King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 280 เรื่องราว
ตอนที่ 280 เรื่องราว
ถึงตอนนี้จะยังสงสัยอยู่ก็เถอะว่าที่โอรอสพูดออกมามันคืออะไร แต่ยังไงฟังแล้วคงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอก เพราะงั้นตอนนี้ลองถามไปก่อนดีกว่าความปลอดภัยเอาไวทีหลัง
‘รวมร่าง… เจ้า… ไม่สิ! ท่านหมายความว่ายังไง’
‘ก็ตรงตามที่ได้บอกไป เพราะข้ากับเจ้ากำลังร่วมร่างขั้นสุดท้ายกัน’
ช่างเป็นคำตอบที่ทำให้เข้าใจได้ดีจริงๆ ชิ
‘แล้วมันหมายความว่ายังไงครับ ข้ากับท่านไม่ใช่ว่ารวมร่างกันอยู่แล้วเหรอ?’
‘ไม่เจอกันไม่กี่ปีเจ้านี่ถามเยอะขึ้นมากเลยนะ ต่างจากตอนเด็กจริงๆ’
น้ำเสียงการพูดของโอรอสฟังแล้วเหมือนคนอารมณ์เสียชัดๆ แต่ถึงตอนนี้อยากสวนกลับไปขนาดไหนก็ตามผมก็ต้องอดทนเอาไว้เพราะชีวิตของผมตอนนี้อยู่ในกำมือของเจ้านี่อยู่
อีกอย่างที่ตอนเด็กไม่ค่อยถามอะไรเพราะขี้เกียจถามยังไงล่ะ
‘ถ้างั้นเมื่อสำเร็จรอบนี้จะเกิดอะไรขึ้น’
‘ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ข้าจะหายไปแล้วเจ้าได้พลังส่วนที่เหลือไปก็เท่านั้นเอง’
น้ำเสียงที่โอรอสพูดออกมาฟังดูเหมือนกับว่าพูดเป็นเรื่องปกติมาก แต่มันไม่ได้ปกติขนาดนั้นนะ ถ้าหมอนี่หายไปแล้วพลังของผมละ? แล้วได้พลังทั้งหมดมันอะไรอีก? ช่างเป็นเรื่องที่คิดแล้วปวดหัวจริงๆ แต่เอาเถอะ เข้าใจไปก่อนแล้วกัน
‘เข้าใจแล้วครับ’
‘เอ่ะ?!?!?’
อะไร? ทีเข้าใจอะไรง่ายๆ ก็มาตกใจสรุปแล้วแกจะเอายังไงกับข้ากันแน่ อยากจะพูดออกไปแบบที่คิดจริงๆ แต่ผมก็ไม่ได้พูดออกไปแล้วถามสิ่งที่ควรถามต่อ
‘ท่านตกใจอะไรครับ’
‘ก็ไม่คิดว่าเจ้าจะยอมเข้าใจอะไรง่ายขนาดนี้… ไม่สิ! อย่างน้อยก็ช่วยถามหน่อยเถอะ ถามมาเถอะ!’
คือสรุปก็อยากให้ถามสินะ
พอถามแล้วก็บอกว่าสงสัยเยอะใครมันจะไปอยากถามกันละ เหอะๆ
‘ไม่ถามอะไรหรือไง ก็ได้ๆ ถ้างั้นข้าจะแสดงให้ดูก็แล้วกัน’
ยังไม่ได้ถามอะไรโอรอสก็พูดเองเออเอง จากนั้นรอบตัวผมที่มืดสนิทเป็นสีดำก็เริ่มมีแสงขึ้นแล้วภาพที่ไม่ค่อยคุ้นก็ปรากฏออกมาให้เห็น รอบตัวของผมตอนนี้เป็นเหมือนกับห้องโถงขนาดใหญ่ของพระราชวังที่เห็นบ่อยๆ
แต่ว่า
เรื่องการตกแต่ง เรื่องรายละเอียดและรูปแบบการจัดวางไม่คุ้นเอาสะเลย จะว่าเป็นของมนุษย์มันก็ไม่เชิง ของภูติก็ไม่น่าใช่หรือของเอลฟ์ก็ไม่เหมือนเท่าไหร่
“มองด้านหน้าสิ เจ้ามองอะไรอยู่!
