496 - พบกันอีกครั้ง
496 - พบกันอีกครั้ง
ผู้คนมากมายก็ยังสงสัยว่าเหตุไฉนราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงไท่ซูที่ถูกขังอยู่สี่พันปีถึงยังไม่ตาย?
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ มีอายุเกือบ 5,000 ปีและยังไม่ตาย เขาได้รับอะไรจากภูเขาสีม่วงหรือไม่? หากเขาออกมาได้เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี?
ไม่เพียงแต่ดินแดนรกร้างศตะวันออกเท่านั้นที่สั่นสะเทือน แม้แต่ตระกูลอมตะจากภาคกลางและหลวงจีนจากทะเลทรายตะวันตกก็ยังตื่นเต้นกับข่าวนี้
เย่ฟ่านอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหลังจากได้ยินข่าว ข่าวที่รั่วไหลออกมาจะต้องเป็นความจงใจของตระกูลเจียงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่พวกเขาทำเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร?
สิบวันต่อมาตระกูลเจียงนำอาวุธอาวุธเต๋าสุดขั้วเดินทางเข้าสู่ภูเขาสีม่วงโดยตรง
เตาเทพสุริยันทั้งใบทำจากทองคำโลหิตหงส์อันศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการปรากฏตัวของมันต่อให้สิ่งมีชีวิตอมตะที่อยู่ในต้นกำเนิดสวรรค์ก็ยากที่จะเอาตัวรอดได้
อาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้ทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นราชานกยูงหรือนักพรตมังกรแดงที่ถือได้ว่ามีพลังการต่อสู้แข็งแกร่งมากที่สุดของดินแดนรกร้างตะวันออก
หากพวกเขาถูกอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้โจมตีเพียงครั้งเดียวร่างกายของพวกเขาจะต้องแหลกสลายกลายเป็นเศษขี้เถ้าอย่างเด็ดขาด
ดังนั้นเมื่ออาวุธชิ้นนี้ปรากฏขึ้นยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์อสูรและโจรผู้ยิ่งใหญ่ต่างก็ถอนตัวออกจากการต่อสู้ในภูเขาสีม่วงทันที
ตระกูลเจียงเป็นมหาอำนาจแห่งแรกที่เปิดเผยอาวุธเต๋าสุดขั้วออกมา เมื่อเป็นเช่นนั้นตระกูลจี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเปิดเผยกระจกจักรวาลนิรันดร์
และในขณะเดียวกันดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงก็ได้นำหม้อมังกรสวรรค์ติดตามมาด้วย
เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงถูกขังอยู่ในภูเขาสีม่วงจริงๆและมหาอำนาจทั้งสองดูเหมือนจะได้รับผลประโยชน์มากมายมหาศาลจากตระกูลเจียง
ในเวลาเพียงไม่กี่วันการโจมตีภูเขาสีม่วงก็เริ่มขึ้น
ตระกูลเจียงมีภาพร่างภายในของภูเขาสีม่วงอยู่ในมือแล้ว พวกเขาคือกลุ่มที่ลงมืออย่างแข็งขันมากที่สุด พวกเขาปรารถนาที่จะช่วยบรรพบุรุษของพวกเขาออกมาให้เร็วที่สุด
ในเรื่องนี้ผู้นำตระกูลเจียงไม่ได้ปิดบังความลับไว้ พวกเขาปรารถนาความช่วยเหลือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์และตระกูลขุนนางโบราณอื่นพวกเขาจึงทำการเปิดเผยภาพวาดออกมาให้ทุกคนได้เห็น
ไม่ต้องพูดถึงว่าบรรพบุรุษที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ของพวกเขาถูกขังอยู่ภายใน เพียงแค่เก้าญาณวิเศษลึกลับก็เพียงพอที่จะให้ตระกูลเจียงลงมืออย่างเต็มกำลังแล้ว
