King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 279 จิตใจแห่งการเอาจริง
ตอนที่ 279 จิตใจแห่งการเอาจริง
ณ สนามฝึกซ่อม
เมื่อสามารถตกลงกันได้ผมกับเนสก้าก็เลยต้องมาสู้กันอย่างที่พูดเอาไว้ และเนื้องจากการต่อสู้เป็นการต่อสู้ระหว่างบุคคลที่มีพลังระดับตำนานทั้งสองคนก็เลยมีพวกทหารจำนวนเกือบร้อยคนมากลางเวทย์พื้นที่เอาไว้[บาเรีย] รอบสนามประลองที่ผมกับเนสก้ายืนกันอยู่ ส่วนเนสก้าด้านหน้าก็ใช้อาวุธเป็นธนูแบบที่เธอถนัดพร้อมกับมีดาบขนาดไม่ใหญ่มากคาดเอวอยู่ แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงอาวุธของเธอแต่มันอยู่ตรงร่างจำแลงอสูรของเธอเป็นอะไรต่างหาก
“พร้อมยัง”
เสียงเดฟีเลียดังมาจากข้างสนาม
“ค่ะ”
“ครับ”
พวกเราสองคนตอบพร้อมกับแล้วพยักหน้าขึ้นลง จากนั้นเนสก้าก็เริ่มเตรียมตัวก่อนโดยเอาธนูของเธอออกมาแล้วหันศรตรงมาทางผม แถมไอ้ศรที่กำลังจะปล่อยออกมายังเต็มไปด้วยพลังเวทย์ธาตุไฟอีกด้วย อันตรายจริงๆ ไม่คิดเลยว่าเธอจะสามารถใช้ท่านี้ได้ด้วย ระหว่างคิดผมก็เบนสายตาไปที่เดฟีเรีย เวลาเจ็ดปีที่ผ่านมาเดฟีเลียสอนอะไรให้กับเธอกันนะ?
“ท่านดรารอน์ มันใช่เวลาที่ท่านจะไปสนใจทางอื่นไหมคะ ท่านก็เป็นแบบนี้ตลอดไม่เคยสนใจตัวข้าเลยหรือแม้แต่ความรู้สึกของข้าก็ด้วย”
“ใจเย็นสิเนสก้า ข้าไม่ได้-”
“หยุดเถอะคะ แล้วรับไป!”
พูดจบศรธนูก็พุ่งเข้ามาหาผม ทางผมเลยพยามเอียงตัวหลบเล็กน้อยเพราะธนูของเนสก้าถึงมันจะรุนแรงแต่ก็ไม่ได้รวดเร็วขนาดนั้น การหลบและการเลี่ยง สามารถทำได้ไม่ยากเท่าไหร่นัก แต่ระหว่างที่ผมกำลังสบายใจเมื่อหลบลูกแรกได้อยู่นั้นก็สัมผัสถึงไอพลังเวทย์ของสัตว์อสูรได้จากตัวของเนสก้าเมื่อหันไปมอง ซวยแล้วสิ! เป็นสิ่งแรกที่ผมคิดได้เมื่อเห็นร่างจำแลงอสูรประเภทความเร็วอย่างเนร่า
สัตว์อสูรประเภทนี้มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ทำให้ร่างกายของเธอไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก รูปร่างถ้าจะอธิบายก็คือคล้ายกับพวกแมวหรือเสื้อเพียงแต่ไม่ว่าไม่ขนมีเพียงแค่หูสองข้างและร่างกายที่เป็นลวดลาย แล้วก็รูปร่างที่เปลี่ยนไปนิดหน่อย รูปร่างที่เปลี่ยนไปของเธอนั่นแหละปัญหาเพราะสัตว์อสูรประเภทเนร่าเป็นสัตว์อสูรที่รักสงบไม่ต่อสู้ถ้ามันไม่จำเป็นจริงๆ แล้วเลือกหนีเป็นทางเลือกแรกเมื่อเจอกับอันตราย และด้วยการทำแบบนั้นของพวกมันทำให้ความเร็วเป็นอันดับหนึ่งของทวีปเดเชียในการต่อสู้… ไม่สิ! ต้องพูดในการเคลื่อนไหวเพราะพวกมันเน้นทางหนี เมื่อเอาความสามารถนั่นมาบวกกับธนูของเนสก้าและพลังของเธอ ไม่อยากคิด…
“ทำหน้าแปลกใจแบบนั้นข้าก็ไม่หยุดโจมตีหรอกนะคะ”
ศรธนูพุ่งตรงออกมาทันทีเมื่อเนสก้าพูดจบ แต่ที่พุ่งออกมาก็ไม่ได้มีเพียงลูกเดียวเพราะในระยะเวลาไม่ถึง 1 วินาที เธอสามารถยิงออกมาได้มากกว่าสิบลูก
เห็นแบบนั้นทางผมเองก็ไม่มีทางเลือกเลยต้องใช่ร่างจำแลงอสูรแต่ใช้เพียงร่างระดับ 3 เพราะถ้าใช้ระดับสี่หรือห้ามันก็คงไม่ใช่การทดสอบพลังเพราะถึงแม้สัตว์อสูรเนร่าจะเร็วก็จริง แต่ถ้าเทียบกับโอรอสมันก็เหมือนเด็กกับผู้ใหญ่นั่นแหละ
ฉวบ!
ฉวบ!
ฉวบ!
