ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 196 แผนใหม่งั้นเหรอ
ตอนที่ 196 แผนใหม่งั้นเหรอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ท่านไมล์ราชาทั้งสองเดินทางมาถึงแล้วครับ”
ระหว่างที่ผมกำลังนอนอยู่แบบหลับสบายนั้นเสียงเคราะประคูแล้วเสียงของเมคัสก็ดังขึ้นมาต่อกัน มันมากันเร็วจัง??? ตอนนี้มองออกไปนอกหน้าต่างยังเห็นท้องฟ้าสว่างอยู่เลยช่วงเวลามันก็น่าจะเป็นเพียงช่วงบ่ายหนึ่งไม่ก็บ่ายสองเท่านั้น
พวกมันเร่งเดินทางขนาดไหนกันเนี่ย เฮ้อ~ ถึงจะอยากนอนต่ออีกหน่อยแต่มันก็ทำไม่ได้ผมจึงตอบเมคัสกลับไป
“เข้าใจแล้วพาไปรอที่ห้องรับแขกเลยเดี๋ยวข้าตามไป”
“ครับ… แต่ว่าเรื่องแบบนี้มันยังไม่ใช่เวลานะครับ เอาไว้เรื่องนี่จบท่านมาทำอีกก็ได้”
อะไรของมัน? แค่นอนนิดนอนหน่อยมันถึงกับต้องพูดขนาดนั้นเลยหรือไง แกเห็นฉันเป็นเครื่องจักรที่เอาแต่ทำงานเหรอ เดี๋ยวต้องให้มันอดหลับอดนอนทำงานแล้วก็รู้ตัวว่าที่ทำมันไร้ค่าสักหน่อย หึ!
เมื่อนอนคิดสักพักผมก็เริ่มใช้แขนพยุงตัวขึ้นเพื่อลุกออกจากเตียงไปแต่งตัว แต่ว่าหลังจากพยุงตัวเองขึ้นมาก็รู้สึกถึงความผิดปกติภายในห้องขึ้น ขนาดห้อง และตำแหน่งหน้าต่างมันเป็นห้องที่เหมือนกับของผมก็จริง แต่ภายในนั้นไม่ใช่
อย่างแรกเลยก็คือโต๊ะน้ำชาขนาดใหญ่กลางห้อง ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยของแบบนั้น ไหนจะยังโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับผู้หญิงอีก
มันเรื่องบ้าอะไร??? ระหว่างที่ผมกำลังสงสัยอยู่ด้านข้างของผมที่เป็นที่นอนก็มีการขยับไปมาของอะไรบางอย่าง แล้วเมื่อหันไปก็เข้าใจกับสิ่งที่เมคัสพูดออกมาทันทีเกี่ยวกับเรื่องเมื่อครู่
การที่มันพูดแบบนั้นไม่ได้หมายถึงเรื่องการนอนพัก แต่มันมาสาเหตุมาจากคนที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ ผมต่างหาก นี่เรามานอนกับเวโรนิก้าได้ยังไง???
ใช้แล้วคนที่กำลังนอนอยู่ข้างผมตอนนี้ก็คือเวโรนิก้า แถมกำลังนอนหลับไม่รู้หนาวไม่รู้ร้อนอะไรอีก ทำไปแล้วงั้นเหรอ? ไม่สิ! ยังไม่น่าจะได้ทำ เพราะเมื่อกี้เราง่วงมากขนาดเข้ามานอนตอนไหนยังไม่รู้เลยไม่ใช่หรือไง อีกอย่างเราไม่ได้เมาด้วยไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นลงไปแน่
จากนั้นผมก็เริ่มมองร่างกายตัวเอง เสื้อผ้าก็ยังอยู่ในชุดเดิมเพราะงั้นแปลว่ายังไม่ได้ทำ ส่วนทางเวโรนิก้าก็สวมชุดนอนอยู่ถึงยังยืนยันส่วนร่างไม่ได้เพราะผ้าห่มทับอยู่แต่ส่วนบนของเธอก็สวมเสื้ออยู่
ระหว่างที่กำลังสงสัยกับสถานการณ์ตอนนี้อยู่นั้นเวโรนิก้าก็ลืมตาขึ้นมาแบบคนพึ่งตื่น แล้วมองมาทางผม “ฮุฮิ” เธอร้องออกมาแบบชอบใจแล้วแสยะยิ้มออกมา ท่าทางแบบนั้นมันอะไร
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นมาแล้วขยับหน้าเข้ามาหาผม
