ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 36 รางวัลใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 38 สามผู้เยี่ยมชม

MDB ตอนที่ 37 ห้องโถงเยี่ยมชมอันแสนลี้ลับ


กำลังโหลดไฟล์

ผู้ประเมินฝึกหัดไม่เต็มใจนำอาหารมาให้หลินจิน เมื่อนำอาหารมาวางเสร็จ เขาก็ออกไปอย่างรวดเร็ว

หลินจินจะหิวเกินกว่าจะสนใจดว่าอาหารจะเย็นชืดหรือไม่ เขาเรียกเสี่ยวฮั่วและให้มันอุ่นซุปในหม้อเหล็กและกินพร้อมกับอาหารอื่น ๆ ที่เย็นแล้ว

ขณะที่เขากิน หลินจินได้บันทึกไข่ที่กลายพันธุ์ที่เหลืออยู่ในพิพิธภัณฑ์ จากนั้นพลิกดูรายงานการประเมินของหวังจีกับเกาเจียง เมื่อเขาเห็นรายงานการประเมิน เขาก็ส่ายหัวเบา ๆ

“รายงานพวกนี้มันอะไรกันเนี่ย!?”

หลินจินหยิบรายงานการประเมินทั้งสองขึ้นมา

แม้ว่ารายงานทั้งสองจะเขียนได้สวยงามแต่เนื้อหากลับไม่น่าดู แน่นอนว่า หลินจินมีเหตุผลของเขาที่จะพูดอย่างนั้น แม้ว่ารายงานทั้งสองโดยทั่วไปจะเป็นการประเมินสายพันธุ์สัตว์วิเศษภายในไข่ที่กลายพันธุ์ แต่ก็มีการเขียนไม่ชัดเจน พูดตรง ๆ ก็คือ พวกมันแค่เล่นคำโดยไม่ได้ระบุสายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต แม้แต่สายเลือดของมัน

ไม่เพียงแต่จะไม่มีการยืนยันเท่านั้น แต่รายงานการประเมินนี้ยังระบุความเป็นไปได้หลายประการ โดยระบุว่าเป็นสัตว์ประเภทแมลง 60 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่อีก 40 เปอร์เซ็นต์เป็นสัตว์ประเภทนก พวกเขายังให้ 'หลักฐาน' จำนวนมากเพื่อสนับสนุนสมมติฐานของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้อ่านคนใดสามารถบอกได้เฉพาะเจาะจงว่าไข่คืออะไร มีเพียงความคิดเห็นที่คลุมเครือเท่านั้น

เมื่อเทียบกับรายงานที่เขียนไว้อย่างชัดเจนของหลินจินแล้ว สองคนนี้ทำได้ไม่ดีมากนัก

หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน หลินจินได้เขียนรายงานอีกสองฉบับสำหรับไข่ทั้งสองใบนี้ ไม่ว่ามันจะถูกใช้หรือไม่ก็ตาม

ขณะที่หลินจินกำลังกินและเขียนรายงาน โดยที่เขาไม่รู้ว่า มีการเปลี่ยนแปลงได้เริ่มเกิดขึ้นภายในห้องแปลก ๆ นั้นในพิพิธภัณฑ์

ประตูไม้เรืองแสงทั้งสามบาน ตรงประตูหมายเลข 5 ถูกผลักเปิดออกช้า ๆ

สิบนาทีก่อนหน้านี้...

เมืองมังกรหยกภายในอาณาจักรมังกรหยก องค์หญิงสี่ เหอฉิงทรงประทับอยู่บนหลังคา ขณะที่พระองค์ทอดพระเนตรดูแสงระยิบระยับนอกกำแพงวังอย่างโหยหา

ข้าง ๆ องค์หญิงเป็นสัตว์วิเศษที่เป็นสัตว์เลี้ยงของพระองค์ มังกรผีเสื้อปีกเหลี่ยม

ในฐานะเชื้อพระวงศ์ เหอฉิงมีสถานะสูงส่ง พระองค์ไม่ต้องกังวลอะไรในชีวิต แม้แต่สัตว์เลี้ยงของพระองค์ก็ยังถูกเลือกอย่างพิถีพิถันโดยผู้ประเมินในวังหลวง

มังกรผีเสื้อปีกเหลี่ยม มันมีปีกเหมือนผีเสื้อ ตัวเป็นกิ้งก่าและมีสายเลือดที่ซ่อนอยู่ ตั้งแต่มันถือกำเนิดขึ้นมา มันก็มีระดับสองพร้อมกับศักยภาพที่สูง

ยิ่งสายพันธุ์หายากขึ้นเท่าใด สัตว์วิเศษก็จะอยู่กับเจ้าของได้นานขึ้นเท่านั้น เพื่อที่พวกเขาจะได้แบ่งปันพลังจิตวิญญาณเพื่อให้สัตว์วิเศษได้รับโอกาสในการวิวัฒนาการ