ในความเป็นจริงผู้นำตระกูลเจียงขาดไม่ได้คาดหวังว่าบรรพบุรุษของเขาจะมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาปรารถนาคือเก้าญาณวิเศษลึกลับที่บรรพบุรุษของเขาอาจทิ้งไว้ก่อนตาย
นี่เป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งเทียบเท่าได้กับการครอบครองอาวุธเต๋าสุดขั้วชิ้น หากพวกเขาได้รับญาณวิเศษลึกลับชนิดนี้มา ตระกูลเจียงจะสามารถสร้างราชันย์ศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
เมื่อตระกูลเจียงทุ่มกำลังอย่างเต็มที่ในการโจมตีภูเขาสีม่วง ที่ตั้งตระกูลของพวกเขาจึงแทบจะว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง
เย่ฟ่านเดินไปข้างหน้าท่ามกลางสายลมและหิมะ และในที่สุดก็เห็นโครงร่างคร่าวๆ จากระยะไกล
มันคือดินแดนบริสุทธิ์อันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ สถานที่ตั้งของตระกูลเจียงยังคงงดงามราวกับช่วงฤดูใบไม้ผลิ มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับโลกภายนอก
ภูเขาอันยิ่งใหญ่บางแห่งรายล้อมไปด้วยหมอกหลากสีสันและทิวทัศน์ก็งดงาม และนี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆที่ปรากฏขึ้นเท่านั้น
ว่ากันว่ายังมีสถานที่งดงามมากมายภายในดินแดนของตระกูลเจียง แม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งภาคเหนือ แต่ก็ยังเป็นสถานที่ที่น่าทึ่งรองจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกเท่านั้น
เย่ฟ่านถอนหายใจ มหาอำนาจเช่นนี้ สภาพอากาศเช่นนี้ พวกเขามีความสามารถในการครอบครองดินแดนรกร้างตะวันออกอย่างแท้จริง
"ตำนานกล่าวว่าระดับสี่สุดขั้วใน "คัมภีร์จักรวาลนิรันดร์" ของตระกูลเจียงคือหนึ่งในคัมภีร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเช่นเดียวกับคัมภีร์เต๋า และคัมภีร์จักรพรรดินีตะวันตก”
เย่ฟ่านส่ายหัว แม้ว่าเขาจะมีความปรารถนาต่อคัมภีร์เล่มนี้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้รับมันมา
ก่อนหน้านี้หากจักรพรรดิดำไม่ปรากฏตัวขึ้น มันก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่เขาจะได้รับคัมภีร์จักรพรรดินีตะวันตก
“ในดินแดนขนาดใหญ่แบบนี้ข้าจะไปหาถิงถิงน้อยจากที่ไหน” เย่ฟ่านพึมพำกับตัวเอง หลังจากเหลือบมองครั้งสุดท้าย เขาก็หันหลังและจากไป
มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เขาจะค้นหาเด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งท่ามกลางผู้คนนับแสนที่อยู่ที่นี่
หากเขาต้องการพบลุงเจียงและถิงถิงอีกครั้งมันมีสองเท่านั้น คือเขาต้องกลายเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลเจียงหรือไม่เขาก็ต้องกลายเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งจนตระกูลเจียงหวาดกลัว
เย่ฟ่านเดินบนทุ่งน้ำแข็งและมาถึงเมืองเล็กๆที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ เมื่อมองดูถนนเล็กๆเขากลับพบชายชราคนหนึ่งที่เป็นคนคุ้นเคย
บริเวณนั้นมีร้านอาหารเล็กๆที่มีความสุขสมเป็นอย่างมาก ในตอนนี้ชายชราคนหนึ่งกำลังเช็ดถูโต๊ะที่อยู่ในร้านอาหารอย่างเงียบเหงา
“ลุงเจียง เขามาที่นี่ได้อย่างไร!” เย่ฟ่านประหลาดใจมาก ถิงถิงน้อยอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า?
