ระบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 45 พิธีเปิด
เป็นวันที่นักเรียนทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอและไม่มีทางลืม
พิธีเปิดสถาบันฝึกทหารจักรพรรดิ เริ่มเวลา 07.00 น.
ในหอประชุมขนาดใหญ่ นักเรียนนายร้อยใหม่เข้าร่วมพิธีเป็นทางการครั้งแรกของพวกเขา พวกเขาแต่งกายด้วยชุดลายพรางมาตรฐานสีเขียวและน้ำตาล
นักเรียนนายร้อยปีที่สองเป็นคนจัดเตรียมดำเนินงานนี้
"คลิก"
"คลิก"
เสียงฝีเท้ากำลังเดินมาและดังก้องไปทั่วหอประชุม และทุกคนในหอประชุมรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มหนักขึ้น ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างมากดทับพวกเขา
นักเรียนนายร้อยเงยหน้าขึ้นและเห็นชายคนนั้นก้าวขึ้นไปบนเวที
เขาอยู่ในเครื่องแบบทหารที่ประดับประดาด้วยเหรียญตราต่างๆ แน่นอนว่าเขาเป็นนายพลสูงสุด มียศที่เหนือกว่าเขาแค่ยศเดียวตอนนี้นั่นคือจอมพล แต่มีจอมพลเพียง 3 คนในสหพันธ์มนุษย์ทั้งหมด
นักเรียนนายร้อยทุกคนแอบสงสัยเมื่อเห็นว่านายพลสูงสุดมีแผลเป็นที่แก้มซ้าย
ไม่มีนักเรียนนายร้อยคนไหนไม่รู้จักเขา
เขาคืออีแวนเดอร์ นายพลสูงสุด ตำนานระดับ 9 ที่พร้อมจะเป็นจักรพรรดิในอนาคต
เขายังมีอีกตัวตนหนึ่ง คณบดีสถาบันฝึกทหารจักรพรรดิ
“ฉันหวังว่าพวกคุณเตรียมตัวสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าแล้ว”
อีแวนเดอร์เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา อย่างไรก็ตาม กริยาท่าทางของเขานั้นเคร่งขรึ้มอยู่ตลอดเวลา
"คุณมาที่นี่ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน เงิน อำนาจ การถูกยอมรับ และอื่นๆ นี่คือสิ่งที่ผลักดันมนุษย์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว"
นักเรียนนายร้อยส่วนใหญ่เข้าใจสิ่งที่เขากำลังพูดได้อย่างดี
พวกเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะตั้งแต่วัยเด็ก แต่ยังต้องฝ่าฝันอุปสรรคมากมายเพื่อให้ได้เข้าเรียนที่นี่
ทำไม?
ทำไมมันถึงลำบากมากขนาดนี้?
ทำไมต้องใช้เวลาฝึก 14 ชั่วโมงทุกวันเป็นเวลา 3 ปี?
แน่นอนว่ามีเหตุผลก็เพื่อช่วยมนุษยชาติ เพื่อปกป้องทุกคน
แต่แล้วเหตุผลส่วนตัวของพวกเขาล่ะ?
แม้จะถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะ แต่บางคนในหมู่พวกเขาก็ทิ้งเวลาช่วงวัยเด็กของเขาและมั่นฝึกฝนให้เป็นคนที่เก่งขึ้นอยู่ตลอดเวลา
ส่วนใหญ่นักเรียนในห้องนี้มาจากครอบครัวชนชั้นกลาง พวกเขาไม่ได้ยากจนขนาดต้องหาเช้ากินค่ำ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รวยขนาดที่ว่าอยู่เชยๆ แล้วก็มีอันจะกิน
พวกเขาต้องการอนาคตที่สดใส ถ้าหากว่าเขาเป็นที่คนแข็งแกร่งจะทำให้มีเงินและมีอิทธิพล ตำแหน่งในกองทัพทำให้ชีวิตมีความหมายและน่านับถือ
ดังนั้นพวกเขาจึงยอมรับความยากลำบากเพื่อทำให้ความฝันของพวกเขาเป็นจริง
"หลักฐานของทุกสิ่งที่คุณต้องการคือการมีชีวิตรอดไปให้ได้" เสียงของอีแวนเดอร์เข้มขึ้น
"หลังจากหายนะบลิ้ง เราผ่านสงครามนิวเคลียร์ วิกฤตเมอร์ล็อค แต่การภัยอันตรายมากที่สุดที่เป็นปัญหากับมนุษย์ชาติคือ อะบิซอล กลับบ้านไปถามปูย่าตายายของพวกคุณซะถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่เรื่องการต่อสู้กับพวกอะบิซอลครั้งแรกมันโหดร้ายขนาดไหน"