ตามที่ผู้ประเมินได้คาดการณ์ไว้ มังกรผีเสื้อปีกเหลี่ยมต้องการเวลาอย่างน้อยห้าปีกว่าที่มันจะวิวัฒนาการได้

เหอฉิงเริ่มหมดความอดทนเพราะตามกฎของพระราชวัง สำหรับเชื้อพระวงศ์ที่ต้องการประทับนอกวังหลวง สัตว์ที่เลี้ยงไว้ต้องมีระดับสามเป็นอย่างน้อย

“ข้าอยากจะหนีจากวังแห่งนี้จริง ๆ ข้าอยากออกไปเดินเล่นข้างนอก สัมผัสกับโลกที่น่าตื่นเต้นนี้” เหอฉิงพึมพำ “ข้าได้ยินมาว่าข้างนอกมีของอร่อย ๆ มากมาย มีผู้คนแปลก ๆ และเรื่องสนุกมากมาย แกคิดว่าไงเสี่ยวเตี๋ย?” เธอหันไปหาสัตว์เลี้ยงของเธอ

พระพักตร์ขององค์หญิง ช่างงดงามหาผู้ใดเปรียบ ราวกับว่าพระองค์เป็นภาพวาดที่ถูกวาดโดยศิลปินขึ้นสูง แม้ว่าองหญิงจะมีพระชนมายุไม่กี่พรรษาแต่พระองค์ก็มีความงามที่เหนือล้ำ

เนื่องจากสัตว์วิเศษไม่สามารถพูดได้ มันจึงอยู่เงียบ ๆ ไป

"อะไรนะ? แกจะบอกว่าแกสนุกกับการอยู่ในวังหลวงงั้นหรือ?“เหอฉิงเริ่มพูดกับตัวเอง”สถานที่ที่น่ากลัวเช่นนี้มีอะไรดี? เราอยู่กันมาหลายสิบปีแล้ว แกไม่เบื่อบ้างหรือ? ถ้าข้าออกจากวังได้ ข้าต้องลองกินของอร่อย เดินทางข้ามดินแดนและสัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นตา”

ใต้หลังคามีทหารองครักษ์หลายคนที่ดูหมดหนทาง เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าหญิงแสดงความต้องการดังกล่าว หญิงรับใช้คนหนึ่งกล่าวว่า

“องค์หญิงเจ็ดเพคะ ตอนนี้ดึกมันมากแล้ว โปรดเสด็จลงมาก่อนดีมั้ยเพคะ เผื่อพระองค์ก้าวพลาดและตกลงมา”

“ชิ! ข้าคุ้นเคยกับหลังคานี้เป็นอย่างดี ข้าจะตกลงไปได้อย่างไร?” เธอดูไม่พอใจ ทันใดนั้นเอง พระองค์ทรงสังเกตเห็นแสงไฟกระพริบรอบ ๆ มังกรผีเสื้อปีกเหลี่ยมของเธอและทันใดนั้น ช่องว่างก็เปิดออกด้านหลังของมัน ช่องว่างได้ดูดเจ้าหญิงและสัตว์วิเศษของเธอเข้าไปข้างใน

เหตุการณ์เกิดขึ้นไวมาก โดยที่องค์หญิงยังไม่ทันจะส่งเสียงร้องใด ๆ ออกมาเลย ส่วนเหล่าองค์รักษ์หรือคนรับใช้ด้านล่างต่างไม่มีใครสังเกตเห็น

ความรู้สึกไร้น้ำหนักชั่วครู่ทำให้เหอฉิงหวาดกลัว โชคดีที่เธอล้มลงกับพื้นในไม่ช้า ในที่ที่มืดมิดไร้ที่สิ้นสุดนี้ ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือประตูบานหนึ่ง

ที่ประตูบานนี้เป็นป้ายไม้ สลักคำว่า 'ผู้มเยี่ยมชมหมายเลข 5'

แม้จะมีสัตว์เลี้ยงของพระองค์จะอยู่เคียงข้างแต่เหอฉิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว

เจ้าหญิงตกใจและสับสน พระอัสสุชลเริ่มไหลเอ่อบนพระเนตร

หลังจากสงบสติอารมณ์แล้ว เหอฉิงก็เรียกสัตว์เลี้ยงเข้ามาใกล้ ๆ ขณะที่พระองค์ค่อย ๆ ผลักประตูไม้ให้เปิดออก

เมื่อเปิดออกก็พบว่าด้านหลังประตูเป็นห้องโถงกว้าง

แม้ที่นี่จะเป็นสถานที่ลึกลับแต่ก็พบร่องรอยของสัตว์ประหลาดเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเหอฉิงจึงเดินออกจากห้อง จากนั้นประตูไม้ก็ปิดตัวลง