เย่ฟ่านไม่ได้เจอชายชรามาสองสามปีแล้ว แต่ลุงเจียงกลับมีสภาพร่างกายย่ำแย่ เขาดูแก่ชราขึ้นกว่าเมื่อสองสามปีก่อนอย่างมีนัยยะสำคัญ
โต๊ะและเก้าอี้สะอาดแล้ว แต่เขายังคงเช็ดทำความสะอาดอย่างช้าๆ นัยน์ตาสีโคลนดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความคิดถึงและความทรงจำ
เสื้อผ้าบนตัวของเขาเก่ามาก มีรอยปะชุนเป็นหย่อม มือของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลา และการเคลื่อนไหวของเขาก็เชื่องช้าจนน่าสังเวช
เย่ฟ่านรู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นฉากนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ตระกูลเจียงพาปู่และหลานมายังภาคเหนือ ทำไมชีวิตพวกเขาถึงเป็นเช่นนี้
ชายชราผู้โดดเดี่ยวสูญเสียลูกชายไปเมื่อหลายปีก่อน เขาเลี้ยงดูถิงถิงน้อยเพียงลำพัง ผู้คนจากตระกูลเจียงลงทุนไปรับเขาถึงภาคใต้ เหตุไฉนเมื่อมาถึงภาคเหนือตระกูลเจียงถึงได้ทิ้งขว้างชายชราเช่นนี้?
เย่ฟ่านเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมอย่างไม่รอช้าในขณะที่ชายชราก็หันกลับมาเช่นกัน
ลุงเจียงดูมีความสุขมากที่ได้เห็นแขกเดินเข้ามาในร้าน และรอยย่นบนใบหน้าของเขาก็หายไป เขาเช็ดมือแล้วยกกาน้ำชาเข้าหาเย่ฟ่าน
“จะรับอะไรดีขอรับ”
“เดี๋ยวข้าทำเองพัดลมไม่ต้องยุ่งยาก”
เย่ฟ่านไม่ต้องการให้ลุงเจียงทำงานหนัก เขารีบจัดการน้ำชาด้วยตัวเองอย่างรวดเร็ว
เย่ฟ่านมองไปที่โรงเตี๊ยมอย่างเงียบๆ มันมีขนาดเล็กมาก มีโต๊ะไม่กี่โต๊ะเท่านั้น
ชายชราทำงานคนเดียวในสภาพอากาศหนาวเย็น พื้นของที่นี่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง ในสภาพอากาศเช่นนี้มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะมีแขกมาเข้าพัก
เย่ฟ่านสำรวจทุกมุมและพบว่าชายชราดูเหมือนจะอยู่คนเดียวที่นี่ เขาไม่พบทุกสิ่งเกี่ยวกับถิงถิงน้อยเลย
หลังจากนั้นไม่นาน ชายชราก็นำอาหารร้อนๆมาให้ ซึ่งไม่ใช่อาหารจานเนื้อ แต่สามารถกระตุ้นความอยากอาหารของผู้คนได้บ้าง
เย่ฟ่านกินบะหมี่ชามใหญ่และขนมอีกสองสามจาน กวาดทั้งหมดลงท้องไป
“หลานชายช่างมีสุขภาพที่ดี ชายชราคนนี้เคยกินมันได้เมื่อข้ายังเด็ก…” ลุงเจียงยิ้มอย่างใจดีและถามเย่ฟ่านว่าเขาอิ่มไหม
“อิ่มแล้ว ถูกใจข้ามากเลย” เย่ฟ่านหัวเราะ
ลุงเจียงเทน้ำชาเย่ฟ่านกี่ครั้ง มันนานมากแล้วที่ลูกค้าคนสุดท้ายเข้ามาในร้านของเขา
“ท่านผู้เฒ่า อาศัยอยู่ที่นี่คนเดียวหรือ” เย่ฟ่านเริ่มถาม
"ใช่"
ชายชราเริ่มเช็ดโต๊ะอีกครั้ง
“ท่านไม่มีลูกหลานเหรอ” เย่ฟ่านถามอย่างระมัดระวังเพราะกลัวจะทำให้ชายชราเศร้า
“มีสิ มีหลานสาวคนหนึ่ง”
แม้ว่าชายชราจะหัวเราะ แต่เย่ฟ่านเห็นความกังวลที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของลุงเจียง มันเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับถิงถิง? เย่ฟ่านมีข้อสงสัย
“นางกำลังฝึกฝนอยู่ เด็กคนนี้กตัญญูมากและนางจะกลับมาหาข้าทุกครึ่งเดือน” ชายชรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
แต่เย่ฟ่านกลับสงสัยมากกว่าเดิม เพราะชายชรามีความกังวลซ่อนเร้นอย่างชัดเจน