นักเรียนนายร้อยกำหมัดและพยายามสงบสติอารมณ์ ปู่ย่าตายายของพวกเขาได้เห็นยุคที่มืดมนที่สุดของมนุษยชาติ
“พวกเขาอาศัยอยู่ในบังเกอร์ กินของเหลือ นอนในที่แคบๆ พวกเขาไม่มีอะไรที่สามารถทำได้แต่พวกเขารอดชีวิตมาได้”
อีแวนเดอร์สูดหายใจเข้าลึกๆ และระงับความเศร้าโศกในตัวเขา
"วันนี้เราอยู่บนทางแยก เราจะสามารถฆ่าพวกอะบิซอลให้หมดไปได้โดยการโค่น 8 ผู้ปกครองอะบิซอลลงทีละตัวเหมือนกับตอนที่เราทำที่ดาวพลูโต"
นักเรียนนายร้อยบางคนเริ่มร้องไห้
เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ดาวพลูโตถูกอะบิซอลบุกยึดครอง มนุษย์มากกว่าหนึ่งพันล้านคนถูกสังหาร อะบิซอลพวกมันฉายภาพที่ฆ่ามนุษย์อย่างโหดเหี้ยม
มันเป็นเรื่องราวที่บอบช้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รู้จักคนที่กำลังถูกฆ่าอยู่ในภาพที่พวกมันกระจายออกมา
บางคนสูญเสียพ่อแม่ไป คนอื่น ๆ พี่น้องของพวกเขา ญาติของพวกเขา แต่ทุกคนที่ร้องไห้คือผู้ที่สูญเสียคนที่รัก พวกเขาเอาศพมาทำพิธีให้อย่างถูกต้องไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ตอนนี้ เราอยู่ในสมดุลที่ละเอียดอ่อน เรามีจักรพรรดิ 8 คนและมีผู้ปกครอง 8 อะบิซอลนี่เป็นโอกาสของเรา” หลังจากผลักพวกเขาไปสู่ความสิ้นหวัง คำพูดของอีแวนเดอร์ก็จุดประกายความหวัง
“ตอนนี้ เราสามารถป้องกันตัวเองได้ แต่เราจะไม่มีวันสงบสุขจนกว่าพวกมันจะตายหมด วันที่เรามีจักรพรรดิคนที่ 9 คือวันที่มนุษยชาติจะมีสันติภาพ” อีแวนเดอร์โกหก
'เขาพูดเหมือนกับมันเป็นเรื่องง่าย แต่การให้ความหวังแก่พวกเขาดีกว่าการให้ความสิ้นหวัง'
ตามที่เขาตั้งใจไว้ เขาเห็นไฟในดวงตาของนักเรียนนายร้อย แม้ว่าจะมีมนุษย์เพียง 8 ใน 50 พันล้านคนเท่านั้นที่กลายเป็นจักรพรรดิ แต่พวกเขาก็ต้องการที่จะเป็นจักรพรรดิให้ได้
“ฉันหวังว่าจะได้เห็น 1 ในพวกคุณที่อยู่ที่นี้ได้เป็นจักรพรรดิ พวกคุณคืออนาคตของมนุษยชาติ” อีแวนเดอร์พูดและก้าวถอยหลัง
เพลงมนุษย์เริ่มขึ้นในเบื้องหลัง และทุกคนต่างจ้องมองไปที่ธงสหพันธรัฐมนุษย์บนเวที
นักเรียนนายร้อยยืนขึ้นและคำนับ พวกเขาร้องเพลงด้วยกัน ด้วยความรัก ความทุ่มเท และความเศร้าโศก
มนุษยชาติเริ่มต้นจากชนเผ่า สู่หมู่บ้าน สู่เมือง สู่อาณาจักร สู่จักรวรรดิ สู่ประเทศ และรวมตัวกันเป็นพันธมิตรมนุษย์
พันธมิตรมนุษย์พัฒนาเป็นสหพันธ์มนุษย์ มันเป็นการเดินทางที่ยากลำบาก แต่เป็นการเดินทางที่ช่วยมนุษยชาติ
เพลงชาติจบลงด้วยบทเพลงอันเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้มนุษย์มีชีวิตอยู่
"ความหวังในจิตวิญญาณของเราคงอยู่ตลอดไป"
ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบทหารเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วพูดว่า "สามปีที่คุณอยู๋ที่นี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของคุณ
ที่จะทำผลงานของคุณได้รับคะแนนความดีความชอบ คะแนนสะสมของคุณมากกว่าเพื่อนมากเท่าไรเมื่อจบการศึกษาแล้วคุณก็จะทิ้งห่างจากเพื่อนมากเท่านั้น
ตาม MP ของคุณ คุณจะเริ่มต้นยศที่สูงขึ้น ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเร็วขึ้น และมีอำนาจมากขึ้น"
นักเรียนนายร้อยได้รับแรงบันดาลใจและมุ่งหวังที่จะได้รับคะแนน MP ให้สูงที่สุด
