เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 32 : เพียงปรายตามอง ตระกูลเซียวก็แทบล้มละลาย...
ตอนที่ 32 : เพียงปรายตามอง ตระกูลเซียวก็แทบล้มละลาย...
ในที่สุดดวงตาที่แสนน่าหวาดหวั่นดวงนั้นก็กระพริบปิดลง หลินซวนที่ในที่สุดก็สามารถมองเห็นทุกอย่างได้แล้วอดมิได้จะรู้สึกยินดีอยู่พอสมควร
แม้เขาจะยังคงขยับตัวไม่ได้ แต่อย่างน้อยกว่าได้มองด้วยตาเนื้อของตนเองก็ดีกว่าการมองผ่านสัมผัสวิญญาณเป็นไหนๆ!
หากมองให้ดี นัยน์ตาหยินหยางที่เป็นม่านตาของเขานั้นมีฉากของการก่อร่างฟ้าดินอยู่ ส่วนดวงตาส่วนที่เหลือถ้าเพ่งมองให้ดีจะสัมผัสได้ถึงความโกลาหลและประกายแสงสีทองหมุนวนภายใน หลินซวนค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ
กล่าวตามตรง นัยน์ตาหยินหยางและเนตรสวรรค์นั้นนับว่ามีการใช้งานที่แตกต่างกันอยู่ เพียงแต่เขามิจำเป็นต้องเปลี่ยนจุดวางสายตา แค่ใช้ความคิดก็สามารถกระตุ้นการทำงานของทักษะแต่ละอย่างได้ตามใจนึกทันที
ด้วยความสามารถที่ได้รับมา เขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งรอบตัวได้ทุกทิศทาง ไม่ว่าจะด้านหน้า ด้านหลัง ซ้ายหรือขวา แม้กระทั่งในเงาก็ตามแต่...
ทุกอย่างในห้องโถงตระกูลเซียว บัดนี้อยู่ภายใต้การสังเกตของเขาทั้งสิ้น!
แม้กระทั่งขนทุกเส้นของนกที่บินห่างไปหลายลี้ทางด้านหลังของเขา ยิ่งกว่านั้น ด้วยทักษะทั้งสองนี้ หลินซวนถือได้ว่าไม่มีจุดบอดทางการมองเห็นโดยสิ้นเชิง!
ค่ายกล เส้นทางลับ เขตหวงห้ามทั้งหมดของตระกูลเซียว บัดนี้เขารับรู้ทุกสิ่งได้อย่างทะลุปรุโปร่ง!
“อะไรอยู่ตรงนั้นกัน?”
“ช่างเป็นค่ายกลที่แปลกประหลาดนัก”
“ดูเหมือนว่าห้องเก็บสมบัติของพวกเขาจะฝังอยู่ใต้ดินบริเวณนั้น มีค่ายกลกับดักวางอยู่อีกสามสิบหกชั้นด้วยกัน คาดว่าคงมีของสำคัญมากอยู่ในนั้นสินะ”
“โอ้ นี่มันเหมืองหินวิญญาณระดับสูง! ทางเข้าถูกกลบซ่อนด้วยวิธีนี้นี่เอง!”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไม่มีผู้ใดรับรู้มาก่อน ข้าไม่คิดเลยว่าสกุลเซียวจะร่ำรวยถึงเพียงนี้....”
หลินซวนกำลังขบคิดกับตัวเอง ด้วยทักษะทั้งคู่ที่เขาได้รับมานั้น ทุกสิ่งของตระกูลเซียวย่อมอยู่ภายใต้สายตาทั้งหมดของเขา ไม่ว่างจะเป็นค่ายกลที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่สามารถจะต่อต้านเขาได้! และยิ่งเขาควบคุมความสามารถนี่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งของมันก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น!
ด้านนอกตระกูลเซียว เมืองอู๋ตันในเวลานี้นั้นราวกับว่าเวลาเดินช้าลงเรื่อยๆ คล้ายกับกฎเกณฑ์ของโลกบริเวณนี้กำลังผิดแผกไป! ครานี้ ชาวเมืองทั้งหลายกลายเป็นเหมือนกับผีดิบ เดินอย่างเอื่อยเฉื่อยไปมาบนท้องถนน ดวงตาไร้แวว
ท้ายที่สุด ไม่เพียงแค่คนตระกูลเซียวเท่านั้น แต่รวมถึงซวนชู ซวนหยานหราน และตาแก่เปาเองก็กำลังอยู่ในสภาวะที่สับสน คล้ายกึ่งหลับกึ่งตื่นในขณะนี้!
หากมีใครสักคนได้สติและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้า ตงจะตกใจจนตายได้อย่างแน่นอน! จะมีอัจฉริยะคนใดเลยสามารถพอจะสร้างปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้อีก!
“ทักษะเนตรสวรรค์ นัยน์ตาหยินหยางนี้...นับว่าใช้งานไม่ง่ายนัก ข้าคงต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่กว่าจะสามารถควบคุมมันได้อย่างเต็มที่”
แม้เขาจะมองเห็นทะลุทะลวงทุกสิ่งได้ในเวลานี้ แต่ยังห่างไกลจากการใช้ทักษะที่ได้รับมาเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังทำลายนัก
แม้ความสามารถนี้จะตื่นขึ้น แต่ในความจริงแล้ว สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเมืองอู๋ตันล้วนเป็นเพราะระบบทั้งสิ้น หากหลินซวนต้องการที่จะใช้พลังในการหยุดเวลานี้ เขายังคงต้องบ่มเพาะฝึกฝนไปอีกนาน
“แต่อย่างน้อยข้าก็ได้รับสิ่งใหม่ๆมาบ้างล่ะนะ”
“จะให้กลับไปมือเปล่าทั้งๆที่เดินทางมาถึงนี่แล้วก็ดูจะไม่ได้เสียด้วย...”
“ข้าจะเก็บเอาสมบัติบางอย่างที่น่าสนใจติดไม้ติดมือไปด้วยก็แล้วกัน เอาล่ะ มาลองทดสอบทักษะใหม่ที่ได้มากันดีกว่า”
เพียงคิด เขาก็หายใจเข้าลึกและเบนสายตาลง จากนั้นพลังงานบางส่วนก็ไหลออกจากดวงตาของเขาและแทรกลึกลงไปยังพื้นเบื้องล่าง
…..
นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่หลินซวนได้ลองใช้งานทักษะเนตรสวรรค์นัยน์ตาหยินหยางที่เพิ่งได้รับมา รอบตัวเขาตอนนี้ มนุษย์ทั้งหลายกำลังตกอยู่ในสภาวะมึนงงสับสน เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ในสถานการณ์ตอนนี้กลับมีร่างหนึ่งที่ยังคงสติได้อย่างเป็นปกติ
แกร๊ก!
เศษดินและหินร่วงหล่นกระทบพื้น เซียวซุ่ยที่โดนฝังอยู่ใต้ซากกำแพงขยับตัวเล็กน้อย ทั่วทั้งร่างของเจ็บปวดเกินทานทน และเขายังไม่สามารถจะลุกขึ้นมาได้ แต่หากมองไปจะเห็นว่าบัดนี้มีวงแหวนประหลาดดูเก่าแก่โบราณกำลังลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟสีขาวสว่าง และวงแหวนนี้กำลังสกัดกั้นมิให้สภาวะเวลาที่ถูกหยุดจากระบบกล้ำกรายเข้ามา แต่ดูเหมือนว่าสุดท้ายและกำแพงที่ขวางกั้นอยู่จะทนได้อีกมินานเท่าใดนัก
“เจ้าเด็กปิศาจนั่น...เกิดอะไรขึ้น....” ใบหน้าของลูกเต่าแซ่เซียวบัดนี้น่าเกลียดยิ่ง
เขาค่อยๆขยับศีรษะขึ้นมามองไปยังห้องโถงของตระกูลตนเองอย่างช้าๆ เมื่อเห็นว่ากาลเวลากำลังเดินช้าลง ใบหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึง
ต้องรู้ก่อนว่าผู้คนที่อยู่ในโถงหลักตอนนี้นั้นนับว่าระดับการบ่มเพาะมิใช่ชั่ว ล้วนแต่เป็นชนชั้นนำของสกุลเซียวทั้งสิ้น!