ในระหว่างกำลังสงสัยอยู่นั้นเสียงโอรอสก็ดังขึ้นข้างๆ
พอหันมองไปตามเสียงก็พบกับลูกไฟสีทองที่ผมเคยเห็นเมื่อสมัยเด็กๆ น่าคิดถึงจริงๆ~
“มองข้าทำไมข้าบอกให้มองด้านหน้า”
“ครับ…”
ถึงจะรู้สึกไม่พอใจอยู่บางที่สุดยอดราชาต้องมาโดนออกคำสั่ง… ไม่สิ! ไม่พอใจสุดๆ เลยละที่ต้องมาโดนออกคำสั่งแบบนี้ แต่ผมก็ตามยอมตอบรับแต่โดยดีแล้วหันมองไปทางด้านหน้าแบบโดนสั่ง
เมื่อหันมองก็พบกับกลุ่มมนุษย์ ใช่ไหมนะ? เอาเถอะ! ถึงจะไม่แน่ใจไหมว่าเป็นคนเพราะพวกนั้นกำลังสวมชุดเกราะอยู่ แต่ยังไงก็มีรูปร่างเหมือนคนเพราะงั้นเรียกว่ามนุษย์ก็ไม่เสียหายอะไร
ด้านหน้าตอนนี้มีกลุ่มมนุษย์สวมชุดเกราะสีทองทั่วทั้งร่างกายทั้งสี่คนกำลังนั่งคุกเข่าต่อหน้าเก้าอี้บัลลังก์ที่น่าจะเป็นเก้าอี้บัลลังก์ของราชาอยู่ แต่พอลองตรวจสอบพลังดูก็ไม่รู้พลังที่แน่นอนว่าพวกนั้นมีพลังเท่าไหร่ เหตุผลน่าจะพลังมากกว่าผม หรือไม่ก็อาจจะเป็นเวทย์ความทรงจำของโอรอส
“แล้วเจ้าจะตรวจสอบพลังเพื่อ?”
โอรอสถามออกมาด้วยเสียงไม่ชอบใจนัก
อยากตอบกลับจังว่ามันเป็นเรื่องที่เคยชิน เพราะตั้งแต่ตรวจสอบได้ก็ใช้ตลอดเมื่อเจอศัตรูหรืออะไรที่ไม่น่าไว้ใจ
“ข้าทำเพราะระวังตัว…”
“เฮ้อ~ นี่มันเป็นเพียงเวทย์ความทรงจำของข้า ในสมัยก่อนที่ตัวข้าจะเดินทางมาทวีปนี้เท่านั้น เพราะงั้นไม่จำเป็นที่ต้องทำอะไรแบบนั้น”
ว่าแล้ว
หลังได้ฟังโอรอสอธิบายผมก็ชี้นิ้วไปด้านหน้า
“ถ้างั้นก็แปลว่าท่านเป็นหนึ่งในนั้นงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง! ข้าเป็นคนที่อยู่มุมขวาสุดที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มนั้น”
ตัวใหญ่เหรอ???
ดูยังไงก็ตัวเท่ากันหมดเลยไม่ใช่หรือไง …แต่เอาเถอะใหญ่กว่าก็ใหญ่กว่า
“ครับข้าเข้าใจแล้ว ถ้างั้นมาเข้าเรื่องต่อไปเลยแล้วกัน”
“ว่า”
“ถ้าตรงนั้นเป็นท่านก็แปลว่าคนที่เหลือก็เป็นเพื่อนของท่านที่เป็นสัตว์เทพเหมือนกันใช่ไหม”
“ถูกเพียง 50% …เพราะเพื่อนของข้ามีเพียงอีกสองคนเท่านั้น”
น้ำเสียงช่วงท้ายของโอรอสเพียงไม่ฟังก็เข้าใจได้ทันทีว่ากำลังโมโหอยู่ แต่เรื่องนี้แหละที่ผมกำลังจะถามต่อเพราะถ้าเป็นไปตามที่ผมรู้คือทวีปเดเชียมีเพียง 3 สัตว์เทพ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือโอรอสที่นั่งอยู่ตรงนั้น แต่ทว่า ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตอนนี้มีทั้งหมด 4 คน หรือจะเรียกว่าตัว… ไม่ ไม่ เรียกว่าคนนั้นแหละดีแล้ว ถึงจะไม่ใช่มนุษย์แต่พวกนี้ก็พลังสูงๆ กันทั้งนั้น
“ใกล้ได้เวลาแล้ว เจ้าจงฟังเรื่องทั้งหมดเอาไว้ให้ดีละ”
โอรอสพูดเสียงจริงจังในระหว่างผมสงสัยอยู่ ก็ไม่รู้หรอกทำไมถึงได้เข้าไปโหมดจริงจังได้แต่อย่าพึ่งถามอะไรตอนนี้น่าจะดีที่สุด คิดได้ผมเลยเงียบเอาไว้ถึงจะยังสงสัยอยู่ก็เถอะว่าอีกคนเป็นใคร
ผ่านไปได้ไม่นานนักทั้งสี่คนที่นั่งอยู่ต่างก็ก้มหน้าลง
ส่วนสาเหตุที่เป็นแบบนั้นก็เพราะมีมังกรขนสีทองเดินเข้ามาจากประตูทางเข้าของห้อง มังกรที่ดินเข้ามาสวมผ้าคลุมสีแดงเอาไว้ด้านหลัง แถมยังมีมงกุฎอยู่บนหัวด้วย ไม่ต้องอธิบายอะไรมากก็น่าจะเข้าใจได้ว่าตำแหน่งหมอนั่นมันเป็นอะไร
แต่ว่า
ถึงจะดูท่าทางน่ากลัวเพราะเป็นมังกรที่เดินได้เหมือนกับมนุษย์ แล้วก็มีร่างกายใหญ่โตมากก็เถอะ แต่สภาพร่างกายของเจ้านั้นก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ขนาดผมที่ไม่ใช่หมอ หรือมังกรก็ยังเข้าใจได้เลยเมื่อเห็นเพียงครั้งเดียว
“นั่นเป็นราชาเผ่ามังกรท่าน ดูอิล ดราก้อน ที่ 99”
หลังจากการปรากฏตัวของราชามังกร ดูอิล ดราก้อน ที่ 99 โอรอสก็อธิบายโดยที่ผมยังไม่ทันได้ถามอะไร แต่ก็เล่นแปลกใจเหมือนกันที่ได้ยินอะไรแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อชาติก่อนแล้วไม่เคยได้ยินราชาหรือราชวงศ์ประเทศไหนเลยที่จะไปถึง 99 แบบที่เห็นตอนนี้ การที่มีราชวงศ์ยืนยาวขนาดนี้ได้พวกนี้ทำได้ยังไงกันนะ?
