64 - เราอิจฉาผู้ป่วยโรคจิต?
64 - เราอิจฉาผู้ป่วยโรคจิต?
เกมที่สิบ!
KO!
เฉียนเสี่ยวเป่าส่งเสียงหัวเราะอย่างน่ารำคาญ แต่ต่อมารอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไปในทันที
บูม!
หลินฟ่านลุกขึ้นต่อยหน้าจอคอนโซลเกมจนพังคามือของเขา
การพ่ายแพ้บ่อยๆนั้นแย่มาก
เขาไม่ได้โกรธแต่อยากถามตัวละครในเกมว่าทำไมคุณถึงแพ้อยู่ตลอดเวลา
“ขอโทษ แค่อารมณ์ชั่ววูบ” หลินฟ่านถอนมือและขอโทษ
เฉียนเสี่ยวเป่ามองไปที่หน้าจออย่างตะลึงงัน จากนั้นค่อยมองไปที่หลินฟ่าน
เจ้าของร้านลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินเสียงโดยคิดว่าถังแก๊สของเขาระเบิด
เมื่อเขาเห็นฝ่ายตรงข้ามทำลายเครื่องเล่นเกม ไฟในใจของเขาก็ดับลงทันที
คุณกำลังทำอะไรอยู่? นี่คือคนที่เครื่องมือทำมาหากินของฉัน มันเลี้ยงลูกของฉันจนโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี รู้ไหมว่ามันราคาเท่าไหร่?
แต่เงินเป็นเพียงสิ่งของนอกกาย ชีวิตของเราต่างหากที่เป็นของเราอย่างแท้จริง เจ้าของร้านตระหนักได้ถึงข้อเท็จจริงของโลกมานานแล้ว
“ถ้าเครื่องนี้ไม่เหมาะเดี๋ยวผมเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ก็แล้วกัน”
เจ้าของร้านยิ้มอย่างอ่อนโยนและสั่งให้ลูกน้องของเขาเอาเครื่องใหม่มาเปลี่ยนให้
การหาเงินไม่ใช่เรื่องง่ายมันมีโอกาสไม่มากนักที่จะพบลูกค้าที่มือเติบขนาดนี้ และที่สำคัญที่สุดมันมีลูกค้าไม่กี่คนเท่านั้นในโลกที่สามารถทำลายตู้เกมของเขาด้วยหมัดเดียว
เกมที่ 11 เริ่มต้นขึ้น
อย่าคิดว่าเฉียนเสี่ยวเป่าอายุเพียงเจ็ดขวบ ในเมื่อเขาเป็นทายาทของคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองความคิดของเขาย่อมโตกว่าคนวัยเดียวกันมาก
ตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าเมื่อสักครู่นี้เขาสนุกเกินไปและทำให้คนอื่นไม่มีความสุข เมื่อคิดได้แบบนั้นมือของเขาก็กดปุ่มช้าลงและมันทำให้หลินฟ่านได้รับชัยชนะเป็นครั้งแรก
"ว้าว! น่าทึ่งมาก"
“โอ้ย ได้ยังไง”
เขาแกล้งร้องออกมาชนิดที่ว่าต่อให้เป็นคนปัญญาอ่อนก็ยังมองออก
ในเกมต่อมาเฉียนเสี่ยวเป่าควบคุมตัวละครในเกมและเดินไปรอบๆ เขาไม่ได้กดปุ่มเตะหรือต่อยเพียงปล่อยให้หลินฟ่านโจมตีอยู่เพียงฝ่ายเดียว
“เหล่าจาง ผมล้างแค้นให้คุณแล้ว” หลินฟ่านรู้สึกหมดสนุกเหมือนกันเขาเลยคิดจะพอแค่นี้
ผู้เฒ่าจางปรบมือ "โอเค เยี่ยมมาก"
ไม่รู้ทำไม เฉียนเสี่ยวเป่าพบว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก เขาไม่เคยอ่อนข้อให้กับคนอื่น แต่ทำไมวันนี้เขาถึงทำตัวผิดปกติไปหมด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ กลุ่มชายร่างใหญ่ในชุดดำก็บุกเข้ามา และเมื่อพวกเขาเห็นเฉียนเสี่ยวเป่า พวกเขาก็วิ่งเหยาะๆเข้ามาแสดงความเคารพ
“นายน้อยในที่สุดพวกเราก็พบคุณ”
เมื่อพวกเขารู้ว่านายน้อยหายไปจากโรงเรียน พวกเขาทั้งหมดก็ร้อนรนเป็นอย่างมาก พวกเขาออกค้นหานายน้อยอยู่ตลอดเวลา
