เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 35 : หืม? มีสมบัติอยู่ตรงนั้น?
ตอนที่ 35 : หืม? มีสมบัติอยู่ตรงนั้น?
“ต้องขอบคุณท่านหลินเปาแล้ว หากมิใช่เพราะท่าน สกุลเซียวคงไม่ยอมให้พวกเราจากมาได้ง่ายดายนัก” หลังออกมาจากตระกูลเซียวได้ ซวนชูแสดงความขอบคุณต่อตาแก่เปาอย่างนอบน้อม
ตาเฒ่าเปาเพียงโบกมือเล็กน้อย “ไม่นับเป็นสิ่งใดได้ สกุลเซียวไม่ได้โง่งมถึงเพียงนั้น มิต้องอาศัยข้า พวกเจ้าก็ยังคงรอดมาได้อย่างปลอดภัย”
“หากจะต้องขอบคุณใครสักคน ก็มอบมันให้เจ้าเซียนน้อยคนนี้เถิด หากไม่มีเขา ข้าเกรงว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายดายเท่าใดนัก”
หลินเปาหัวเราะออกมาเล็กน้อย เป็นที่แน่นอนแล้วว่าบัดนี้เขากำลังอารมณ์ดีอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ ตอนที่ปรากฏการณ์ปะทุขึ้น หลินซวนได้เปิดเผยเนตรสวรรค์นัยน์ตาหยินหยางออกมา แม้เขาเองจะไม่มีความรู้มากพอจะบอกได้ว่าดวงตาทั้งสามของหลินซวนนั้นมีอานุภาพเพียงใด แต่ก็สัมผัสได้ถึงความลี้ลับและทรงพลังของมัน
เพียงชั่วขณะที่เขาได้เห็นแววตานั้น ราวกับถูกดูดไปใจกลางดาราจักร หมู่ดาวมากมายปรากฏขึ้นรอบกาย โลกทั้งใบสามารถคว้ามาไว้ในอุ้งมือได้ ความลับฟ้าดินคล้ายผุดขึ้นในจิตใจ
“ช่างน่าเสียดาย เหตุการณ์นี้จางหายไปเร็วยิ่งนัก ข้ายังเกาะเกี่ยวได้ไม่เต็มอิ่มเลย....” ตาแก่เปาอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมาเมื่อนึกถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหน้านี้
ดวงตาพบแสงสวรรค์ และกลิ่นอายรอบกายหลินเปาก็ทรงพลังขึ้นกว่าก่อนหน้านี้พอสมควรทีเดียว ชัดเจนเลยว่าเขาได้รับโชคก้อนใหญ่พอตัว
“ฮ่าๆ กลับไปขวนครานี้ พวกตาแก่ที่เหลือต้องอิจฉาข้าอย่างแน่นอน!” ตาเฒ่าเปาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
ซวนชูและซวนหยานหรานเพียงมองกันและยกยิ้มเท่านั้น ดวงตาของพวกนางเรืองแสงขึ้น และไอปราณรอบก็ปะทุออกมา โอกาสใหญ่ที่เกิดขึ้นพวกนางได้รับบางสิ่งเช่นกัน
ซวนชูมองไปยังทารกน้อยและอดจะทอดถอนใจออกมามิได้ เพียงแรกเกิดยังสร้างปรากฏการณ์สั่นสะเทือนใต้หล้าเช่นนี้ หากเติบใหญ่ต่อไป จะทำให้ทั่วหล้าสั่นสะท้านมากถึงเพียงไหนกัน?
