492 - ราชาหินเจ้าเล่ห์
492 - ราชาหินเจ้าเล่ห์
นักพรตมังกรแดงมีรูปร่างที่แห้งแล้ง เขายังคงสวมเสื้อคลุมนักพรตที่เก่าคร่ำคร่าตัวเดิมและตอนนี้สายตาของเขาจ้องมองไปยังสิ่งมีชีวิตตัวน้อยด้วยความปรารถนาอย่างถึงที่สุด
มังกรทองตัวน้อยพยายามหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของแม่ชีชุดขาวด้วยความกลัว แม้ว่ามันจะไร้เดียงสาแต่เห็นได้ชัดว่ามันหวาดกลัวต่อนักพรตเฒ่าเป็นอย่างมาก
“เสี่ยวไฉไม่กลัว ไม่มีใครทำอันตรายต่อเจ้าได้” แม่ชีชุดขาวตัวน้อยคอยปลอบโยน
ทันทีที่นักพรตมังกรแดงปรากฏตัวขึ้นในสวนหิน ยอดฝีมือระดับผู้สูงสุดของตระกูลจี้และมหาอำนาจอื่นๆต่างก็เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่
แม้ว่ากลุ่มผู้สูงสุดเหล่านี้จะไม่รู้จักตัวตนของชายชรา แต่พลังโลหิตที่เขาปลดปล่อยออกมาก็สามารถสร้างความกดดันต่อพวกเขาทุกคน
“หนอนไหมสวรรค์เก้าแปลง...”
นักพรตมังกรแดงพึมพำกับตัวเองเบาๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าราวกับกำลังสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
ก่อนหน้านี้เย่ฟ่านมีความปรารถนาที่จะพบผู้เฒ่าคนนี้อยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเขาครอบครองสมบัติล้ำค่าอยู่ในมือเขากลับต้องการที่จะอยู่ห่างจากนักพรตมังกรแดงให้ไกลที่สุด
“ควับ!”
ท่ามกลางความตึงเครียดของทุกคน จู่ๆนักพรตมังกรแดงก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าคล้ายกับกำลังไล่ตามอะไรบางอย่าง
"ความเร็วนี้…"
แม้แต่ใบหน้าของชายชราผมขาวจากตระกูลจี้ก็ยังเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง นักพรตเฒ่าที่ปรากฏตัวเมื่อสักครู่มีความแข็งแกร่งไม่เป็นรองปรามาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาแน่นอน
หลี่เหอซุยส่งสัญญาณเสียงมาหาเย่ฟ่านอีกครั้ง เขาบอกว่าหินก้อนนั้นขุดหลุมหนีไปแล้ว!
ภายนอกเย่ฟ่านยังคงทำตัวเหมือนเช่นปกติโดยไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร เขาตั้งใจจะจัดการเรื่องราวทุกอย่างก่อนจะออกตามหาหินราชาก้อนนั้น
"ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือซ้ำแล้วซ้ำเล่า" เย่ฟ่านหัวเราะในขณะที่เริ่มเก็บเดิมพันจากผู้คนที่อยู่ในบริเวณ
ดวงตาของอู๋จื่อหมิงและหลี่จงเทียนแทบจะพ่นไฟออกมาได้ พวกเขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธแต่ไม่สามารถปฏิเสธการจ่ายเดิมพัน
"ท่านผู้เฒ่าก็เหมือนกัน ในบรรดาผู้คนทั้งหมดมีเพียงท่านผู้เฒ่าที่ให้การสนับสนุนพวกเราอย่างสม่ำเสมอ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้หลี่ยี่สุ่ยก็โกรธมาก เขาอยากจะตบเย่ฟ่านให้ตายด้วยฝ่ามือเดียว
แต่แน่นอนว่าเขาทำได้เพียงแค่คิด ที่นี่คือลานพนันหินของตระกูลจี้ หากเขาทำเช่นนั้นรับรองว่าเขาจะตายก่อนเย่ฟ่านอย่างไม่ต้องสงสัย
ชายชราเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามเขากลับต้องสูญเสียต้นกำเนิด 200,000 จินแบบโง่ๆ
ต้นกำเนิดส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่เขายืมมา วิธีการเดียวที่เขาจะใช้คืนได้คือชนะเดิมพันครั้งนี้เท่านั้น เมื่อเขาพ่ายแพ้อย่างย่อยยับมันไม่มีทางที่เขาจะรวบรวมคืนมาได้ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ตาม
เมื่อคิดถึงสถานการณ์ที่น่าสังเวชของตัวเองเขาก็กระอักเลือดออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“ผู้อาวุโสอย่าเสียใจในเรื่องนี้ไปเลย ด้วยดวงตาวิเศษในการมองเห็นต้นกำเนิดสวรรค์ของท่าน รับรองว่าจะต้องกู้คืนความเสียหายครั้งนี้ได้อย่างง่ายดาย”
หลี่เหอซุยไม่ลังเลที่จะเทน้ำมันลงบนกองไฟ เหตุการเดิมพันครั้งใหญ่นี้มีผู้คนมากมายที่ต้องเสียต้นกำเนิดจนแทบหมดตัว
ทัวป๋าฉางได้รับต้นกำเนิดสวรรค์ที่มีมูลค่ามากกว่า 500,000 จิน มันแทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เขาจะพ่ายแพ้ ต้นกำเนิดสวรรค์จำนวนนี้อาจถือได้ว่ามีมูลค่าสูงสุดในลานพนันหินแห่งนี้ด้วยซ้ำ
แต่สุดท้ายเย่ฟ่านยังคงได้รับชัยชนะเช่นเดิม เรื่องนี้พวกเขาได้แต่โทษความโชคร้ายของตัวเองเท่านั้น
เย่ฟ่านโบกแขนเสื้อและเก็บต้นกำเนิดบริสุทธิ์หลายแสนจินที่อยู่บนพื้นท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของผู้คนมากมาย
“พี่ทัวป๋าตามที่เราตกลงกันไว้เจ้ายังติดค้างข้าอีกแสนจิน?” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทัวป๋าฉางเป็นทายาทของตระกูลขุนนางโบราณ ตอนนี้เขาเป็นหนี้ตระกูลจี้มากกว่า 300,000 จินและยังเป็นหนี้เย่ฟ่านอีกหนึ่งแสน
ต้นกำเนิดมากมายขนาดนี้ต่อให้เป็นตระกูลขุนนางโบราณก็ยังต้องใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความกรอบ
“ข้าจะทำหนังสือสัญญาให้เจ้า อีกสามวันข้าจะให้คนนำมาจ่ายเจ้าอย่างแน่นอน!”
เย่ฟ่านยิ้มและพูดว่า "ในเมื่อเจ้าติดหนี้ตระกูลจี้สามแสนแล้ว เจ้าก็ติดหนี้เพิ่มอีกสักแสนจะเป็นไร ส่วนต้นกำเนิดหนึ่งแสนจินของเจ้าก็ควรมอบให้ข้าตรงนี้เลยจะไม่ดีกว่าหรือ?"
"ตกลง!" ทัวป๋าฉางกัดฟันด้วยความโกรธ
ตระกูลจี้ไม่ได้มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ตระกูลทัวป๋าซึ่งมีขนาดเล็กกว่าพวกเขาจะสามารถบิดพริ้วหนี้ที่เกิดขึ้นได้
สิ่งที่ตระกูลจี้กังวลใจที่สุดคือการที่พวกเขาคิดจะเปิดต้นกำเนิดที่นี่ต่อต่างหาก!
กล่าวตามตรงตระกูลจี้ไม่ได้ถือว่าขาดทุนมากเท่าไหร่ เย่ฟ่านลงทุนเป็นต้นกำเนิดบริสุทธิ์ 450,000 จินและทัวป๋าฉางก็ต้องจ่ายด้วยจำนวนเท่ากัน
พวกเขาโยนต้นกำเนิดบริสุทธิ์ออกไปกว่า 900,000 จินซึ่งก็เป็นจำนวนไล่เลี่ยกับพี่เย่ฟ่านและทัวป๋าฉางเปิดได้
ผู้ชนะที่ใหญ่ที่สุดคือเย่ฟ่านอย่างไม่ต้องสงสัย ต้นกำเนิดสวรรค์สองชิ้นบวกกับสิ่งมีชีวิตตัวน้อยสีทองนั้นมันมีมูลค่ามากกว่าต้นกำเนิดบริสุทธิ์หนึ่งล้านจินอย่างแน่นอน
และเมื่อรวมกับต้นกำเนิดที่เขาชนะเดิมพันอีกเกือบสามแสนจิน มันทำให้ผู้คนมากมายดวงตาแดงก่ำด้วยความอิจฉา
เย่ฟ่านเดินออกห่างจากผู้คน เขาจ่ายต้นกำเนิด 120,000 จินเป็นค่าตัวของหินศักดิ์สิทธิ์ก้อนสุดท้าย เขามั่นใจว่าหินก้อนนี้คือหินราชาอย่างแน่นอน
หินก้อนเล็กๆที่หลี่เหอซุยค้นพบว่าเคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาดนั้น เย่ฟ่านคิดว่าน่าจะเป็นกลอุบายของหินราชาอีกครั้ง