จนกระทั่งบัตรเครดิตของนายน้อยมีการนำไปใช้ พวกเขาสืบหาร้านค้าและรีบตรงดิ่งมาที่นี่ทันที
เฉียนเสี่ยวเป่าลุกขึ้นอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเห็นบอดี้การ์ดของเขาตามมาถึงแล้ว
“มาถึงเร็วจัง ฉันยังเล่นไม่พอเลย”
เขาต้องการไปช้อปปิ้งต่อ สุดท้ายที่บ้านของเขากลับส่งคนมาตามแล้ว
เมื่อเห็นกลุ่มคนชุดดำเถ้าแก่เจ้าของร้านก็รีบนั่งหลบอยู่หลังบาร์ด้วยความกลัว
นี่เป็นลูกชายของมหาเศรษฐีจริงๆไม่อย่างนั้นปรากฏการณ์ที่น่าตื่นตะลึงนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น
“พวกคุณจะไปไหนต่อเดี๋ยวผมไปส่ง”
เฉียนเสี่ยวเป่ายืนอยู่หน้ารถหรูสีดำยาว แม้ว่าเขาจะยังเด็กมาก แต่จิตใจของเขาก็เป็นผู้ใหญ่กว่าวัย ทั้งสองเป็นผู้ช่วยชีวิตของเขาและเขาถือว่าทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อน
เป็นเรื่องปกติที่จะส่งเพื่อนกลับบ้าน
"กลับโรงพยาบาล" หลินฟ่านกล่าว
"ตกลง." ผู้เฒ่าจางพยักหน้า
ทั้งสองพูดคุยด้วยลักษณะท่าทางปกติ แต่มันไม่ปกติในสายตาของบอดี้การ์ดทั้งหลาย
บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างนายน้อยเห็นป้ายห้อยอยู่ที่หน้าอกของทั้งสองคน และพวกเขาก็รู้สึกตกใจจนแทบเสียสติ
ทั้งสองคนเป็นผู้ป่วยทางจิต และโดยพื้นฐานแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะสื่อสารกับผู้ป่วยทางจิตรู้เรื่อง นายน้อยอยู่กับคนป่วยทางจิตจริงๆ?
มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ถ้าพวกเขามาช้ากว่านี้จะเกิดอะไรขึ้น?
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอรบกวนด้วย”
แม้ว่าพวกเขาจะป่วยทางจิตแต่พวกเขายังคงมีมารยาทอยู่เสมอ
ทางเข้าโรงพยาบาลจิตเวชชิงซาน
หลินฟ่านยืนอยู่ที่ประตูพร้อมกับผู้เฒ่าจาง ในตอนนี้พวกเขากำลังโบกมือให้เฉียนเสี่ยวเป่า
"ลาก่อน."
เฉียนเสี่ยวเป่าพิงหน้าต่างรถและโบกมืออย่างมีความสุข
"ลาก่อน อาทิตย์หน้าผมจะมาเยี่ยมพวกคุณ"
"ยินดีต้อนรับเสมอ" หลินฟ่านกล่าว
ไม่นาน รถหรูคันนั้นก็ขับออกไปและค่อยๆ หายไปจากสายตาของพวกเขา
หลินฟ่านและผู้เฒ่าจางมองหน้ากัน
“เขาบอกลาเรา เขายินดีที่จะเป็นเพื่อนกับเรา” ผู้เฒ่าจางกล่าวอย่างมีความสุข
"เขาเป็นคนดี" หลินฟ่านกล่าว
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา แล้วพวกเขาก็พูดพร้อมกัน
"ผมมีความสุขมาก"
พยาบาลสองคนมองไปที่ผู้ป่วยทางจิตสองคนที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา และเกิดความสับสนอยู่ชั่วขณะ?
ตัวตนของเด็กคนนั้นไม่ธรรมดา รถคันหรูสีดำคันยาวต้องเป็นของตระกูลที่ร่ำรวยอย่างแน่นอน แต่เขาจะอยู่กับผู้ป่วยทางจิตได้อย่างไร?
แม้แต่คนธรรมดาอย่างพวกเขาหากคิดจะผูกมิตรกับทายาทตระกูลร่ำรวยแบบนี้ ก็ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างเด็ดขาด
ทุกวันนี้ แม้แต่ผู้ป่วยทางจิตก็ยังมีเพื่อนที่ร่ำรวย มันทำให้เขาเกิดความรู้สึกอิจฉาจริงๆ