"มีใครอยู่ไหม?" เหอฉิงจับมือเธอไว้กับหน้าอกของเธอเพื่อป้องกันในขณะที่สัตว์เลี้ยงของเธอบินอยู่ข้าง ๆ เธอ

องค์หญิงรอพักใหญ่แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับเลย

เมื่อมองไปรอบ ๆ พระองค์สังเกตเห็นประตูไม้สองแถวรอบ ๆ พระองค์ แต่ละประตูมีหมายเลขเป็นของตัวเอง

เมื่อองค์หญิงสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เหอฉิงก็สงสัยว่าเธอถูกลักพาตัวไปหรือเปล่า ในฐานะเจ้าหญิงของราชวงศ์ มีคนเลวหลายคนต้องการจับตัวเธอ เหมือนกับเนื้อหาในนิยายที่เธอแอบซ่อนไว้

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ จิตใจที่สงบของพระองค์ก็ร้อนรนขึ้นอีกครั้งในทันที

“เสี่ยวเตี๋ย ถ้าคนร้ายปรากฏตัวขึ้นมาล่ะก็ แกต้องปกป้องข้านะ”

ในขณะที่เหอฉิงเพิ่งพูดจบ ประตูหมายเลข 7 ฝั่งตรงข้ามถูกผลักออก มีชายร่างสูงสวมชุดดำเดินออกมาจากห้อง

เหอฉิงถอยห่างออกไปทันที องค์หญิงเกร็งตัวและมองอย่างระมัดระวัง

ด้วยการจ้องมองที่คมกริบ ชายชุดดำเหลือบมองที่เหอฉิงและคนหลังก็แข็งค้างราวกับว่าเธอถูกโยนลงไปในหลุมน้ำแข็ง แม้แต่มังกรผีเสื้อปีกเหลี่ยมของเธอก็ตัวสั่น

นั่งบนไหล่ของชายคนนั้นเป็นนกสีดำมีตาเหมือนทับทิมสีแดงเลือดสองเม็ด

“ที่นี่คือที่ไหน?” ชายคนนั้นถาม ในสายตาของเขา เหอฉิงดูอ่อนแอเกินไปโดยที่ทั้งเธอและสัตว์เลี้ยงของเธอไม่คุ้มกับความสนใจของเขา

ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เด็กสาวคนนี้จะลักพาตัวเขามาที่นี่

อีกาทมิฬ ชายคนนี้เป็นนักฆ่าชั้นยอดที่มีเลือดหลายชีวิตเปื้อนมือของเขา ด้วยสัตว์วิเศษ เหยี่ยวดำระดับสี่ของเขา ชายผู้นี้สามารถทำลายประเทศเล็ก ๆ ได้เพียงลำพัง

นกบนไหล่ของเขาเป็นเหยี่ยวดำ

ก่อนที่เขาจะถูกดึงเข้าไปในรอยแยกด้วยพลังอันน่ากลัว อีกาทมิฬกำลังสำรวจถ้ำอมตะโบราณกับสหายของเขา

มันเป็นถ้ำที่ผู้ฝึกตนอมตะอาศัยอยู่ก่อนที่พลังจิตวิญญาณของโลกจะหมดลง ใคร ๆ ก็นึกภาพออกว่ามันมีค่าขนาดไหน ภายในถ้ำนั้นใหญ่มาก แม้ว่ามันจะสูญเสียการสนับสนุนของพลังจิตวิญญาณ ทำให้กับดักและกลไกของถ้ำไม่ได้ผลแต่ก็ยังมีอันตรายซ่อนอยู่

พวกเขาใช้เวลาหลายวันเพื่อสำรวจห้องหินสองสามห้องเท่านั้นและนั่นไม่ใช่หนึ่งในสิบของสถานที่นั้น

เมื่อเขากำลังพักผ่อน ทันใดนั้นก็มีช่องว่างปรากฏขึ้นข้างหลังเขา จากนั้นอีกาทมิฬก็ถูกดึงเข้าไปด้วยพลังที่มองไม่เห็น เหตุการณ์นี้ทำให้เขาตกใจ พลังอะไรที่แม้แต่สัตว์เลี้ยงระดับสี่ของเขาก็ยังไม่สามารถตอบโต้ได้

เมื่อมาถึง เขาจึงผลักประตูไม้ เปิดออกทันที

แม้ว่าเขาจะวิตกกังวลและสับสนเช่นกัน อีกาทมิฬไม่เคยกลัวอันตราย นี่คือบุคลิกสำคัญที่นำพาเขามาไกลถึงขนาดนี้ ในอดีต ศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเขานับไม่ถ้วนได้ตายในมือของเขา

“ข้าไม่สนใจว่าพวกมันเป็นใคร แต่คนที่เล่นตลกกับข้าแบบนี้ต้องรับผลที่ตามมา” อีกาทมิฬกล่าวขณะสำรวจโดยรอบ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด