม่มีการตอบสนองใด ๆ
'ฉันหวังว่าไอ้สารเลวนี้จะไม่ตกอยู่ในอาการโคม่า' เธอคิดอย่างกังวลขณะตรวจดูการเต้นของหัวใจและการทำงานของสมอง
ถ้าเขาอยู่ในอาการโคม่า เขาอาจจะต้องนอนอยู่ที่พื้นเป็นเวลา 2-3 วัน ก่อนที่การหายตัวไปของเขาจะเตือนคนอื่น ๆ ในครอบครัว
นั่นเพราะพวกผู้อาวุโสเคยชินเรื่องที่เขาไม่ค่อยออกจากห้องตัวเองเป็นเวลา 2-3 วันติดต่อกัน พวกเขาคิดว่าเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ใน UVR
แอสน่าก็รู้เช่นกัน ดังนั้นความกังวลของเธอจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
โชคดีที่หลังจากตรวจสอบเขาแล้ว เธอก็รู้ว่าอาการของเขาไม่ร้ายแรงจนทำให้เขาตกอยู่ในอาการโคม่า อย่างมากเขาก็จะนอนเป็นเวลา 30 ชั่วโมงก่อนตื่น
"อย่าทำอีกดีกว่า" เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วกลับมาที่เตียงของเธอ ตั้งใจจะหลับต่อจนกว่าเขาจะปลุกเธออีกครั้ง
...
วันทั้งวันผ่านไปก่อนที่ร่างของเฟลิกซ์จะมีปฏิกิริยาในที่สุด เปลือกตาของเขาสั่นเล็กน้อย แสดงว่าดวงตาของเขาตอบสนอง
ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็ลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกว่าร่างกายทั้งหมดของเขาไม่ใช่ของเขา
เขาพยายามขยับนิ้ว แต่ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการทำเช่นนั้น
เขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องดื่มยาฟื้นฟูโดยเร็วที่สุด!
แต่มันเป็นความพยายามที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากร่างกายของเขาชาเพราะความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขาได้รับ
ดังนั้นเขาจึงเรียก 'ราชินี AI ส่งข้อความถึงโอลิเวียร์ บอกเธอให้รีบมาช่วยผมที่ห้องของผม และบอกให้เธอนำกุญแจสำรองมาด้วย'
'ค่ะคุณเฟลิกซ์'
...
ปัง
4 นาทีต่อมา ประตูห้องก็ถูกกระแทกเปิดอย่างแรง โอลิเวียร์เกือบหักครึ่งประตูด้วยขาของเธอ เธอรีบเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็วราวกับกระต่ายน้อย
“เฟลิกซ์ เกิดอะไรขึ้นกับนาย?” เธอถามด้วยความตื่นตระหนกทันทีเมื่อเห็นสภาพที่เลอะเทอะของเขา และแอ่งเหงื่อที่ทำให้พรมเปียกโชก
เฟลิกซ์ไม่ตอบสนอง เพราะเขาไม่สามารถแม้แต่จะอ้าปากได้ เขาแค่ขอให้ราชินี AI ถ่ายทอดสิ่งที่เขาต้องการจะพูด
ดังนั้น ราชินี AI จึงพูดซ้ำทุกอย่างที่เขาพูดกับเธออย่างแม่นยำด้วยเสียงโมโนโทนตามปกติของเธอ “ช่วยป้อนยาที่อยู่ทางขวาให้ฉันด้วย ฉันขยับร่างกายไม่ได้”
แม้ว่าเธอจะงงกับสถานการณ์ทั้งหมด แต่โอลิเวียร์ก็ยังทำตามที่บอกและป้อนยาให้เขาอย่างนุ่มนวล
หลังจากดื่มเข้าไป ร่างกายที่ชาของเฟลิกซ์ก็เริ่มฟื้น ตัวเขากระตุกเป็นระยะ ๆ เนื่องจากความรู้สึกเสียวซ่าที่ไหลผ่านร่างกาย
แต่แน่นอนว่ายาหนึ่งขวดไม่เพียงพอที่จะทำให้ร่างกายของเขากลับสู่สภาพสมบูรณ์ หลังจากพายุที่โหมกระหน่ำนั้นบดเนื้อและกระดูกของเขาเหมือนขนม
ดังนั้นเขาจึงขอให้โอลิเวียร์ป้อนยาต่อไป
หลังจากดื่มไปมากกว่า 4 ขวด ในที่สุดร่างกายของเขาก็แสดงสัญญาณการฟื้นตัวอย่างแท้จริง
นาทีผ่านไปอย่างช้า ๆ โอลิเวียร์มองดูเฟลิกซ์ฟื้นคืนความรู้สึกที่นิ้วมือและนิ้วเท้าด้วยความงุนงง จากนั้นเขาก็เดินกะเผลก จนในที่สุดก็ยืนตัวตรง และในที่สุดก็ยืดตัวจนข้อต่อลั่นเสียงดัง
‘เฮ้อ’ เขาถอนหายใจยาวและยืดร่างกาย