บางคนถึงขั้นก้าวสู่ดินแดนปราณชั้นกลาง และมีทะเลลมปราณของตัวเอง! ด้วยพลังวิญญาณที่คอยปกป้องคุ้มครองร่างกายอยู่ พวกเขาควรจะสามารถต้านทานต่อพลังอื่นได้พอสมควร!
แต่ถึงกระนั้น บัดนี้พวกเขาราวกับผีดิบโง่งม เคลื่อนไหวเชื่องช้า และหมดสิ้นซึ่งความเป็นตัวของตัวเองโดนสิ้นเชิง! ทุกสิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้าทารกปิศาจในอ้อมกอดของซวนหยานหรานปรายตามองมา! และเมื่อนึกถึงสายตาคู่นั้น แม้แต่เซียวซุ่ยเองก็ทำได้เพียงสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว!
ช่างน่าหวั่นเกรงยิ่งนัก! ราวกับว่าเพียงมองมาก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนโกลาหลขึ้นในอากาศ สรวงสวรรค์และผืนแผ่นดินพังทลาย โลกทั้งใบกลับตาลปัตร! เมื่อไหร่กันที่อัจฉริยะเช่นนี้กำเนิดขึ้นมาในสกุลหลิน? แต่แล้ว เซียวซุ่ยก็ไม่ได้จมอยู่ในความคิดนานนัก เพราะว่า....
ฟุ่บ!
เสียงกระชากรุนแรงเกิดขึ้น และทั่วทั้งห้องโถงก็สั่นไหวราวกับถูกเขย่า!
ปราณวิญญาณฟ้าดินนับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากพื้นเบื้องล่าง!
ปราณที่หนาแน่นเหล่านี้หมุนวนอย่างรวดเร็วก่อนควบแน่นคล้ายภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ!
หลังจากช่วงเวลาแห่งความตกใจ ใบหน้าของเด็กหนุ่มสกุลเซียวก็เปลี่ยนไป! ปราณเหล่านี้...มิใช่ว่ามาจากเหมืองหินวิญญาณข้างใต้ตระกูลของเขาหรอกหรือ!
นอกจากเหล่าชนชั้นผู้นำไม่กี่คนของตระกูลเซียวแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าทารกคนนี้ค้นพบเหมืองหินวิญญาณข้างใต้ได้อย่างไร! นี่นับเป็นปริมาณปราณวิญญาณเกินกว่าครึ่งที่ฝังตัวอยู่ในเหมืองข้างใต้นั่น!! บัดนี้เซียวซุ่ยกำลังอยากจะกระอักเลือดตายให้รู้แล้วรู้รอด!
เหม่อมองไปยังทารกปิศาจคนนั้นจากระยะไกลเยี่ยงนี้ เด็กหนุ่มตระกูลเซียวทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เจ้าสัตว์ประหลาดน้อย! เป็นเพียงทารกแรกเกิดใยสามารถดูดซับปราณวิญญาณฟ้าดินได้มากถึงเพียงนี้! ครานี้ ดูเหมือนว่าตระกูลเซียวจะพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่เข้าแล้ว หวังว่า อย่างน้อยพวกเขาคงไม่ถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัวเสียก่อน...
แต่ละวินาทีผ่านพ้นไป ภายใต้ปรากฏการณ์ที่เกิดจากเนตรสวรรค์นัยน์ตาหยินหยาน ท้ายที่สุดแล้ววงแหวนของเซียวซุ่ยก็เริ่มไม่สามารถจะต้านทานเอาไว้ได้ และเปลวไฟก็มอดดับไปในที่สุด
เพียงเปลวไฟสุดท้ายจางหายไป สติทั้งหมดของเซียวซุ่ยก็เลือนลางลง ราวกับร่ายการของเขาถูกบังคับให้ตกลงสู่ห้วงแห่งความสับสน แล้วทุกอย่างก็ดับไป...