ไม่สิ!
จะทำยังไงก็ช่างเถอะ เพราะไม่ว่ายังไงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าอยู่แล้ว ถ้าเกิดมีชีวิตรอดในสงครามที่จะถึงได้สิ่งที่เป็นปัญหาต่อไปในชีวิตของข้าคือ จะปลูกผักชนิดไหนเอาไว้กินหลังบ้านมากกว่า เรื่องการเมืองหรือเรื่องอำนาจพวกนี้ลาขาด! ไม่เอาแล้ว! บาย….
หลังจากที่คิดเพลินไปหน่อยกับเรื่องไม่เป็นเรื่องตอนนี้ราชามังกรก็นั่งบนเก้าอี้บัลังก์แล้ว
“พวกเจ้าเป็นเหล่าแม่ทัพที่ข้าเชื่อใจ รู้ใช่ไหม?”
ราชามังกรเริ่มพูดแล้วกวาดสายตามองทั้งสี่คนที่นั่งคุกเข่าด้านหน้าของตน
แต่ว่า
ยังไม่ทันไรก็พูดแบบนั้นออกมาแล้ว ประโยคแบบนั้นคนเป็นราชาไม่ค่อยพูดกันหรอกเพราะพวกราชารู้กันดีว่ามันจะเป็นเหมือนการสั่งเสียสะมากกว่า แต่… เฮ้อ~ คิดยังไงตอนนี้มันก็เป็นการสั่งเสียชัดๆ แล้วข้ามาทำอะไรที่นี่ มาดูเพื่ออะไร อยากถามจริงๆ แต่ดูก่อนดีกว่าอาจมีอะไรที่เป็นประโยชน์ก็ได้โอรอสคงไม่ได้แค่เอามาอวดหรอก
“องค์ราชาท่านเรียกพวกเราแม่ทัพทั้ง 4 มาพบในเวลาเช่นนี้ท่านอยากให้ทำอะไรครับ”
“นั้นข้าพูดเอง!” โอรอสที่เป็นลูกพูดขึ้นหลังชายด้านหน้าราชามังกรพูดจบ ซึ่งคนถามราชาก็เป็นตัวโอรอสเองนั่นแหละ เว้นช่วงสักพักเสียงจากลูกไฟก็ดังออกมาอีก “ในช่วงเวลานั้นมันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากของพวกเผ่ามังกรเลยก็ว่าได้ สงครามภายในทวีปก็กำลังรุนแรง สงครามภายในเพื่อแย่งชิงตำแหน่งราชาเองก็รุนแรงเช่นกัน ตอนนั้นข้าก็รู้แก่ใจแล้วว่าราชาต้องการพูดเรื่องอะไรแต่… เจ้าดูเองดีกว่า!”
ชิ!
ไหนๆ ก็เล่ามาขนาดนั้นจนดึงไปฉากดราม่าแล้วแท้ๆ ช่วยเล่าให้มันจบเลยไม่ได้หรือไง แต่เอาเถอะเรื่องนี้เองก็น่าสนุกเหมือนกันแล้วถ้าเกิดคิดตามที่โอรอสเล่ามาเมื่อกี้ก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้มีท่าทางโมโหอีกคนที่นั่งคุกเข่าอยู่นัก ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะยังไม่รู้ว่าเป็นคนไหนแต่ที่ผมคิดได้ก็คือ การทรยศ! หนึ่งในสี่แม่ทัพต้องทรยศราชาของตนแน่ๆ แต่จะทรยศยังไงก็คงต้องลุ้นเอา
คิดได้ผมก็ตั้งใจมองไปที่ราชามังกรอีกครั้งแล้วราชามังกรก็ตอบโอรอสที่ถามว่า…