หลังจากที่เห็นเฟลิกซ์หักข้อต่อได้อย่างสบายใจ โอลิเวียร์ก็ถามอย่างกังวล “นายรู้สึกดีขึ้นรึยัง”
เมื่อพอใจกับความช่วยเหลือในเวลาที่เหมาะสมของโอลิเวียร์ เฟลิกซ์ก็มองเธออย่างอ่อนโยนและต้องการจะลูบหัวเธอเหมือนเคย แต่มือของเขากลับชะงักไปเมื่อเห็นดอกลิลลี่ที่กำลังเติบโตบนหัวของเธอ
เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และสัมผัสมันเบา ๆ ด้วยความซาบซึ้งในความช่วยเหลือของเธอ "ทุกอย่างต้องขอบคุณเธอ"
ทันใดนั้นเขาก็เคาะสร้อยข้อมือของเขาและดึงกล่องขนาดใหญ่ที่มีหินธาตุพืชเกรดกลาง 100 หรือมากกว่านั้นที่เขาซื้อในตลาดให้เธอ
“นี่คือหินธาตุที่จะช่วยให้เธอฟื้นพลังของเธอได้ในอนาคต รับมันไว้ ถือเป็นของขวัญขอบคุณจากฉัน” เฟลิกซ์อธิบายด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
โอลิเวียร์ตะลึงที่เห็นกล่องขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว
แต่ทันทีที่ได้ยินคำว่า 'ของขวัญขอบคุณ' เธอก็พยายามโบกมือปฏิเสธ และวางแผนที่จะหลบหนี
เฟลิกซ์ที่รู้ทันความขี้ขลาดของเธอได้ขวางเธอไว้ด้วยสายตา "เธอรับมันไว้ซะ อย่าทำให้ฉันเสียเงินเปล่า เธอเป็นผู้ใช้ธาตุไม้เพียงคนเดียวในครอบครัว"
“แต่นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบรับของขวัญ” เธอเบือนหน้าหนี นิ้วมือของเธอกำลังเล่นกับมุมเสื้อตัวเอง “ฉันยินดีช่วยเหลือโดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน”
“แต่ฉันไม่ใช่ ช่วยฉันด้วยการรับของขวัญของฉัน” เฟลิกซ์บุกทะลวงการป้องกันของเธอได้อย่างง่ายดาย
หลังจากได้ยินคำว่า 'ช่วย' โอลิเวียร์ก็เริ่มคิดหนักด้วยใบหน้าเหมือนคนท้องผูกว่าจะรับของขวัญของเขาหรือไม่
นี่เป็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างมากสำหรับเธอ เธอไม่ชอบรับของขวัญ แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธคำขอให้ช่วยได้ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
น่าเสียดาย เฟลิกซ์รีบร้อนที่จะตรวจสอบพาสซีฟสกิลที่เขาปลดล็อก ดังนั้นเขาจึงไม่รอจนกว่าเธอจะตัดสินใจได้
เขายกเธอกับกล่องเหมือนไม่มีน้ำหนัก แล้ววางทั้งคู่ไว้หน้าประตู จากนั้นเขาก็ปิดมัน พร้อมกับหัวเราะสีหน้าเอ๋อ ๆ ของโอลิเวียร์
ปัง!
เสียงปิดประตูทำให้โอลิเวียร์ตื่นจากภวังค์ เธอเริ่มทุบประตูทันทีหลังจากรู้ว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้น
“เปิดนะไอ้เวร!!” เธอหอบด้วยความโกรธและขู่เขา “ฉันจะทิ้งกล่องไว้หน้าประตู ฉันไม่สน! ฉันไม่รับของขวัญของนาย!”
แต่เฟลิกซ์ทำหูหนวกกับทุกสิ่งที่เธอพูด
ไม่นานเธอก็ยอมแพ้และเดินจากไปพร้อมกับทำหน้าบึ้ง แต่ไม่กี่วิต่อมา เธอก็กลับมาหยิบกล่องอย่างอาย ๆ สะพายมันไว้บนไหล่เล็ก ๆ ราวกับมดแบกข้าวสาร
ถ้าเธอรู้ว่าเฟลิกซ์ซ่อนยา 2-3 ขวดไว้ด้านล่างกล่อง เธอคงจะทิ้งมันไว้แทน อนิจจา ตอนนี้เธอรับมันไปแล้ว ไม่มีทางที่เธอจะคืนมันให้เฟลิกซ์ได้
การส่งคืนของขวัญเป็นการกระทำที่ไม่สุภาพและเป็นการดูถูกผู้ให้ เราควรยอมรับของขวัญอย่างสุภาพ หรือไม่ก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่นแทน
เฟลิกซ์ไม่ได้พูดถึงของขวัญที่แท้จริงที่เขาซ่อนไว้เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับ "นโยบายไม่รับของขวัญขอบคุณ" ที่ดื้อรั้นของโอลิเวียร์
---------------------------
วันนี้มาตอนเดียวนะคะ