นักเรียนนายร้อยปีที่สองมองดูพวกเขาและส่ายหัว พวกเขามีความคิดแบบเดียวกัน แต่ความเป็นจริงพิสูจน์ว่าพวกเขายังไม่รู้เกี่ยวกับที่นี้ดี
พวกเขาลงทะเบียนเพื่อดูแลกิจกรรมนี้เพื่อรับคะแนน MP พวกเขาไม่เคยคิดที่จะเป็นผู้รับผิดชอบงานนี้เมื่อเดือนก่อน
"ปีที่สองจะพาพวกคุณเยี่ยมชมสถาบันการศึกษาและแจ้งข้อมูลพื้นฐานให้คุณทราบ เราจะสิ้นสุดพิธีด้วยการมอบรางวัลการทดสอบเข้าสามอันดับแรก" เจ้าหน้าที่หญิงพูดแล้วยิ้ม
"แม้ว่าจะมีเวลาน้อยมากแต่ 3 อันดับแรกทั้งหมดมากลุ่มเดียวกัน" เธอเหลือบมองอีแวนเดอร์และเขาพยักหน้าเบา ๆ
“ไรอัน อัลเบิร์ต อันดับสามจากนักเรียนทั้งหมด”
ไรอันยืนขึ้นและเดินไปที่เวที
อีแวนเดอร์จับมือกับไรอันและกล่าวชมเชย
ไรอันเป็นหลานชายของจักรพรรดิอัลเบิร์ตและมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง
นักเรียนนายร้อยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ
"อันดับสอง นาร์ซิส แซนเดอร์"
นาร์ซิส แซนเดอร์ ยืนขึ้นอย่างแข็งทื่อและรีบไปที่เวที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ชอบการถูกเรียกว่าที่สอง
นาร์ซิสเป็นบุตรชายคนที่สองของจักรพรรดิจูเลียส แซนเดอร์ การได้อันดับสองเป็นเรื่องธรรมชาติของเขาเพราะเขาได้อันดับ 2 มาตลอด
อีแวนเดอร์ปฏิบัติตามหน้าที่และพูดบางอย่างเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้นาร์ซิสโกรธมาก
“ฉันคิดว่าเธอจะเป็นคนแรก พี่ชายของเธอชาร์ลลีเป็นคนแรกในการสอบเข้า”
"ความผิดผมเองครับ" นาร์ซิสแทบจะประคองตัวเองไม่อยู่ อีแวนเดอร์อาจเคารพพ่อของเขา แต่เขาไม่ความเคารพต่อนาร์ซิส ดังนั้นนาร์ซิสจึงพยายามที่จะไขว้คว้าตำแหน่งจักรพรรดิมาอยู่ตลอด
"อันดับหนึ่ง วาเรี้ยน คอนสแตนท์"
นาร์ซิสรู้สึกว่ามีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่หน้าผากของเขา เขาจำชื่อนี้ได้แม่นและไม่มีวันลืม
'ทำไม?! ถ้าคนแบบมันตายไป ฉันจะเป็นอันดับหนึ่ง ตอนนี้ทุกคนบอกว่าฉันด้อยกว่าชาร์ลลีเพราะไอ้สารเลวนั่น' เขาโกรธมากจนแทบจะกลั้นมันไว้ไม่อยู่
นักเรียนนายร้อยต่างอยากเห็นว่าใครเป็นคนที่ชื่อวาเรี้ยน ตอนสแตนท์ เพราะเขาแซงหน้านาร์ซิส แซนเดอร์ ซึ่งเป็นน้องใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
มีความอิจฉาริษยาและอยากรู้อยากเห็นว่าใครคือ "วาเรี้ยน"
หอประชุมก็เงียบ ทุกคนต่างรอคอยให้นักสู้อันดับหนึ่งแสดงตัวออกมา
และพวกเขารอ
และรอ
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง และมันก็กลายเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัด
ผู้หญิงบนเวทีส่งสัญญาณถึงปีที่สอง และพวกเขาตรวจสอบบัตรประจำตัวของคนในหอประชุม
พวกเขาส่ายหัวให้เธอ
'ช่างกล้า!' ผู้หญิงคนนั้นคิดและมองไปที่อีแวนเดอร์ ใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึกเช่นเคยและเขามองเธอชั่วครู่
'... ฉันน่าจะเป็นเทเลพาธและสื่อสารกับความคิดของคุณได้นะ อีแวนเดอร์' เธอคร่ำครวญ
"อันดับ 1 วาเรี้ยน คอนสแตนท์ ขึ้นเวทีเถอะ" เธอพูดอย่างประชดประชัน
“ฉันจะพูดครั้งสุดท้าย วาเรี้ยน คอนสแตนท์ อยู่ที่นี่หรือเปล่า” เธอกำลังจะถอดใจกับการเรียกชื่อเขา
“ครับผม!” วาเรี้ยนรีบวิ่งเข้าไปในหอประชุมและตะโกนว่า..