ศรธนูแทงตามร่างกายของผม เอ่ะ?!?!?! มะ หมายความว่ายังไง??? ในหัวของผมเต็มไปด้วยความสงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะตอนแรกแน่ใจแล้วว่าสามารถหลบได้ แต่แล้วทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้ ถึงมันไม่ได้เจ็บอะไรแค่ดึงออกก็รักษาได้แล้วก็เถอะ
“ท่านกำลังสงสัยสินะคะ”
“อ่า เมื่อกี้ข้าว่าข้าหลบทันแล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้”
ผมตอบพร้อมกับค่อยๆ ดึงลูกศรตามร่างกายออก แต่ระหว่างดึงก็ต้องแปลกใจอีกเพราะตอนแรกคิดว่าเธอคงยิงโดน 3 ไม่ก็ 4 ลูก แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะตามร่างกายของผมตอนนี้เป็นจำนวนลูกศรกว่า 10 ลูก เกือบจะเท่าที่เธอยิงมาเลยด้วยซ้ำ
“เพราะท่านประมาทข้าไงละ ท่านคงกำลังคิดว่าความเร็วของข้าคงตามท่านไม่ทันถ้าท่านอยู่ในร่างจำแลงอสูรสินะ”
ก็ปกติมันเป็นแบบนั้นนิ-
“แต่ท่านคิดผิดแล้วละคะ เพราะทางข้าเองก็ฝึกกับร่างของสัตว์อสูรที่ได้มาจนเชี่ยวชาญแล้ว ไม่มีทางตามความเร็วของท่านไม่ทันแน่”
ใบหน้าระหว่างพูดออกมาของเนสก้าเป็นใบหน้าที่มั่นใจมาก แถมในช่วงท้ายยัยนั่นยังแสยะยิ้มออกมาอีก
“มั่นใจจังเลยนะ หึหึ! ถ้าเป็นแบบนี้ทางข้าเองก็คงยอมให้ดูถูกไม่ได้”
“ข้อก็รอคำนั้นอยู่แหละคะ”
พูดจบเนสก้าก็เริ่มระดมยิงมาอีกครั้ง ส่วนทางผมที่รู้ว่าตัวเองประมาทเธอไปก็เจ็บใจนิดหน่อยที่ความสามารถประเมินศัตรูลดลงไปขนาดนั้น เพราะในสนามรบแล้วความสามารถในการประเมินศัตรูเป็นเรื่องจำเป็น แล้วผมก็จะเริ่มประเมินศัตรูจนแน่ใจก่อนถึงจะเริ่มลงมือกด้วยเหตุผลแบบนี้แหละทำให้ในชาติก่อนผมสามารถรวมโลกให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ แต่ดันมาพลาดประเมินผู้หญิงคนเดียวสะได้ ชิ!
คิดได้ผมก็เริ่มกลายร่างเป็นร่างจำแลงอสูรระดับ 5 จากนั้นก็เข้าต่อสู้กับเนสก้าอีกครั้ง แต่ผลกลับออกมาอย่างรวดเร็ว ถึงแม้เมื่อผมแปลงเป็นร่างอสูรระดับ 5 ความเร็วของผมจะน้อยกว่าของเธอก็ตาม แต่ด้านอื่นผมก็เหนือกว่าทั้งหมด ทั้งการโจมตีและการป้องกัน ทำให้ผมการประฝีมือครั้งนี้เนสก้าภายแพ้ไป!
“สมแล้วที่เป็นเจ้า แต่ใช่ร่างจำแลงสูงสุดสูงมันไม่เกินไปหน่อยเหรอ”
เดฟีเรียถามเมื่อผมลงจากเวทีประลอง แต่พอหันมองไปที่เนสก้าที่เดินตามหลังมาเธอก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรขนาดนั้นสักหน่อย มีเพียงบาดแผลนิดหน่อยตามร่างกายที่ร่างไปกระแทกกับพื้นสนามประลอง จึงตอบเธอกลับไป
“ข้าว่าไม่ขนาดนั้นนะ”
“ช่างเถอะๆ เอาเป็นว่าวันนี้พวกเรามาจัดงานเลี้ยงฉ-”
ตุ๊บ!
เดฟีเรียพูดยังไม่ทันจบแต่เสียงของเธอก็ขาดไป แล้วไม่นานก็มีเสียงเหมือนกับว่าอะไรที่สัมผัสลงพื้น เหมือนกับร่างกายตกลงพื้น… เดี๋ยวก่อน! มันไม่เหมือนแล้วสัมผัสแบบนี้มันอะไรทำไมเราถึงได้นอนได้ละ??? หลังจากพยามเรียบเรียงสถานการณ์ก็ได้เข้าใจว่าเดฟีเลียไม่ได้หยุดพูดหรือเป็นอะไร แต่ที่มันเป็นคือผมต่างหาก พลังเวทย์ก็ไม่ได้หมด! ร่างกายก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ! แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นทำไมเราถึงขยับร่างกายไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ ลืมตาก็ไม่ได้แถมยังไม่ได้ยินอะไรอีก
‘ไม่ต้องตกใจไปหรอก ร่างกายของเจ้ากำลังร่วมร่างขั้นสุดท้ายอยู่’
ระหว่างกำลังตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็มีเสียงดังขึ้นมาในหัว แล้วเสียงที่ดังขึ้นมาตอนนี้ก็ไม่ใช่เสียงใครที่ไหนแต่มันเป็นเสียงของโอรอสที่อยู่ในร่างกายของผมนั่นเอง!