ครานั้นที่นางมองนัยน์ตาของหลินซวน ราวกับมองเห็นโลกทั้งใบสยบอยู่แทบเท้า
ในอีกด้านหนึ่ง ซวนหยานหรานมิได้ใส่ใจสิ่งใดมากนัก การได้ยกเลิกสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลเซียวนั้นราวกับหินก้อนใหญ่ที่ถ่วงจมอยู่ในใจนางถูกยกออกไป
เด็กสาวลูบแก้มของหลินซวนเบาๆ และมองเขาหลับใหล
ตอนที่ได้เห็นดวงตาแวววาวเต็มไปด้วยประกายราวกับหมู่ดาวนั้น ใจของนางก็หลอมละลายให้แก่เขาเสียแล้ว
เด็กหนุ่มผู้นั้นย่อมต้องเป็นหลินซวนน้อยในวัยเยาว์แน่นอน ช่างหล่อเหลาอย่างร้ายกาจยิ่ง
ทั้งสามต่างก็มีความคิดในใจแตกต่างกันไป แต่ล้วนเปี่ยมด้วยความสุขล้น ส่วนหลินซวนที่ในขณะนี้นอนอยู่ในอ้อมแขนผู้อื่น เขากำลังมองไปรอบตัว ตอนนี้ดวงตาที่สามกลางหน้าผากเขานั้นไปปิดลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนัยน์ตาหยินหยางก็กลับมาสู่รูปแบบม่านตาปกติ แม้หลินซวนจะไม่ได้เกรงกลัวผู้ใด แต่การจะเก็บงำความสามารถไว้ก็ย่อมดีกว่าเปิดเผยออกไปทั้งหมดมิใช่หรือ?
‘มุมมองที่ได้รับจากทักษะนัยน์ตาหยินหยางช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!’ หลินซวนน้อยอุทานขึ้นในใจ
ในการมองเห็นของเขานั้น โลกรอบกายแตกต่างออกไปจากที่คนปกติได้เห็น
โดยปกติ หากเขามองไปยังป่าทึบเบื้องหน้า สิ่งที่เห็นจะมีเพียงสีเขียวจากต้นไม้ใบหญ้าตามธรรมชาติเท่านั้น แต่เมื่อเขาใช้ทักษะนัยน์ตาหยินหยาง สิ่งต่างๆก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
สมุนไพรโอสถเรืองแสงสีเขียว ส่วนสิ่งที่เป็นอันตรายจะเปล่งแสงสีแดง
อักขระเต๋าที่ดูเก่าแก่ลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า และหินวิญญาณนับไม่ถ้วนถูกกลบฝังอยู่ใต้ดิน!
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อมองไปยังทิศทางของแดนรกร้างโบราณ เราสามารถมองเห็นถึงสถานที่ที่มีปราณวิญญาณกระจุกตัวกันอย่างเข้มข้น พบที่อยู่ของสัตว์อสูรทรงพลัง แม้กระทั่งสัญญาณของความโชคดีก็ปรากฏภายใต้สายตาของเขา!
ในรัศมีกว่าสามร้อยลี้ ข้อมูลของทุกสิ่งถูกแสดงแก่เขาด้วยทักษะนัยน์ตาหยินหยาง!
แม้กระทั่งปราณวิญญาณฟ้าดินก็ปรากฏตัวอย่างชัดเจนด้วยการมองเห็นของเขา!
ปราณวิญญาณฟ้าดินลอยอยู่ในอากาศ กระจายตัวอยู่ทุกที่ เปล่งแสงจางๆสีขาวนวลสบายตา
หลินซวนเบนสายตาไปยังอาวุโสหลิน ก่อนจะพบว่าร่างกายของตาแก่เปาผู้นี้ปกคลุมด้วยแสงบางๆหลายชั้นคล้ายมีผ้าม่านบังอยู่ เขาไม่สามารถจะมองทะลุเข้าไปได้
ส่วนร่างกายของซวนชูนั้นเต็มไปด้วยรูปแบบหลากหลายดูซับซ้อนซ่อนเงื่อนยิ่งนัก
แม้จะใช้ออกด้วยทักษะเนตรสวรรค์หรือนัยน์ตาหยินหยางก็ยังมิสามารถมองร่างของสองเฒ่าผู้นี้ให้ทะลุปรุโปร่งได้ ตอนนี้หลินซวนทำได้เพียงรับรู้ถึงอันตรายที่มากล้นเท่านั้น
“อืม...ดูเหมือนว่าระดับดินแดนปราณของข้าจะยังมิสูงมากพอ”
คิดได้ดังนั้น เขาก็เปลี่ยนไปมองยังแดนรกร้างแห่งนั้นต่อ
“ส่วนใหญ่ก็แค่สมบัติธรรมดาเท่านั้น อย่างไรเสีย ที่นี่ก็เป็นเพียงเขตแดนด้านนอกของดินแดนโบราณเท่านั้น”
ในระหว่างที่หลินเปาและคนอื่นๆยังคงใช้เวลาในการปรับสภาพร่างกายเนื่องจากการเลื่อนขั้นอยู่นั้น หลินซวนก็ยังคงมองสำรวจไปทั่วรัศมีสายตาของเขาเพื่อค้นหาสมบัติในบริเวณโดยรอบต่อไป
รัศมีถึงสามร้อยลี้นับว่ามิใช่ชั่ว แต่หากเทียบกับความกว้างใหญ่ของแดนรกร้างแล้ว ก็นับได้ว่าเป็นแค่เพียงพื้นที่ส่วนเล็กๆของมันเท่านั้น
แต่ถึงแม้ว่าสมบัติเหล่านั้นที่หลินซวนค้นพบจะเป็นเพียงของสามัญในสายตาเขา แต่สำหรับผู้บ่มเพาะคนอื่นแล้ว นี่คือของมีค่าที่พวกยอมต่อสู่จนตัวตายเพื่อให้ได้มา!
สมบัติทั้งหลายนั้นถูกซ่อนอยู่ในมุมมืดและลึกลับทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น สุดปลายถ้ำที่ลึกลงไปถึงสิบลี้ ใจกลางบ่อหินหลอมเหลว ที่นั่นมีสาหร่ายวิเศษขึ้นอยู่หนาแน่น สมบัติเหล่านี้ล้วนมีจิตวิญญาณในตัวเอง พวกมันเลือกที่จะซ่อนตัวในสถานที่ลึกลับและอันตรายเพื่อความอยู่รอด แต่น่าเสียดาย ภายใต้สายตาของหลินซวนแล้วก็นับว่าไร้ประโยชน์ยิ่ง ที่อยู่ของพวกมันถูกเปิดเปลือยออกมาเหมือนตั้งอยู่แทบเท้าเบื้องหน้าเท่านั้น
หลินซวนขดตัวอยู่ในวงแขนของซวนหยานหรานและยังคงมองหาสิ่งที่น่าสนใจต่อไปเรื่อยๆ เพียงชั่วพริบตาก่อนที่เขาจะละความสนใจจากแดนรกร้างนั้น จู่ๆประกายแสงแผ่วจางก็กะพริบผ่านสายตาเรียกความสนใจของเขา!
มันคือรัศมีแสงสีเทาบางเบา ซุกซ่อนอยู่ในมุมหนึ่งของแดนรกร้าง ชิดกับรอยต่อระหว่างดินแดนและสามัญเสียจนปกติแล้วคงไม่มีผู้ใดใส่ใจ อย่างไรเสีย เมื่อเพ่งมองไปยังกลุ่มแสงนั้นให้ดี หลินซวนก็พบกับแท่นบูชาที่ทรุดโทรมแต่กลับเปล่งประกายแสงห้าสีออกมา!
หากเป็นเพียงแค่แท่นบูชาธรรมดา หลินซวนคงไม่ใส่ใจนัก เพราะถือว่ามันเป็นสิ่งของสามัญที่พบได้ทั่วไปเท่านั้น
แต่ว่า ในตอนที่หลินซวนจ้องมองไปยังบริเวณนั้น ดวงตาที่สามกลางหน้าผากของเขาก็เปิดขึ้นพร้อมสายประกายแสงสีทองเรืองรอง!!
เนตรสวรรค์เปิดออก นัยน์ตาหยินหยานทำงาน! เพ่งมองกลุ่มแสงให้ดีก็ปรากฏเป็นอักขระบางอย่างจำนวนมาก!
อักขระเหล่านี้ล้วนดูเก่าแก่ดึกดำบรรพ์และไม่สมประกอบ แต่ถึงกระนั้น เวลาผ่านไปแสนนานเพิ่งใด พวกมันก็ยังคงทำงานอยู่!
นี่มัน.....มีสมบัติบางอย่างอยู่ที่แท่นบูชาผุผังนั่นอย่างนั้นหรือ?
มองเห็นเหตุการณ์นี้ หลินซวนอดไม่ได้ที่จะมุ่งความสนใจไปทันที!