“บ้าไปแล้ว เจ้ายังจะเปิดหินต่อไป”
“วันนี้เจ้ายังร่ำรวยไม่พออีกหรือ”
ผู้คนมากมายต่างก็เฝ้าดูการกระทำของเย่ฟ่าน วันนี้พวกเขาได้รับการเปิดหูเปิดตามามากพอแล้ว
ตามปกติแล้วคนของตระกูลจี้มักจะต้องการให้ผู้คนเลือกก้อนหินจากที่นี่อยู่เสมอ แต่ตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาดำคล้ำและพวกเขาต้องการให้เย่ฟ่านออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
เย่ฟ่านตัดก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ก้อนสุดท้ายด้วยความมุ่งมั่น แต่แล้วเขาก็ต้องถอนหายใจด้วยความผิดหวัง สิ่งที่อยู่ภายในก้อนหินนั้นเป็นเพียงต้นกำเนิดแปรผันที่มีมูลค่าประมาณแสนจิน
เย่ฟ่านขมวดคิ้วอย่างหงุเหงิด หินราชาเห็นได้ชัดว่ามีสติปัญญาที่ไม่เป็นรองมนุษย์ มันรู้อยู่แล้วว่าเย่ฟ่านกำลังตามหามันแต่มันยังคงยั่วยุเขาไม่หยุดนี่เป็นการท้าทายอย่างแน่นอน
“วันที่ข้ากลายเป็นประมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะมีความกล้าเหมือนวันนี้หรือไม่?” สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขากวาดออกไปทั่วสวนหินด้วยความโกรธ
ในที่สุดเย่ฟ่านก็ส่ายหัวและยอมแพ้ ราชาหินผู้นี้ได้กลายเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว มันมีสมบัติล้ำค่าอยู่ภายในอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อเขาหามันไม่เจอเขาก็เปลี่ยนยอมรับความพ่ายแพ้
เขารู้สึกว่าต่อให้เขาเปิดหินต้นกำเนิดทั้งหมดที่อยู่ในสวนแห่งนี้ก็ไม่แน่ว่าเขาจะหามันพบ บางทีมันอาจจะซ่อนตัวอยู่ในแม่น้ำก็ได้
หลังจากนั้นเย่ฟ่านเลือกหินอีกสองก้อน แม้ว่ามันจะไม่มีสมบัติล้ำค่าอยู่ภายใน แต่ต้นกำเนิดที่เขาเปิดได้ก็เพียงพอจะชดเชยความเสียหายเมื่อสักครู่ได้บ้าง
ในที่สุดเย่ฟ่านก็เดินไปที่บริเวณกึ่งกลางเกาะซึ่งผู้พิทักษ์สวนหินตระกูลจี้นั่งสมาธิอยู่ตลอดทั้งปีทั้งชาติ ที่นั่นมีหินก้อนหนึ่งที่มีราคา 90,000 จินตี้
“หินก้อนนี้ตัดไม่ได้ มันเป็นสถานที่บ่มเพาะของบรรพบุรุษ” เด็กหนุ่มจากตระกูลจี้วิ่งเข้ามาขัดขวาง
“มันมีป้ายราคาติดอยู่ไม่ใช่หรือ?” หลี่เหอซุยถาม
“พวกเจ้าสามารถซื้อมันได้” ชายชราผมสีเงินโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
“ลืมไป ที่นี่คือที่สำหรับนั่งสมาธิของรุ่นพี่ พวกเราไม่โกรธง่าย” เย่ฟ่านส่ายหัว
ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้เลือกหินก้อนนั้นและตั้งใจว่าจะพอแค่นี้
“เจ้าจะยอมแพ้แบบนี้หรือ?” หลี่เหอซุยส่งสัญญาณเสียงอย่างลับๆ
“ความแข็งแกร่งของข้ายังไม่เพียงพอ สิ่งที่อยู่ในหินก้อนนั้นต้องเป็นสิ่งของล้ำค่ามากที่สุดของเมืองศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน หากข้าเปิดมันขึ้นมาตอนนี้มันจะเป็นเพียงการตัดเย็บชุดวิวาห์ให้กับคนอื่น”
ถ้านักพรตมังกรแดงยังอยู่ที่นี่เขาอาจจะเสี่ยงสักครั้งเพราะอย่างน้อยๆนักพรตเฒ่ายังมีคุณธรรมอยู่บ้าง แต่กับผู้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เย่ฟ่านไม่สามารถไว้ใจได้เลยจริงๆ