“รับผิดชอบด้วยนะท่านนอนกับข้าไปแล้ว”
“ไม่มีทาง ข้ายังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“ท่านมั่นใจแบบนั้นได้ยังไง!” เวโรนิก้ามีสีหน้าแปลกใจออกมา
ตอนแรกก็ไม่แน่ใจหรอกแต่ตอนนี้แน่ใจแล้วละท่าทางของเธอแบบนั้นมันเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีเลย แต่ว่าตอนนี้มันก็ยังไม่เต็มร้อยลองถามเพิ่มหน่อยแล้วกัน
“ข้าทำกับท่านไปกี่ครั้ง”
หลังถามไปเธอก็เบนสายตาหลบผมเล็กน้อย ซึ่งนี่แหละเป็นเครื่องยืนยันอีกอย่างว่าเธอกำลังหาเรื่องโกหกอยู่แล้วกำลังคิดมัน เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็พูดต่อไปอีก
“งั้นเปลี่ยนคำถามก็แล้วกันเพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นท่านคงตอบไม่ได้ เอาเป็นว่าข้ามานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง ข้าจำได้ว่ากำลังเดินกลับห้องแต่รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเตียงกับท่านแล้ว ท่านแอบเข้ามานอนกับข้างั้นเหรอ”
“ชิ!”
เวโรนิก้าจิปากเบาๆ แบบท่าทางของคนเจ็บใจ จากนั้นใบหน้าของเธอที่เหมือนกับว่าชอบใจก็เปลี่ยนเป็นไม่พอใจขึ้นมาแทน
“ข้านะเหรอจะทำเรื่องน่าอายอย่างการแอบเข้าห้องไม่มีทาง เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะท่านหมดสติตรงทางเดินหน้าห้องของข้าต่างหาก”
หมดสติ! นี่ร่างกายของเรามันอ่อนแอขนาดนั้นเลยหรือไง ไม่ได้การละ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังตายก่อนวัยอันควรแน่อาการแบบนี้มันบ่งบอกได้อย่างดี ต้องลดเวลาทำงานลงหน่อยแล้วสิ เฮ้อ~
“ถ้างั้นข้าต้องขอบคุณท่านมากองค์หญิง”
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ” เวโรนิก้ากอดอกแล้วตอบแบบยิ่งใหญ่ แล้วพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ
“แต่ว่ามันก็ยังมีเรื่องที่ข้าไม่เข้าใจอยู่ ถ้าข้าหมดสติไปที่หน้าห้องของท่านทำไมไม่ให้ทหารมาเอาตัวข้ากลับไปห้องหรือไปหาหมอก่อน”
ท่าทางของเธอถึงจะยังกอดอกอยู่แต่ก็ร้อนรนชัดเจนเพราะสายตาขยับไปมา อาการของคนลนลานชัดๆ
“กะ ก็เพราะหมอไงละ เพราะท่านหมดสติไปแบบนั้นข้าเลยให้หมอรีบมารักษาและตรวจอาการว่าเป็นยังไงจึงให้ตรวจที่นี่”
ยังแถได้อีกนะนับว่าเป็นการแถที่พอรับได้ งั้นต่อไปเลยแล้วกัน
“ถ้างั้นหมอบอกว่ายังไงครับ”
“….” เวโรนิก้านั่งเงียบมองหน้าผมแบบตาไม่กะพริบ ไม่ต้องมามองกันเลยสรุปว่าเธอได้เรียกหมอมาจริงไหม ถ้าฉันตายขึ้นมาจะทำยังไงอยากแต่งงานจนลงทุนขนาดนั้นเลยเหรอ รู้สึกมีนำโหแล้วเหมือนกันการการกระทำแบบนี้ของเธอแต่ว่าต้องอดทนเอาไว้เพราะยังไงยัยนี่ก็เป็นองค์หญิง
“ปกติ! หมอบอกว่าแค่พักผ่อนน้อยไปเท่านั้น”
โห่ว! ตอบถูกแบบนี้ไม่เดาเก่งก็แปลว่าเรียกหมอมาจริงสินะ ถ้างั้นข้อต่อไปก็คงไม่มีอะไรให้แถแล้วละ
“แล้วท่านมานอนกับข้าได้ยังไง?”
“ระ เรื่องนั้น… เรื่องนั้น”
“พอเถอะ! ท่านไม่ต้องหาเหตุผลอะไรแล้วข้าจะทำเป็นว่าเรื่องที่เราสองคนนอนด้วยกันมันไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน ส่วนเรื่องการแต่งงานข้าก็ยังยืนยันคำเดิมข้ายังไม่ต้องการทำเรื่องแบบนั้น …แต่ว่า ถ้าท่านแสดงความจริงใจออกมาข้าอาจจะคิดใหม่ก็ได้เพราะตอนนี้เริ่มเปลี่ยนไปนิดหน่อยแล้ว”
ระหว่างพูดผมก็กวาดสายตามองรูปร่างของเธอ จากนั้นเธอก็เอามือมาปิดหน้าอกของตัวเองเอาไว้พร้อมกับใบหน้าแดงก่ำและพูดออกมาโดยมองมาที่ผม
“กำลังคิดอะไรอยู่”
อย่างเธอมีสิทธิ์ถามแบบนั้นด้วยเหรอ ที่แอบมานอนกับคนอื่นอย่างนี้แล้วยังท่าทางห่วงร่างกายแบบนั้นอีก
“มองรูปร่างของท่านไง ถ้าได้เล่นสนุกกับร่างกายนั่นข้าก็ต้องสำรวจดูก่อนว่าต้องเล่นตรงไหนก่อน”
“ไร้ยางอาย!!!”
ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความอายหน่อยๆ แต่ขณะเดียวกันก็รับรู้ผ่านทางเสียงว่าเธอกำลังกลัวอยู่เช่นกัน
แต่มันก็ไม่แปลกหรอก ที่พูดออกไปแบบนั้นก็เพราะต้องการให้เธอเข้าใจว่าถ้ายังทำแบบนี้ต่อไปต่อให้เราเป็นคนที่ควบคุมสติตัวเองได้ก็จริง แต่ยังไงก็เป็นผู้ชาย ถ้าไปทำแบบนี้กับคนอื่นเธออาจจะเสร็จไปแล้ว
เฮ้อ~ รีบไปดีกว่า
จากนั้นผมก็เดินตรงไปที่ประตูเพื่อออกจากห้องทันที แต่ระหว่างที่กำลังจะเดินออกไปเสียงของเวโรนิก้าก็ดังออกมาก่อน “ข้ายอมนะ… ถ้าเป็นท่าน ท่านไม่จำเป็นที่ต้องเป็นราชาของอาณาจักรก็ได้”
เมื่อได้ยินผมก็หันกลับไปก็พบกับเธอที่กำลังจ้องมองมาทางผมแบบแววตาจริงจัง หว่า~ แผนใหม่งั้นเหรอ?
“ข้าขอคิดก่อนแล้วกัน”
ผมเปิดประตูออกจากห้องทันทีเมื่อตอบไป เพราะถ้าไม่ออกมามีหวังได้เข้าไปหาเธอแน่ ถึงแม้ว่าแววตาเมื่อกี้เธอจะมองมาทางผมด้วยแววตาแบบจริงจังมากก็จริง แต่ท่าทางของเธอมันเย้ายวนให้เข้าไปหามากๆ จึงต้องรีบพาตัวเองออกมาให้เร็วที่สุดแบบนี้ เพราะผมจะไม่พลาดเดินตามเกมส์ของยัยนั้นอีกแล้ว ไม่มีวัน!
เมื่อออกมาด้านนอกผมก็เอาหลังชนกับประตูทันที และพยามพูดให้ตัวเองใจเย็นเอาไว้ “ฮูว… ใจเย็นเอาไว้ก่อนตัวเรา เมื่อกี้มันเป็นเพียงแผนของเธอเท่านั้นถึงจะพูดแบบนั้นแต่ต้องมีความหมายอื่นแน่ เธอจะยอมเราโดยไม่หวังอะไรได้ยังไง ฮูว…”
เมื่อตั้งสติได้ผมก็เริ่มเดินไปที่ห้องของตัวเองต่อทันที เพื่อไปเปลี่ยนชุดใหม่ในการไปพบราชาเอลฟ์และราชาคนแคระที่รอผมอยู่
ตอนที่ 196 แผนใหม่งั้นเหรอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ท่านไมล์ราชาทั้งสองเดินทางมาถึงแล้วครับ”
ระหว่างที่ผมกำลังนอนอยู่แบบหลับสบายนั้นเสียงเคราะประคูแล้วเสียงของเมคัสก็ดังขึ้นมาต่อกัน มันมากันเร็วจัง??? ตอนนี้มองออกไปนอกหน้าต่างยังเห็นท้องฟ้าสว่างอยู่เลยช่วงเวลามันก็น่าจะเป็นเพียงช่วงบ่ายหนึ่งไม่ก็บ่ายสองเท่านั้น
พวกมันเร่งเดินทางขนาดไหนกันเนี่ย เฮ้อ~ ถึงจะอยากนอนต่ออีกหน่อยแต่มันก็ทำไม่ได้ผมจึงตอบเมคัสกลับไป
“เข้าใจแล้วพาไปรอที่ห้องรับแขกเลยเดี๋ยวข้าตามไป”
“ครับ… แต่ว่าเรื่องแบบนี้มันยังไม่ใช่เวลานะครับ เอาไว้เรื่องนี่จบท่านมาทำอีกก็ได้”
อะไรของมัน? แค่นอนนิดนอนหน่อยมันถึงกับต้องพูดขนาดนั้นเลยหรือไง แกเห็นฉันเป็นเครื่องจักรที่เอาแต่ทำงานเหรอ เดี๋ยวต้องให้มันอดหลับอดนอนทำงานแล้วก็รู้ตัวว่าที่ทำมันไร้ค่าสักหน่อย หึ!
เมื่อนอนคิดสักพักผมก็เริ่มใช้แขนพยุงตัวขึ้นเพื่อลุกออกจากเตียงไปแต่งตัว แต่ว่าหลังจากพยุงตัวเองขึ้นมาก็รู้สึกถึงความผิดปกติภายในห้องขึ้น ขนาดห้อง และตำแหน่งหน้าต่างมันเป็นห้องที่เหมือนกับของผมก็จริง แต่ภายในนั้นไม่ใช่
อย่างแรกเลยก็คือโต๊ะน้ำชาขนาดใหญ่กลางห้อง ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยของแบบนั้น ไหนจะยังโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับผู้หญิงอีก
มันเรื่องบ้าอะไร??? ระหว่างที่ผมกำลังสงสัยอยู่ด้านข้างของผมที่เป็นที่นอนก็มีการขยับไปมาของอะไรบางอย่าง แล้วเมื่อหันไปก็เข้าใจกับสิ่งที่เมคัสพูดออกมาทันทีเกี่ยวกับเรื่องเมื่อครู่
การที่มันพูดแบบนั้นไม่ได้หมายถึงเรื่องการนอนพัก แต่มันมาสาเหตุมาจากคนที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ ผมต่างหาก นี่เรามานอนกับเวโรนิก้าได้ยังไง???
ใช้แล้วคนที่กำลังนอนอยู่ข้างผมตอนนี้ก็คือเวโรนิก้า แถมกำลังนอนหลับไม่รู้หนาวไม่รู้ร้อนอะไรอีก ทำไปแล้วงั้นเหรอ? ไม่สิ! ยังไม่น่าจะได้ทำ เพราะเมื่อกี้เราง่วงมากขนาดเข้ามานอนตอนไหนยังไม่รู้เลยไม่ใช่หรือไง อีกอย่างเราไม่ได้เมาด้วยไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นลงไปแน่
จากนั้นผมก็เริ่มมองร่างกายตัวเอง เสื้อผ้าก็ยังอยู่ในชุดเดิมเพราะงั้นแปลว่ายังไม่ได้ทำ ส่วนทางเวโรนิก้าก็สวมชุดนอนอยู่ถึงยังยืนยันส่วนร่างไม่ได้เพราะผ้าห่มทับอยู่แต่ส่วนบนของเธอก็สวมเสื้ออยู่
ระหว่างที่กำลังสงสัยกับสถานการณ์ตอนนี้อยู่นั้นเวโรนิก้าก็ลืมตาขึ้นมาแบบคนพึ่งตื่น แล้วมองมาทางผม “ฮุฮิ” เธอร้องออกมาแบบชอบใจแล้วแสยะยิ้มออกมา ท่าทางแบบนั้นมันอะไร
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นมาแล้วขยับหน้าเข้ามาหาผม
“รับผิดชอบด้วยนะท่านนอนกับข้าไปแล้ว”
“ไม่มีทาง ข้ายังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“ท่านมั่นใจแบบนั้นได้ยังไง!” เวโรนิก้ามีสีหน้าแปลกใจออกมา
ตอนแรกก็ไม่แน่ใจหรอกแต่ตอนนี้แน่ใจแล้วละท่าทางของเธอแบบนั้นมันเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีเลย แต่ว่าตอนนี้มันก็ยังไม่เต็มร้อยลองถามเพิ่มหน่อยแล้วกัน
“ข้าทำกับท่านไปกี่ครั้ง”
หลังถามไปเธอก็เบนสายตาหลบผมเล็กน้อย ซึ่งนี่แหละเป็นเครื่องยืนยันอีกอย่างว่าเธอกำลังหาเรื่องโกหกอยู่แล้วกำลังคิดมัน เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็พูดต่อไปอีก
“งั้นเปลี่ยนคำถามก็แล้วกันเพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นท่านคงตอบไม่ได้ เอาเป็นว่าข้ามานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง ข้าจำได้ว่ากำลังเดินกลับห้องแต่รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเตียงกับท่านแล้ว ท่านแอบเข้ามานอนกับข้างั้นเหรอ”
“ชิ!”
เวโรนิก้าจิปากเบาๆ แบบท่าทางของคนเจ็บใจ จากนั้นใบหน้าของเธอที่เหมือนกับว่าชอบใจก็เปลี่ยนเป็นไม่พอใจขึ้นมาแทน
“ข้านะเหรอจะทำเรื่องน่าอายอย่างการแอบเข้าห้องไม่มีทาง เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะท่านหมดสติตรงทางเดินหน้าห้องของข้าต่างหาก”
หมดสติ! นี่ร่างกายของเรามันอ่อนแอขนาดนั้นเลยหรือไง ไม่ได้การละ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังตายก่อนวัยอันควรแน่อาการแบบนี้มันบ่งบอกได้อย่างดี ต้องลดเวลาทำงานลงหน่อยแล้วสิ เฮ้อ~
“ถ้างั้นข้าต้องขอบคุณท่านมากองค์หญิง”
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ” เวโรนิก้ากอดอกแล้วตอบแบบยิ่งใหญ่ แล้วพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ
“แต่ว่ามันก็ยังมีเรื่องที่ข้าไม่เข้าใจอยู่ ถ้าข้าหมดสติไปที่หน้าห้องของท่านทำไมไม่ให้ทหารมาเอาตัวข้ากลับไปห้องหรือไปหาหมอก่อน”
ท่าทางของเธอถึงจะยังกอดอกอยู่แต่ก็ร้อนรนชัดเจนเพราะสายตาขยับไปมา อาการของคนลนลานชัดๆ
“กะ ก็เพราะหมอไงละ เพราะท่านหมดสติไปแบบนั้นข้าเลยให้หมอรีบมารักษาและตรวจอาการว่าเป็นยังไงจึงให้ตรวจที่นี่”
ยังแถได้อีกนะนับว่าเป็นการแถที่พอรับได้ งั้นต่อไปเลยแล้วกัน
“ถ้างั้นหมอบอกว่ายังไงครับ”
“….” เวโรนิก้านั่งเงียบมองหน้าผมแบบตาไม่กะพริบ ไม่ต้องมามองกันเลยสรุปว่าเธอได้เรียกหมอมาจริงไหม ถ้าฉันตายขึ้นมาจะทำยังไงอยากแต่งงานจนลงทุนขนาดนั้นเลยเหรอ รู้สึกมีนำโหแล้วเหมือนกันการการกระทำแบบนี้ของเธอแต่ว่าต้องอดทนเอาไว้เพราะยังไงยัยนี่ก็เป็นองค์หญิง
“ปกติ! หมอบอกว่าแค่พักผ่อนน้อยไปเท่านั้น”
โห่ว! ตอบถูกแบบนี้ไม่เดาเก่งก็แปลว่าเรียกหมอมาจริงสินะ ถ้างั้นข้อต่อไปก็คงไม่มีอะไรให้แถแล้วละ
“แล้วท่านมานอนกับข้าได้ยังไง?”
“ระ เรื่องนั้น… เรื่องนั้น”
“พอเถอะ! ท่านไม่ต้องหาเหตุผลอะไรแล้วข้าจะทำเป็นว่าเรื่องที่เราสองคนนอนด้วยกันมันไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน ส่วนเรื่องการแต่งงานข้าก็ยังยืนยันคำเดิมข้ายังไม่ต้องการทำเรื่องแบบนั้น …แต่ว่า ถ้าท่านแสดงความจริงใจออกมาข้าอาจจะคิดใหม่ก็ได้เพราะตอนนี้เริ่มเปลี่ยนไปนิดหน่อยแล้ว”
ระหว่างพูดผมก็กวาดสายตามองรูปร่างของเธอ จากนั้นเธอก็เอามือมาปิดหน้าอกของตัวเองเอาไว้พร้อมกับใบหน้าแดงก่ำและพูดออกมาโดยมองมาที่ผม
“กำลังคิดอะไรอยู่”
อย่างเธอมีสิทธิ์ถามแบบนั้นด้วยเหรอ ที่แอบมานอนกับคนอื่นอย่างนี้แล้วยังท่าทางห่วงร่างกายแบบนั้นอีก
“มองรูปร่างของท่านไง ถ้าได้เล่นสนุกกับร่างกายนั่นข้าก็ต้องสำรวจดูก่อนว่าต้องเล่นตรงไหนก่อน”
“ไร้ยางอาย!!!”
ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความอายหน่อยๆ แต่ขณะเดียวกันก็รับรู้ผ่านทางเสียงว่าเธอกำลังกลัวอยู่เช่นกัน
แต่มันก็ไม่แปลกหรอก ที่พูดออกไปแบบนั้นก็เพราะต้องการให้เธอเข้าใจว่าถ้ายังทำแบบนี้ต่อไปต่อให้เราเป็นคนที่ควบคุมสติตัวเองได้ก็จริง แต่ยังไงก็เป็นผู้ชาย ถ้าไปทำแบบนี้กับคนอื่นเธออาจจะเสร็จไปแล้ว
เฮ้อ~ รีบไปดีกว่า
จากนั้นผมก็เดินตรงไปที่ประตูเพื่อออกจากห้องทันที แต่ระหว่างที่กำลังจะเดินออกไปเสียงของเวโรนิก้าก็ดังออกมาก่อน “ข้ายอมนะ… ถ้าเป็นท่าน ท่านไม่จำเป็นที่ต้องเป็นราชาของอาณาจักรก็ได้”
เมื่อได้ยินผมก็หันกลับไปก็พบกับเธอที่กำลังจ้องมองมาทางผมแบบแววตาจริงจัง หว่า~ แผนใหม่งั้นเหรอ?
“ข้าขอคิดก่อนแล้วกัน”
ผมเปิดประตูออกจากห้องทันทีเมื่อตอบไป เพราะถ้าไม่ออกมามีหวังได้เข้าไปหาเธอแน่ ถึงแม้ว่าแววตาเมื่อกี้เธอจะมองมาทางผมด้วยแววตาแบบจริงจังมากก็จริง แต่ท่าทางของเธอมันเย้ายวนให้เข้าไปหามากๆ จึงต้องรีบพาตัวเองออกมาให้เร็วที่สุดแบบนี้ เพราะผมจะไม่พลาดเดินตามเกมส์ของยัยนั้นอีกแล้ว ไม่มีวัน!
เมื่อออกมาด้านนอกผมก็เอาหลังชนกับประตูทันที และพยามพูดให้ตัวเองใจเย็นเอาไว้ “ฮูว… ใจเย็นเอาไว้ก่อนตัวเรา เมื่อกี้มันเป็นเพียงแผนของเธอเท่านั้นถึงจะพูดแบบนั้นแต่ต้องมีความหมายอื่นแน่ เธอจะยอมเราโดยไม่หวังอะไรได้ยังไง ฮูว…”
เมื่อตั้งสติได้ผมก็เริ่มเดินไปที่ห้องของตัวเองต่อทันที เพื่อไปเปลี่ยนชุดใหม่ในการไปพบราชาเอลฟ์และราชาคนแคระที่รอผมอยู่